คุณหมอโรงพยาบาลแม่สอด วอนช่วยทารกเมียนมา น้ำหนักแรกเกิดเพียง 800 กรัม หวังน้ำใจช่วยยื้อชีวิต ยืนยันจะช่วยให้ถึงที่สุด แม้ความหวังจะมีเพียง 50/50 ต้องรอดูอาการเรื่อย ๆ
เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2560 นายแพทย์พิพัฒ เคลือบวัง นายแพทย์เชี่ยวชาญ สาขากุมารเวชกรรม กลุ่มงานกุมารเวชกรรม โรงพยาบาลแม่สอด จ.ตาก ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก พิพัฒ เคลือบวัง ระบุข้อความขอความช่วยเหลือทารกน้อยชาวเมียนมา ซึ่งมีน้ำหนักแรกเกิดเพียง 8 ขีด โดยทางพ่อ-แม่ ของหนูน้อยมีฐานะยากจน ทำให้ไม่สามารถส่งตัวหนูน้อยเข้ารับการรักษาในห้องไอซียูได้ นับจากเวลาเกิด จนถึงเวลาล่าสุด เป็นเวลา 12 ชั่วโมง (ตามเวลาในโพสต์) ทำให้หนูน้อยเริ่มมีอาการตัวเขียว
และล่าสุด วันที่ 9 มกราคม 2560 ผู้สื่อข่าวเดลินิวส์ออนไลน์ ได้สอบถามไปยัง นายแพทย์พิพัฒ ระบุว่า เมื่อวันที่ 7 มกราคมที่ผ่านมา มีคนไข้ชาวพม่าคลอดลูกก่อนกำหนด มีอายุครรภ์เพียง 26 สัปดาห์ ทำให้มีโอกาสแท้งสูง ซึ่งปกติแล้วต้องมีอายุครรภ์ 35-40 สัปดาห์ จึงจะครบกำหนดคลอด ทางแพทย์ก็ได้แจ้งกับพ่อ-แม่เด็กแล้วว่า หากคลอดออกมาก็มีโอกาสสูงมากที่เด็กจะต้องเข้าห้องไอซียู เนื่องจากปอดยังทำงานไม่เต็มที่
ทั้งนี้เมื่อคนไข้คลอดลูกออกมา เด็กก็มีน้ำหนักเพียง 800 กรัมเท่านั้น ซึ่งต้องเข้าห้องไอซียู แต่พ่อกับแม่เด็กไม่เซ็นยินยอม เพราะมีฐานะยากจน คงทำใจแล้วว่าลูกน้อยคงจะไม่มีชีวิตรอด ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไปกว่า 10 ชั่วโมง ทารกน้อยก็ยังสู้มีชีวิตอยู่ ไม่เหมือนเด็กคนอื่น ๆ ที่คลอดก่อนกำหนดด้วยอายุครรภ์เพียงเท่านี้ ก็มีโอกาสเสียชีวิตมาก แต่ทารกน้อยคนนี้สู้ที่จะมีชีวิตอยู่ ตนในฐานะแพทย์ก็ต้องช่วยให้ถึงที่สุด เพราะหน้าที่ของแพทย์-พยาบาล คือการช่วยผู้ป่วยให้มีชีวิต มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง การตัดสินใจช่วยคนในเคสแบบนี้ต้องคำนึงถึงผู้ป่วยเป็นหลัก การช่วยชีวิตคนสำคัญที่สุด ส่วนเรื่องเงินนั้นเป็นประเด็นรอง จึงได้ตัดสินใจนำตัวเด็กเข้ารักษาในห้องไอซียูโดยทันที ตนจึงนำเรื่องราวดังกล่าวมาโพสต์ลงเฟซบุ๊ก ซึ่งก็ไม่คาดคิดว่าจะมีคนแชร์โพสต์ไปมากมายขนาดนี้
นายแพทย์พิพัฒ ระบุอีกว่า ตอนนี้มีผู้ใจบุญติดต่อเข้ามาขอบริจาคเงินช่วยเหลือเป็นจำนวนมาก ซึ่งตนอยากให้บริจาคเข้ามูลนิธิโรงพยาบาลแม่สอดดีกว่า เพราะจะสามารถนำเงินไปช่วยเหลือผู้ป่วยอนาถารายอื่น ๆ ได้ เพราะปกติแล้ว โรงพยาบาลแม่สอดมักจะมีคนไข้ไม่มีสัญชาติ หรือชาวเมียนมามารับการรักษาพยาบาลอยู่เสมอ
สำหรับทารกน้อยรายดังกล่าวยังคงรักษาตัวในห้องไอซียู มีโอกาสรอด 50/50 เท่านั้น ซึ่งต้องรอดูอาการไปเรื่อย ๆ ตนก็จะพยายามอย่างเต็มที่ ตราบใดที่ทารกน้อยยังสู้ ตนก็จะสู้ไปด้วยกัน
ภาพและข้อมูลจาก พิพัฒ เคลือบวัง
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก