เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2559 เว็บไซต์ Science Alert เปิดเผยเรื่องราวการค้นพบร่องรอยอันอาจเป็นเมืองโบราณอีกแห่งของอาณาจักรมายา เจ้าของอารยธรรมโบราณอายุเก่าแก่กว่า 2,000 ปี อยู่กลางป่าบนคาบสมุทรยูทากัน ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศเม็กซิโก โดยการค้นพบนี้เกิดขึ้นจากเด็กนักเรียนชาวแคนาดาวัยเพียง 15 ปี ชื่อ วิลเลียม กาดูรี
วิลเลียมเผยว่า เขาเริ่มศึกษาเรื่องอาณาจักรมายาด้วยตนเอง และเกิดสงสัยว่าทำไมซากอารยธรรมของชาวมายันที่ถูกค้นพบ ถึงไปตั้งอยู่ในป่าลึก บ้างก็เป็นเพียงบริเวณเล็ก ๆ ดูแล้วไม่น่ามีความสำคัญ กระทั่งนำเรื่องที่ชาวมายันบูชาดวงดาวเข้ามาเชื่อมโยงกัน ก็ได้พบว่า เมืองใหญ่ ๆ ของชาวมายันนั้นตั้งอยู่ตรงกับตำแหน่งของดาวดวงที่สุกสว่างที่สุดในกลุ่มดาวต่าง ๆ พอดิบพอดี จึงได้ตั้งสมมติฐานขึ้นมาว่า ชาวมายันได้สร้างเมืองขึ้นตามตำแหน่งดวงดาว
วิลเลียมศึกษากลุ่มดาวมายันไปแล้ว 22 กลุ่ม และได้ทำแผนที่ดวงดาวของตนเองขึ้นมา ซึ่งจากแผนที่นั้น เขาสามารถเชื่อมโยงระบุตำแหน่งเมืองโบราณของชาวมายันที่ค้นพบแล้ว 117 แห่งเข้ากับตำแหน่งดวงดาวได้ และล่าสุดที่เขาได้ศึกษาตำแหน่งดวงดาวกลุ่มที่ 23 ซึ่งประกอบด้วยดาว 3 ดวง วิลเลียมก็สามารถเชื่อมโยงมันเข้ากับจุดที่พบซากอารยธรรมมายาได้แล้ว 2 แห่ง เหลืออยู่เพียงดวงสุดท้าย ที่ตำแหน่งของมันตกลงที่กลางป่าลึกบนคาบสมุทรยูทากัน ของเม็กซิโก เด็กชายจึงคาดว่าจุดนี้จะต้องเป็นเมืองมายาอีกแห่งที่ยังไม่เคยถูกค้นพบเป็นแน่
เด็กหนุ่มผู้นี้ยังสืบค้นลงไปอีกและพบว่า บริเวณป่าดังกล่าวได้เผชิญไฟป่าไปเมื่อปี 2548 อันหมายความว่าหากมองลงมาจากด้านบน ก็น่าจะมองเห็นร่องรอยซากสิ่งปลูกสร้างอะไรได้บ้าง วิลเลียมจึงได้ทำการสำรวจร่างจุดที่น่าจะเป็นเมืองโบราณนั้นจากกูเกิลเอิร์ธ และในที่สุดก็ได้เกิดการตรวจภาพดาวเทียมที่ได้จากนาซา, องค์การอวกาศแคนาดา และองค์การอวกาศญี่ปุ่น และพบว่า ที่ตรงนั้นมีร่องรอยสิ่งปลูกสร้างเกิดขึ้นเป็นแนว ซึ่งดูแล้วไม่ใช่ฝีมือธรรมชาติเป็นแน่ มันเป็นร่องรอยของพีระมิด และสิ่งปลูกสร้างอีก 30 หลัง นับได้ว่าเป็น 1 ใน 5 เมืองมายันที่ใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่มีการค้นพบมา วิลเลียมได้ตั้งชื่อดินแดนโบราณที่เขาพบตรงนี้ว่า K?ak Chi ซึ่งแปลว่า ปากแห่งไฟ
ในตอนนี้ วิลเลียมกำลังทำงานร่วมกับทีมงานขององค์การอวกาศแคนาดา เพื่อเผยแพร่การค้นพบของเขาลงในวารสารสำหรับสมาชิก ตลอดจนจะได้รับเกียรติขึ้นกล่าวถึงการค้นพบของตนเองในนิทรรศการวิทยาศาสตร์นานาชาติของบราซิลในปี 2560 ด้วย
นอกจากนี้แล้ว ทีมนักโบราณคดีจากมหาวิทยาลัยนิว บรันสวิก กำลังทำเรื่องขอเงินสนับสนุนเพื่อลงสำรวจขุดค้น ณ พื้นที่ดังกล่าวอยู่ โดยนักโบราณคดีผู้นำโครงการนี้ระบุว่า หากทุนได้รับการอนุมัติ ก็จะพาวิลเลียมไปร่วมขุดค้นด้วยอย่างแน่นอน