หนุ่ม กรรชัย สุดทน เดือดกลางโหนกระแส ซัดพ่อเด็ก 16 ซิ่งบีเอ็มฝ่าไฟแดงชน น้องเต้ เสียชีวิต แต่อ้างไม่มีเงินจ่ายเยียวยา ฉะ เรื่องเกิดจะเดือนนึงแล้วยังไม่ปรึกษากันอีกเหรอ ถ้าลูกคุณโดนชนตายจะเรียกเท่าไหร่
จากกรณีข่าวดัง เด็ก 16 ซิ่งรถบีเอ็มฝ่าไฟแดงชน น้องเต้ วัย 24 ปี เสียชีวิต เมื่อกลางดึกวันที่ 30 กันยายน 2565 บริเวณถนนทางเข้ามหาวิทยาลัยใน จ.นครราชสีมา โดยไม่ได้รับการเยียวยาจากครอบครัวผู้ก่อเหตุ และทางครอบครัวผู้เสียชีวิตได้ออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรมให้ลูก ขณะที่โซเชียลมีการขุดคุ้ยถึงเยาวชนผู้ก่อเหตุ มีดีกรีเป็นนักกีฬาเยาวชนระดับทีมชาติ
รายการโหนกระแส วันที่ 25 ตุลาคม 2565 สัมภาษณ์ พ่อรักษ์ - คุณแม่บุญลือ พ่อแม่ผู้เสียชีวิต, พี่ต้อง พี่สาวผู้เสียชีวิต, พี่หมอก พี่ที่ทำงานน้องเต้ และนายวีรศักดิ์ โชติวานิช กรรมการประชาสัมพันธ์ สภาทนายความ ในพระบรมราชูปถัมภ์
เหตุการณ์ผ่านมานานพอสมควร ?
แม่บุญลือ : จะเกือบเดือนแล้วค่ะ ยังไม่ได้รับการเยียวยา
ขอย้อนเวลากลับไปวันที่ 30 กันยายน อีกครั้ง เหตุการณ์วันนั้นเกิดอะไรขึ้น ?
หมอก : หลังจากเลิกงาน เรากับน้องเต้ก็ไปกินข้าวเย็นต่อที่ตลาดนัดสินพลาซ่า แถวที่ทำงาน สักประมาณ 3 ทุ่มครึ่งก็แยกกันกลับบ้าน ผมกลับไปถึงบ้านสักเที่ยงคืน มีพี่หัวหน้างานบริษัทน้องเขาโทร. มาบอกว่าน้องเกิดอุบัติเหตุรถชน ผมก็ตกใจทำอะไรไม่ถูก เลยคิดว่าทางเจ้าหน้าที่คงเอาน้องไปที่โรงพยาบาลที่ทำงาน เลยโทร. ไปแผนกฉุกเฉิน เขาบอกว่าที่โรงพยาบาลไม่มีชันสูตร น่าจะไปโรงพยาบาลมหาราช
ผมก็โทร. ไปหาน้องที่ทำงานที่เขามีแฟนเป็นพยาบาลโรงพยาบาลมหาราช เพื่อติดต่อว่าใช่น้องจริง ๆ ไหม แต่ตอนนั้นรายชื่อน้องยังไม่เข้าระบบ ยังเช็กไม่ได้ เลยโทร. กลับไปที่โรงพยาบาลอีกครั้งว่าช่วยเช็กให้อีกทีได้ไหมว่ามีน้องมาไหม ทางโรงพยาบาลก็ให้เบอร์โทร. เช็ก สามารถโทร. ถามได้ เขาทำเกี่ยวกับข้อมูลพวกนี้ ผมก็โทร. หาน้องที่ทำงานด้วยกันที่เขามีแฟนอยู่โรงพยาบาลมหาราช ให้ช่วยประสานงานให้ จนตี 2 ก็เช็กชัวร์ว่าเป็นน้องเขา
น้องเต้พักอยู่ไกลจากที่ทำงานไหม ?
หมอก : ไม่มากครับ น้องไปพักอยู่โซนประตู 4 จุดที่น้องพักก็เป็นทางที่ต้องใช้ประจำอยู่แล้ว
ตอนนั้นกี่โมง พอจะทราบไหม ?
หมอก : เกือบ ๆ 4 ทุ่มครับ
มีคนบอกกล่าวยังไงบ้าง ?
หมอก : ที่โทร. ถามเช็ก เขาบอกมีวัยรุ่นขับรถบีเอ็มฝ่าไฟแดงแล้วชนน้อง มันเป็นแยกไฟแดง น้องมาทางหนึ่ง รถมาอีกทางหนึ่ง
สิ่งที่น่าตกใจ หลังมีการชนไปแล้ว เห็นจากข่าวและภาพที่มีการแชร์ในทวิตเตอร์ คือฝั่งผู้ชนลงจากรถมา ไม่ได้ให้การช่วยเหลือ แต่ใช้โทรศัพท์ถ่ายรูปรถตัวเอง และเอาไปลงสตอรี่ตัวเอง บอกว่าเขาและเพื่อนที่นั่งมาด้วยปลอดภัย รถชนนิดหน่อย 4 ทุ่ม 3 นาที เขาโพสต์หลังเกิดเหตุได้ไม่นาน น่าตกใจว่าน้องเต้คือบุคคลที่ถูกชน กระเด็นไปไกลกว่านี้ เขาไม่ได้เข้าไปดูแลหรือคิดที่จะช่วย แต่กลับมีอารมณ์ถ่ายรูปแล้วบอกคนอื่นว่ากูโดนแบบนี้ นี่คือสิ่งที่สังคมพยายามทวงถามความเป็นธรรมให้ครอบครัวน้องเต้ น้องจบอะไรมา ?
