สุทิน คลังแสง เผยหากรัฐบาลยอมให้ตั้ง กมธ. ตรวจสอบเงินกู้ ฝ่ายค้านยินดีโหวต พ.ร.ก.เงินกู้ 3 ฉบับ ผ่านฉลุย เพื่อนำเงินไปฟื้นฟูประเทศ ด้าน วิษณุ ชี้เรื่องนี้ต้องเข้า ครม. ปกติ ป.ป.ท. รับหน้าที่ตรวจสอบอยู่แล้ว
ภาพจาก สำนักข่าว INN
วันที่ 31 พฤษภาคม 2563 นายสุทิน คลังแสง ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน หรือวิปฝ่ายค้าน เปิดเผยว่า วันนี้เป็นการอภิปรายวันที่ 5 และเป็นวันสุดท้ายของ พ.ร.ก.กู้เงิน ทั้ง 3 ฉบับ และจะต่อด้วยฉบับที่ 4 คือ พ.ร.ก.ประชุม ว่าด้วยการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2563 ซึ่งการบริหารเวลาในการอภิปราย ฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านถือว่าทำได้ดี ไม่มีปัญหา
ส่วนการประชุมของหัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน ทิศทางการลงคะแนนในแต่ละฉบับเป็นอย่างไรนั้น นายสุทิน เผยว่าวานนี้ (30 พฤษภาคม) มีการประชุมกันอย่างละเอียดเพื่อขอให้ตั้งญัตติ เรื่อง ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ ติดตามตรวจสอบการใช้จ่ายเงินจากการกู้เงินตาม พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา ฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด 19 แต่ยังไม่สามารถทำได้ เพราะเราต้องรอท่าทีของรัฐบาลที่จะรับฟังข้อเสนอจากฝ่ายค้าน และนายกฯ ซึ่งเรารู้อยู่แล้วว่า นายกฯ จะโยนไปให้ทางด้านสภาเป็นผู้จัดการ
หากรัฐบาลเปิดโอกาสให้ตั้ง กมธ. ตรวจสอบเงินกู้ ฝ่ายค้านจะโหวตให้ผ่านทั้ง 3 ฉบับ แต่ต้องมาดูอีกครั้งว่ารัฐบาลรับเงื่อนไขอย่างไร เพราะฝ่ายค้านเล็งเห็นประโยชน์ต่อประเทศและประชาชน ไม่ใช่จะค้านอย่างเดียว แต่ถ้าไม่เห็นด้วยเราจะค้านแน่นอน
ขณะที่ แนวหน้าออนไลน์ รายงานว่า นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีฝ่ายค้านเสนอตั้ง กมธ. ตรวจสอบติดตามการใช้จ่ายงบประมาณตาม พ.ร.ก. 3 ฉบับ ระบุว่า เป็นเรื่องของสภาผู้แทนราษฎรว่ากันเอง ในส่วนของรัฐบาลมีหน่วยงานตรวจสอบอยู่แล้ว ทั้งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.)
ทาง ป.ป.ท. ได้เสนอมาตรการตรวจสอบมายังรัฐบาล ก่อนที่สภาจะมีการพิจารณา พ.ร.ก. ทั้ง 3 ฉบับ โดยนายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง ก็ทราบเรื่องนี้ ถือเป็นกลไกตรวจสอบในฝ่ายบริหาร โดย ป.ป.ท. จะเป็นผู้ตรวจสอบเอง ซึ่งที่ผ่านมา ป.ป.ท. ก็ตรวจสอบอย่างกรณีเงินทอนวัด และกรณีทุจริตเงินผู้ยากไร้ อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ต้องนำเข้าสู่การพิจารณาของ ครม.
>> อ่านข้อมูลและติดตามสถานการณ์ COVID-19 << ได้ที่นี่
ขอบคุณข้อมูลจาก สำนักข่าว INN