ต้อง : วิศวะโทรคมนาคม จบปี 2563
พ่อทำอาชีพอะไร ?
พ่อรักษ์ : ทำนาครับ
พ่อทำนาส่งเสียลูกเรียนหนังสือ ?
แม่บุญลือ : (ร้องไห้) พูดไม่ออกเหมือนกันค่ะ
ชีวิตคนเราไม่เท่ากันจริง ๆ พ่อแม่ทำนา รายได้ไม่ได้เยอะหรอก แต่กัดฟัน กินเลือดตัวเองก็ยอม หาเงินให้เต้เรียนหนังสือจนจบออกมา หวังเป็นเรี่ยวแรง เสาหลักให้ครอบครัว แล้วเต้ก็ทำได้จริง ๆ เต้ส่งเงินให้พ่อแม่เดือนละเท่าไหร่ ?
แม่บุญลือ : 1.5 หมื่นค่ะ
เต้ทำงานได้เดือนละเท่าไหร่ ?
ต้อง : เดือนละ 2.7 หมื่น และน้องรับจ๊อบต่างหากด้วยค่ะ
ได้ 2.7 หมื่น แบ่งให้ที่บ้าน 1.5 หมื่น ณ วันนี้เสาหลักเขาไม่ได้อยู่แล้ว ในมุมคนชนก็ไม่รู้จะพูดยังไง แม่กับพ่อได้มีโอกาสพูดคุยกับฝั่งคนที่เขาชนบ้างไหม ?
พ่อรักษ์ : ได้คุยครับ วันที่ 17 มีการเจรจา เขาบอกจะรับผิดชอบหมดทุกอย่าง เขายอมรับผิด แต่ทีนี้เรื่องไม่จบ เพราะผัดไปวันที่ 21 มาเจรจาอีกครั้ง จากหน้ามือเป็นหลังมือ เขาพูดไม่รับผิดชอบสักอย่าง และให้เงินผมจะจ่ายเป็นรายปี ผ่อนจ่ายครับ
ชีวิตคนหนึ่งที่เสียชีวิต เขาจะผ่อนจ่ายยังไง ?
พ่อรักษ์ : ผมก็ไม่เข้าใจว่าจะผ่อนจ่ายยังไง มีอยู่ข้อหนึ่งเขาบอกว่าจะกู้สหกรณ์ได้ประมาณ 7 แสน จะหาเงินมาชดเชยที่ลูกผมสูญเสียไป บวกเงินที่จะมาทำศพ จะเอาเงินมาให้ 2.5 แสน แต่จริง ๆ เงินทำศพลูกผมหมดไป 3 แสนต้น ๆ ครับ
ที่พ่อกับครอบครัวจ่ายไป 3 แสนกว่า แล้ว 2.5 แสนที่เขาบอกจะช่วย นำมาให้พ่อหรือยัง ?
พ่อรักษ์ : ยังเลยครับ
น้องเต้จากไป 30 กันยายน 2565 จนวันนี้ที่เรานั่งกันอยู่ เขาเยียวยาอะไรพ่อหรือยัง ?
พ่อรักษ์ : ไม่เยียวยาอะไรสักอย่างครับ ผมได้ประกัน พ.ร.บ. ของคู่กรณีมา 5 แสนเท่านั้นเองครับ
งานศพก็ 3 แสนแล้ว พูดไม่ออกจริง ๆ คุณพ่อบอกว่าคุณพ่อฝั่งเด็ก 16 เขามีการเอาเงินกับพวงหรีดแนบมาให้ ?
พ่อรักษ์ : วางใส่พานใต้พวงหรีด ผมดูในโทรศัพท์ เพื่อนบ้านถ่ายให้ดู แต่มันไม่มี
ที่ว่ามีการเอาเงินใส่พานมาให้ ไม่มีจริง ๆ ?
พ่อรักษ์ : ยืนยันครับ
วันงานน้องเต้ เขามาร่วมงานใช่ไหม ?
พ่อรักษ์ : เขามาวันสุดท้าย วันเผาศพลูกชายผม เขามาจริงหรือไม่จริงผมไม่เห็นนะครับ แต่ถ้ามาจริง เดินทางมาตั้ง 200-300 กิโล ทำไมดอกไม้สักดอก ธูปสักดอก ก็ไม่เคยเผาศพลูกผม คนแบบนี้เรียกว่าใจดำหรือใจดีครับ เขามาหรือเปล่าผมไม่เห็นครับ ลูกชายเขาก็ไม่มา ไม่ติดต่อเลยครับ
วันที่เกิดเหตุ น้องเต้ดูสัญญาณไฟอย่างดี ?
หมอก : ไฟแดงตรงนั้นเป็นเลขดิจิทัล จะเห็นภาพไฟแดง 6-7 วิ น้องถึงออกตัวไป ผมว่าเป็นเวลาที่นานแล้ว แสดงว่าอีกฝั่งฝ่าไฟแดงมาจริง ๆ ตั้งใจฝ่ามาเลย ไม่ใช่ไฟแดงที่ต้องมาแย่งจังหวะกัน
อาจารย์ไปเรียกร้องให้ครอบครัวยังไงบ้าง ?
วีรศักดิ์ : สภาทนายความฯ หลังเกิดเหตุวันที่ 30 ท่านนายกสภาทนายความก็รีบสั่งการให้ภาค 3 ลงพื้นที่หาข้อเท็จจริง ท่านวีระศักดิ์ บุญเพลิง ได้รับมอบวิดีโอที่อัดบันทึกและเปิดดู ได้ทราบข้อมูลเบื้องต้นว่าตรงจุดนี้เป็นไฟแดงอยู่ จังหวะพอไฟเขียวน้องเต้ไม่ได้ออกเลย อยู่สักประมาณ 6-7 วิ กว่าจะเคลื่อนรถ ถ้าออกเลยอาจมีการแย่งชิงกันก็ได้ แต่นี่น้องเต้ชะลอ 6-7 วิ แสดงว่าน้องเต้เองก็ระมัดระวัง
คู่กรณีก็ค่อนข้างชัดเจน เพราะตำรวจเองก็ชี้เองว่าเด็กอายุ 16 ปี ฝ่าไฟแดงแน่นอน ทำให้ประกันภัยที่รับประกัน พ.ร.บ. คู่กรณีเขาถึงยอมจ่ายเต็มตามลิมิตสูงสุดที่ พ.ร.บ. จะพึงจ่ายได้คือ 5 แสนบาท ที่ได้รับไปแล้ว นอกจากนี้สภาทนายความฯ พยายามรวบรวมหลักฐานทั้งหมด เพื่อขอยื่นรับเงินเยียวยาจากกระทรวงยุติธรรม จะได้ 1-2 แสนอยู่ที่คณะกรรมการ ส่วนคู่กรณีทราบเบื้องต้นว่าไม่มีการจ่ายหรือเจรจารับผิดชอบจริงจัง ในเรื่องนี้เนื่องจากผู้กระทำความผิดยังเป็นผู้เยาว์ ผู้ปกครองในทางแพ่งต้องร่วมรับผิด
แล้วเกิดเหตุในยามวิกาล จะ 4 ทุ่มอยู่แล้ว ผู้เยาว์ควรอยู่บ้าน ฉะนั้นผู้ปกครองต้องมีส่วนรับผิดชอบในทางแพ่ง ขณะเดียวกันในทางอาญาเองก็เหมือนกัน เรามี พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก ก็ให้ผู้ปกครองเองมีส่วนรับผิดชอบกฎหมายให้ผู้ปกครอง ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นพ่อแม่ ถ้าเด็กคนนี้อยู่ในความดูแลของพ่อแม่ พ่อแม่ก็มีส่วน แต่ถ้าเด็กอยู่ในความดูแลของปู่ย่าตายายก็แล้วแต่ ก็ถือว่าเป็นผู้ดูแลตามกฎหมาย ก็ต้องดูแลด้วย
อยู่ในสายกับ เทอดพงษ์ กมลปัญญากร พ่อผู้ก่อเหตุ ยังไม่มีการเยียวยาแกเลย 2.5 แสน ที่ใส่ไปในพวงหรีดก็ยังไม่มีเลย จะชี้แจงยังไง ?
เทอดพงษ์ : เหตุเกิดวันที่ 30 คืนวันนั้นผมก็ทราบจากผู้ปกครองเพื่อนลูกชายเขาโทร. มาบอก ผมก็ไปโคราชคืนนั้นเลย เช้ามาวันที่ 1 สารวัตรสอบสวนก็โทร. มาแจ้งว่าญาติผู้เสียหายมาที่ สภ.โพธิ์กลาง แล้ว เช้ามาผมก็พาลูกชายไปกราบขอขมาพ่อที่ สภ.โพธิ์กลาง ท่านสารวัตรสืบสวนก็อยู่ เช้ามาก็ไปเลย พาลูกชายไปกราบขอขมาท่าน และรับทราบข้อกล่าวหาตามพฤติการณ์ที่เกิดขึ้น
พอดีพ่อที่เสียเขาจะเดินทางกลับไปตั้งสวดที่นครสวรรค์วันนั้น ผมก็พาคุณพ่อนั่งรถไป ก็คุยเรื่องค่าเสียหายที่ สภ.โพธิ์กลาง ต้องการเยียวยาเบื้องต้นก่อน คุณพ่อจะว่ายังไง คุณพ่อก็ชี้แจงว่าจัดงานศพ 3-4 คืน ก็ประมาณแสนปลาย ๆ 2 แสน ผมก็โทร. กลับไปที่บ้าน ให้เตรียมเงินไว้ 2.5 แสน ทีนี้ผมพาพ่อผู้เสียหายขึ้นรถไปโรงพยาบาลมหาราช คุยกันปกติ ขอโทษ ขอขมากันบนรถ ไปรอที่โรงพยาบาล ขั้นตอนค่อนข้างช้ามากจนเกือบค่ำ ผมก็เลยแจ้งคุณพ่อคุณแม่ผู้เสียหายว่าเราแยกกันไปนะ
เขาบอกยังไม่ได้รับเงินเยียวยา หรือสิ่งที่เขาควรจะได้ ?
เทอดพงษ์ : เรื่องเงินเยียวยาคุยกันตั้งแต่วันที่ 1 แล้ว คุณพ่อเขาบอกว่ารีบ ผมก็บอกว่าไม่เป็นไร ผมจะตามไปวันเผา ผมถือเงินไป 2.5 แสนนั่นแหละ ตามที่เป็นข่าว ตามผู้ใหญ่บ้านที่ได้อธิบายชี้แจง นัดไปแล้วไม่ได้ไปงาน ถือเงินสดไปด้วย 2.5 แสน ไม่ได้เข้าร่วมงาน
2.5 แสนได้วางไว้ไหม ?
เทอดพงษ์ : ไม่ได้วาง เพราะผู้ใหญ่บ้านไปถามเขาแล้ว ไม่มีใครตอบรับให้ร่วมงาน
พ่อรักษ์ : ผมไม่รู้ครับ แต่ผมไม่เห็นว่านายเทอดพงษ์ไปด้วยครับ
เทอดพงษ์ : ผมมีพยานเป็นผู้ใหญ่บ้านครับ
แม่บุญลือ : ผู้ใหญ่บ้านอยู่คนละหมู่นะคะ
เทอดพงษ์ : มีผู้สื่อข่าวไปถามผู้ใหญ่บ้าน ก็ตามนั้นแหละครับ หลังจากวันนั้นมาผมก็กลับมา
ณ ตอนนี้จะชดใช้ให้ฝั่งนี้ยังไงบ้าง ?
เทอดพงษ์ : วันเผาที่คุยค้างไว้ ผมไปแต่ไม่ได้รับการอนุญาตให้เข้าร่วมงาน ผมก็กลับมา แล้วล่าสุดวันที่ 17 ที่ไปไกล่เกลี่ยกัน ผมก็ถือเงินก้อนนั้นไป แล้วมีผู้ประสานงาน ท่านวีระศักดิ์ บุญเพลิง ท่านมาดูแลผู้เสียหาย สารวัตรดูแลคดี ผมก็แจ้งว่าให้ท่านวีระศักดิ์แจ้งพ่อกับแม่ให้ทราบหน่อย ว่าเงิน 2.5 แสนที่ถือมาเยียวยาเบื้องต้นก่อน ไม่ใช่หลังได้รับเงินแล้วต่อไปจะไม่ได้อะไร ท่านชี้แจงเสร็จก็บอกว่าพ่อแม่ผู้เสียหายไม่ได้ยินดียอมรับเงินก้อนนั้นไป ผมก็แจ้งพ่อกับแม่ว่าจะเรียกร้องเงินเยียวยาเรื่องนี้เท่าไหร่อะไรยังไง ท่านก็บอกว่ายังไม่ตอบเรื่องนี้ นี่วันที่ 17 นะครับ แล้วล่าสุด 21 ก็มาไกล่เกลี่ยรอบ 2 ก็เป็นชุดเดิม พ่อกับแม่มารับเช็คในส่วน พ.ร.บ.รถยนต์ 5 แสนบาท วันที่ 21 พ่อกับแม่ก็แจ้งยอดค่าเสียหาย
พ่อเรียกเท่าไหร่ ?
พ่อรักษ์ : 15 ล้านครับ
เทอดพงษ์ : ผมก็ชี้แจงว่าเงินมากมายขนาดนั้น ฐานะทางการเงินผมก็คงไม่มีเป็นก้อนให้ได้ขนาดนั้น ท่านวีระศักดิ์ก็บอกว่าถามพ่อกับแม่ผู้เสียหาย เขาก็บอกว่าถ้าไม่มีให้คงต้องฟ้องทางแพ่งกัน ผมก็น้อมรับยอดนั้น และคงตามความประสงค์พ่อกับแม่
ตกลงให้ 15 ล้าน ?
เทอดพงษ์ : ไม่ได้บอกจะให้ 15 ล้าน ผมรับยอด 15 ล้านมา แล้วปรึกษากับครอบครัว เพราะมันเป็นยอดที่เยอะมาก ผมก็ชี้แจงว่าเงินที่ให้ส่วนแรก ผมคงหาได้สัก 6-7 แสนให้ไปก่อน พ่อไม่ยอมรับเงื่อนไขนั้น เขาบอกว่าต้องฟ้อง เป็นความประสงค์ท่าน ผมก็น้อมรับ นี่เป็นเหตุการณ์ไกล่เกลี่ยกันล่าสุด
ณ วันนี้คุณตัดสินใจให้ครอบครัวเขาเท่าไหร่ ?
เทอดพงษ์ : คงต้องปรึกษากับทางครอบครัวก่อน
ที่บอกจะไปขอผ่อนเขา จะไปผ่อนยังไง ?
เทอดพงษ์ : ต้องดูก่อนว่าพ่อแม่ผู้เสียหายเขาต้องการยังไง 15 ล้าน ณ ปัจจุบัน ก็ต้องบอกว่าจนปัญญาจะให้ เพราะยอดไม่ได้น้อย ๆ
สามารถจ่ายเขาเป็น 2 งวดได้ไหม งวดละ 7.5 ล้าน ?
เทอดพงษ์ : คือรายละเอียดวันนั้น ผมได้อธิบายฐานะทางการเงินครอบครัวผมไปแล้ว
อย่าหาว่าก้าวล่วง คุณก็เป็นพ่อ ถ้าสถานการณ์นี้ไปตกที่คุณเทอดพงษ์ ลูกคุณเทอดพงษ์ถูกขับรถชนตายทั้งที่ไม่มีใบขับขี่ คุณจะเรียกมากกว่า 15 ล้านบาทไหม ?
เทอดพงษ์ : ตัวเลขที่พ่อกับแม่เขาเรียกมาก็ตามที่ผู้เสียหายจะเรียก ถ้าในทางกลับกัน บอกตรง ๆ เหตุเกิดขึ้นแล้ว มาถึงจุดนี้ต้องการเยียวยาผู้เสียหาย
ถ้าวันนี้เขาบอกว่าไม่เป็นไร ไม่ต้องจ่าย 15 ล้านบาท แต่คุณเอาชีวิตลูกเขากลับคืนมา คุณทำได้ไหม ?
เทอดพงษ์ : มันมีใครทำได้แบบนั้นไหมล่ะครับ วันนี้มาไกล่เกลี่ยเพื่อเยียวยาผู้เสียหาย
งวดละ 7.5 ล้าน 2 งวดได้ไหม ?
เทอดพงษ์ : ผมต้องปรึกษาครอบครัวก่อนครับ
เวลาลูกคุณเอารถออกไป มีการปรึกษากันไหมว่าอย่าเอารถขับไป ถ้าเป็นผม ผมทันทีเลย อย่างน้อยลูกเขาตาย ?
เทอดพงษ์ : ในครอบครัวผมย้ำตลอดอยู่แล้ว เพราะผมรู้ว่าลูกไม่มีใบขับขี่ ลูกผมก็ไม่มีเรื่องเสียหายอะไร ผมย้ำตลอดเรื่องนี้ เพราะไม่มีใบขับขี่อยู่แล้ว
ตอนนี้ลูกชายเป็นยังไง ?
เทอดพงษ์ : ไปบวชได้ 5 วัน เพิ่งสึกออกมา
บวชอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้น้องเต้ใช่ไหม ?
เทอดพงษ์ : ครับ
แม่บอกว่าตอนแรกพ่อผู้ก่อเหตุไม่ได้พูดแบบนี้ ?
แม่บุญลือ : ใช่ ไม่ได้พูดแบบนี้ ต่อหน้าทนายความ ตำรวจ วันนั้นเขาบอกว่ามีเท่าไหร่เขาจะรับผิดชอบหมดทุกอย่าง 2.5 แสนก็ไม่คิดรวมกับค่าสูญเสียของเต้ ทุกอย่างคิดเป็นค่าต่างหากหมด โทรศัพท์กับรถเครื่องที่เสียไปก็จะเป็นแสนอยู่แล้ว เขาคิดเอามารวมหมด
3 แสนคือคิดรวมหมด ?
แม่บุญลือ : ที่บอกว่าจะให้ 7 แสน คือเงินที่เขาคิดรวมหมดเลย ที่จะให้ 2.5 แสนด้วยอะไรด้วย ค่ารถ ค่าโทรศัพท์ ค่ารถเข็นศพมาครั้งแรกก็บอกว่าจะให้ต่างหาก วันที่ 1 ไปได้ไหม เขาก็บอกว่าเขาไม่ว่าง
หมอก : ตอนนั้นเราไปแจ้งตายที่กำนัน มันเป็นวันหยุด เราเลยต้องไปแจ้งความที่เกิดเหตุ พอไปที่บ้านกำนัน กำนันไม่อยู่ มันก็ค่ำ เขาก็บอกว่าจะรอที่โรงพัก โทร. มาตามให้ไปโรงพัก แล้วจะให้เงิน 2.5 แสน แล้วลงบันทึกที่โรงพัก ผมบอกว่ามันค่ำแล้ว ต้องเอาศพน้องไปทำบุญที่บ้าน เดี๋ยวผมจะไปวันที่ 3, 4 ถ้าคุณจะช่วยจริง ๆ คุณไปได้ไหม เขาบอกวันที่ 3 เขาติดธุระไม่ว่าง เขาจะพาย่าไปหาหมอที่ขอนแก่น แล้ววันที่ 4 เขาก็ไม่ว่าง เขาวานว่าให้เราเป็นธุระเรื่องพวงหรีดได้ไหม เขาพูดกับผมแบบนี้
จะเอายังไงต่อไป ฝั่งโน้นเหมือนต้องไปปรึกษาครอบครัว เรื่องเกิดจะเดือนนึงแล้วยังไม่ปรึกษากันอีกเหรอ ?
แม่บุญลือ : เขามาทีไรไม่เคยเอาเมียมาเลย มาคนเดียว เหมือนเขาฉลาด เขาบ่ายเบี่ยง
วีรศักดิ์ : เรื่องนี้ปัญหาเกิดจากคู่กรณีฝ่ายเราเป็นผู้เยาว์ อยู่ในอำนาจศาลเยาวชนและครอบครัว ไม่ใช่ศาลผู้ใหญ่ธรรมดา ผมคิดว่าส่วนนี้เขาเองก็คงมีผู้รู้กฎหมาย หรือที่ปรึกษาให้ความเห็นเขา ว่าเรื่องนี้พอถึงศาล กรณีโทษที่ลงโทษไม่หนักเหมือนศาลใหญ่ เหมือนกรณีอาจารย์นักศึกษา ม.ธรรมศาสตร์ แพรวา สุดท้ายเป็นกระบวนการศาลเยาวชน ผมคิดว่าครอบครัวฝ่ายน้อง 16 ปีก็พอจะรู้ ฉะนั้นวิธีการเจรจาถึงออกมาอย่างนี้
ตอนแพรวาผมเป็นคนเอาที่ดินแม่แพรวาไปเร่ขายด้วยซ้ำ เพื่อหาเงิน 50 ล้านไปจ่ายให้ผู้เสียหาย แต่มันขายไม่ได้ ผมเป็นคนบอกแม่แพรวาว่ายังไงแม่ก็จำเป็นต้องกู้หนี้ยืมสินเพื่อหาเงินก้อนนี้มาชดใช้ให้ผู้เสียหาย เพราะเขารอมาหลายปีมากแล้ว บางคนล้มหายตายจากไป ปรากฏว่าเขาเชื่อ เขาก็ไปกู้หนี้ยืมสินมาจริง ๆ 50 ล้าน ให้ผมเอาเช็คไปวางที่ศาล แล้วฝั่งผู้เสียหายมารับเงินไป เหตุการณ์ครั้งนี้เหมือนย้อนกลับมาอีกแล้ว จริง ๆ กรณีแม่แพรวาเขายังกระทำได้เลยนะ แต่ครั้งนี้ผมว่าเป็นเหตุที่คุณไม่ต้องรออีกหลายปีแล้วมาทำเลย มันสามารถทำได้เลย แล้วคุณรับราชการ เป็นเจ้าหน้าที่ใน อบต. ทำงานรับใช้ประชาชน เรื่องแบบนี้อยากให้เห็นใจเขาด้วย อยู่ในสายกับคุณเทอดพงษ์อีกครั้ง อยากให้เห็นใจฝั่งนี้ เป็นไปได้ไหม ปรึกษากันเลยได้ไหม ?
เทอดพงษ์ : คงไม่ได้ครับ ดูยอดเงินมันขนาดนี้ ผมจะไปหาไหนให้ได้ มันเยอะนะครับ ผมน้อมรับข้อเสนอคุณพ่อคุณแม่เขา แต่ถ้าเงินก้อนขนาดนี้ก็บอกตรง ๆ มันคงยากมาก
แล้วจะจ่ายยังไงได้ ?
เทอดพงษ์ : ถ้าคุณพ่อคุณแม่เขายังยึดตามยอดนี้ ผมก็น้อมรับนะครับ คงอาศัยกระบวนการทางศาลว่ากันดูว่าจะยังไง ตัวเลขผมก็น้อมรับ
รับไว้ 15 ล้าน แต่ไม่มีจ่าย ไปขึ้นศาลว่ากัน ?
เทอดพงษ์ : ก็คงต้องอย่างนั้น คงต้องให้ศาลตัดสิน
แล้วถ้าศาลสั่งจ่าย 15 ล้าน คุณจะทำยังไง ?
เทอดพงษ์ : ในความเป็นจริง ผมไม่มีเงินก้อน 15 ล้านครับ ผมก็คงต้องหาวิธีทยอยจ่ายให้เป็นไปตามที่ศาลสั่งนั่นแหละ
ถ้าวันนี้ทยอยจ่าย 15 ล้านได้ไหม ?
เทอดพงษ์ : จริง ๆ ผมคุยกับทางพ่อกับแม่ผู้เสียหายแล้ว ต่อหน้าวันที่ 21 ท่านก็ไม่โอเค ท่านบอกจะฟ้อง ผมก็น้อมรับ
คุณทยอยจ่ายได้เท่าไหร่ ?
เทอดพงษ์ : ยังหรอกครับ ถ้าตัวเลขยังอยู่เท่าเดิม รายได้ผมหลักหมื่น คิดว่าประมาณกี่ปีล่ะ สุดท้ายพ่อกับแม่ผู้เสียหายคงไม่พอใจ สุดท้ายก็ต้องพึ่งกระบวนการทางศาลอยู่ดี
ถ้าตัวเลข 15 ล้าน คุณไม่มีจ่าย ?
เทอดพงษ์ : ยังไม่มีจ่าย คงต้องพึ่งกระบวนการทางศาล ผมก็น้อมรับ
คุณจะขึ้นศาลอย่างเดียว พอจะทราบไหม เห็นบอกว่ามีเรื่องข้อกฎหมายเอาผิดผู้ปกครอง ?
วีรศักดิ์ : พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก 2546 มีมาตราหมวด 2 ว่าด้วยการปฏิบัติต่อเด็กในมาตรา 26 เขาบอกว่าภายใต้บทบัญญัติ ไม่ว่าเด็กจะยินยอมหรือไม่ ห้ามมิให้ผู้ใดกระทำการต่อไป วงเล็บ 3 น่าสนใจ บังคับ ชักจูง ส่งเสริมให้เด็กประพฤติตนไม่สมควร หรือน่าจะทำให้เด็กมีความประพฤติเสี่ยงต่อการกระทำความผิด เขาบอกว่าถ้าผู้ปกครองฝ่าฝืนบทนี้ก็จะมีบทลงโทษด้วย แม้โทษไม่รุนแรง แต่มีโทษถึงจำคุกด้วย ฉะนั้นผู้ปกครองในที่นี้ไม่จำเป็นต้องเป็นพ่อแม่ ถ้าเด็กอยู่ในการปกครองของปู่ย่าตายายก็แล้วแต่ ก็เข้าลักษณะการเป็นผู้ปกครอง เพราะงั้นตรงนี้ต้องพึงระวังไว้ ไม่ใช่เด็กกระทำความผิดแล้ว ศาลเยาวชนจะพิจารณาเฉพาะตัวเด็กเท่านั้น ตัวผู้ปกครองเองก็อาจเข้าข่ายมาตรา 26 (3) มีโทษทางอาญาด้วยก็อยากฝากไว้
กรณี 15 ล้านที่ครอบครัวน้องเต้ร้องไป คุณบอกว่าไม่มีจ่าย เป็นเรื่องกระบวนการในชั้นศาล แต่ด้านหลักมนุษยธรรม ในเมื่อลูกขับรถฝ่าไฟแดงชนลูกเขาตาย เบื้องต้นคิดว่าจะเยียวยาเขายังไงบ้าง ?
เทอดพงษ์ : ตั้งแต่วันแรก 2.5 แสน เขายังไม่ยอมรับตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ แล้วจะให้ผมดำเนินการยังไง
เขาไม่เห็นว่าคุณเอาเงินมาให้เขา ?
เทอดพงษ์ : วันที่ 17 ก็ยังถือเงินไป ผู้กำกับ ท่านวีระศักดิ์ก็อยู่ในเหตุการณ์ ผมจะไม่เยียวยาเขาเลยเหรอ
แม่บุญลือ : วันนั้นเขาถือเงินไป เขาจะให้ แต่ทนายเขาบอกว่าเงิน 2.5 แสนเป็นเงินช่วยเหลือเยียวยาใช่ไหม แต่ทีนี้เขาบอกเงินช่วยเหลือต่างหาก เงินค่ารถ ค่าโทรศัพท์ก็ต่างหาก แต่เรามาคิดกันว่าเราอยากรู้ว่าในใจเขาจะมอบเงินเยียวยาน้องเต้เสียชีวิตไปเท่าไหร่ อยากให้เขาเอ่ยมาก่อน เพราะครอบครัวเราเป็นครอบครัวผู้สูญเสีย ไม่กล้าเอ่ย ไม่กล้าอะไรทั้งนั้น ไม่กล้าตีราคาลูกว่าประมาณเท่าไหร่ ให้เขาตีราคามาก่อนว่าเขาจะช่วยได้ประมาณเท่าไหร่ เขาก็ขอกลับไปปรึกษากันก่อน
เมื่อไหร่จะปรึกษากันรู้เรื่อง ?
เทอดพงษ์ : ก็คุณแม่เขาไม่ได้เอ่ย มาไกล่เกลี่ยครั้งแรกก็ขอตัวเลขคุณแม่
แม่บุญลือ : เขาบอกว่าขอไปปรึกษาก่อน พอเราไปอีกครั้งเขาบอกว่าไม่สามารถให้ได้ เพราะเงิน 2.5 แสนก็ต้องเอามารวมกับค่าน้องที่เสียไป
ตอนนี้ถ้า 2.5 แสน ที่จะจ่ายกับ 7 แสน เยียวยาเขาไปก่อนได้ไหม 1 ล้าน แล้วค่อยไปหักจาก 15 ล้าน ?
เทอดพงษ์ : ผมคุยแล้ว ตั้งแต่วันสุดท้าย 21 เจอกัน ยอดสุดท้ายที่ผมพอหาได้เบื้องต้น 7 แสน
บวก 2.5 แสนได้ไหม ?
เทอดพงษ์ : ผมอธิบายมาแล้วว่ายอดนี้คือดึงมาก่อน ไปหาทางญาติทางอะไรเขามา ผมจะเยียวยาตั้งแต่วันแรกอยู่แล้ว
เหมือนทางนี้ต้องไปงอนง้อขอเงินคุณ ทั้งที่ลูกคุณไปขับรถชนลูกเขาตาย ?
เทอดพงษ์ : ฟังผมก่อน วันที่ 17 ผมก็คุยกับพ่อแม่เขาว่าแจ้งตัวเลขมาให้ผม ผมจะได้กลับไปปรึกษา คุณพ่อคุณแม่ก็ยังไม่แจ้ง พอ 21 มาเจอกัน ถึงได้ยอดตัวเลขมา 15 ล้าน ผมก็อธิบายไป จริง ๆ เงินยอดขนาดนั้นผมหาไม่ได้หรอก ผมพอที่จะดึงได้เต็มที่ก็ 7 แสนที่จะเยียวยาคุณพ่อคุณแม่ไปก่อน นี่ล่าสุดที่คุยกันแล้ว ก็คุยกันมาตลอด
พ่อจะเอายังไงเรื่องนี้ พ่ออยากได้ตรงไหนที่คิดว่าเป็นธรรมกับพ่อ ?
พ่อรักษ์ : จากตอนแรกที่บอกว่าจะช่วยทำศพ 2.5 แสน ยอดที่ผมซื้อของมาในรายการก็ 3 แสนต้น ๆ มอเตอร์ไซค์ โทรศัพท์ลูกที่สูญเสียไปก็เป็นแสนแล้วครับ ยังไม่รวมกับชีวิตน้องเต้ที่สูญเสียไปครับ
วันนี้เรียกว่าการเยียวยาจากฝั่งเขา เขาบอกว่า 15 ล้านจ่ายไม่ได้ ตรงไหนคือจุดกึ่งกลางของเราก่อน ?
พ่อรักษ์ : สิทธิเราตอนนี้ไม่เกี่ยวกับเงินประกันของเต้ ผมจะขอเงินทำศพลูก รวมค่ามอเตอร์ไซค์ ค่าโทรศัพท์ 4 แสนเศษ ๆ ดูในบิลที่ผมเขียนมา เอกสารเราละเอียด
แม่บุญลือ : ขอสัก 1 ล้านก่อนได้ไหม
คุณนิตยามาเมนต์บอกว่าเงินจัดงานศพ 3 แสน ทำไมเยอะจัง นี่คือค่าใช้จ่ายที่พ่อเขาจดไว้ (แจกแจงค่าใช้จ่าย) เบ็ดเสร็จตก 3 แสนกว่าบาท ทำบุญ 7 วันนะ คนในเพจถามว่าทำไม 3 แสนเยอะจัง ผมก็ตอบไม่ได้ หรือไม่ก็ลองตายดูแล้วมาเข้าฝันญาติว่าค่าเท่านี้หรือเปล่า ?
วีรศักดิ์ : กรณีน้องเต้กับครอบครัว ถือว่าค่าใช้จ่ายเหล่านี้ผมว่าไม่ได้มากไม่ได้น้อยไป ค่าครองชีพทุกวันนี้ก็รู้ ๆ อยู่ น้ำมันก็ขึ้น เท่านี้ก็ไม่ได้เว่อร์
เขาต้องการให้คุณเยียวยาเขา 1 ล้านก่อน เป็นไปได้ไหม ?
เทอดพงษ์ : 1 ล้านบาทผมก็ไม่มี ต้องหา
แล้ว 7 แสนอยู่ไหมที่บอกว่าจะให้พ่อแม่เขา ?
เทอดพงษ์ : ผมต้องหาครับ ผมคุยกับพ่อแม่ผู้เสียหายไปแล้ว
ตอนนี้มีเท่าไหร่ ?
เทอดพงษ์ : ที่ดึงมาก็ 2.5 แสน ที่คุยกันแรก ๆ ถ้าจะหาเพิ่มได้ก็ยอดประมาณนี้ 6-7 แสน
ผมพูดด้วยความหวังดี ไปหาเงิน 1 ล้านเยียวยาเขาไปก่อน ส่วนอื่น ๆ ก็ว่ากันไป ?
เทอดพงษ์ : ผมไม่ได้นิ่งนอนใจ ผมหาตลอด คุณกรรชัยจะมากดดันผม ถ้ามีได้ผมก็ให้ไปแล้ว แต่เงินเยอะขนาดนั้นผมก็ไม่ใช่หาได้ภายใน 4-5 วัน
แม่รอได้ไหมสักอาทิตย์ ?
แม่บุญลือ : เขามั่นใจไหมว่าจะหาได้ ไม่ใช่พูดกลับไปกลับมาเหมือนวันนั้น
อาทิตย์นึง คุณหาให้เขาได้ไหมสักล้าน ?
เทอดพงษ์ : ผมไม่ได้พูดกลับไปกลับมานะ
แม่บุญลือ : วันที่ไปโรงพักวันแรก คุณบอกว่าอะไรก็พร้อมให้ทุกอย่าง แต่อยู่ดี ๆ 2.5 แสนก็ไปอย่างหนึ่ง ค่ามอเตอร์ไซค์ โทรศัพท์ ก็ไปอีกอย่างหนึ่ง พูดต่อหน้าเจ้าหน้าที่และทนายความ แล้ววันหลังกลับมา คุณบอกว่าคุณหายังไม่ได้ ไม่รู้จะไปหาที่ไหน
เทอดพงษ์ : วันที่ 21 ที่ไปรับเช็ค ผมคุยกับคุณแม่ว่ายังไงครับ
แม่บุญลือ : ก็คุยกันตรงนั้น คุณพูดว่ายังไงคุณก็ต้องจำได้
เทอดพงษ์ : ผมอธิบายไปแล้ว ถ้าหาได้ก็ 6-7 แสน
พี่ไปหาให้เขาก่อนได้ไหมล้านนึง ไม่ได้กดดันนะ เรื่องเกิดขึ้นแล้ว พี่ลองคิดดี ๆ ?
เทอดพงษ์ : ผมพยายามนะครับ ไม่ได้นิ่งนอนใจ ผมก็ประสานทุกเรื่อง ไม่ได้บ่ายเบี่ยงอะไรเลย เพียงแต่ตัวเลขมันเยอะ ผมจะไปหาที่ไหนได้ไว ๆ ต้องเห็นใจทางผมบ้าง
พี่บอกว่าหาได้ 7 แสน ก่อนหน้านี้ที่บอกไป แล้วไปหาอีก 3 แสน ให้เขาไปล้านนึงก่อน เยียวยาเบื้องต้นไปก่อน ?
เทอดพงษ์ : ผมยังรับปากไม่ได้ รับปากไปก็เสียหายอีก คุณก็มาจี้ผมอีก
ระหว่างสัมภาษณ์ ไฟดับไป ก็ขออนุญาตช่วยหาเงินให้เขาแล้วกัน 1 ล้าน ขอเวลาสักอาทิตย์กว่า ๆ 2 อาทิตย์ ?
เทอดพงษ์ : ผมไม่ได้รับปากว่าจะถึงยอดนั้นนะครับ ผมพยายามหาเต็มที่อยู่แล้ว ผมไม่ได้นิ่งนอนใจ เงินไม่ได้หากันง่าย ๆ นะสภาพเศรษฐกิจแบบนี้ ผมประสานกันตลอด
คุณทำอะไรให้เขาได้ ?
เทอดพงษ์ : ก็ยอดที่ผมชี้แจงไปแล้ว 6-7 แสน ที่จะวิ่งหาให้ก่อน ให้คัฟเวอร์งานศพและทรัพย์สินที่เสียหายไปก่อน
ภายในเวลาเท่าไหร่ ?
เทอดพงษ์ : อย่ากำหนดเวลาเลย ผมจะหาให้เร็วที่สุด จะพยายามเต็มที่
พี่ปล่อยไว้แบบนี้ แล้วสุดท้ายพี่ก็จะตอบว่าหาให้ไม่ได้ มันอาจผ่านไป 5 เดือน ปีนึงเหมือนกัน ?
เทอดพงษ์ : ถ้าผมรับปากแล้วทำไม่ได้ คุณก็ด่าผมไม่ใช่เหรอ
รับปากแล้วก็ต้องทำให้ได้สิ ?
เทอดพงษ์ : ผมก็ชี้แจงไปแล้ว เงินค่อนข้างสูง ถ้าหาเงินให้ได้ผมก็รับปาก ผมทำให้เต็มที่ครับคุณกรรชัย
หลังบวชมาแล้ว ลูกเป็นยังไง ?
เทอดพงษ์ : เอาเรื่องนี้ดีกว่า เรื่องนั้นเป็นเรื่องส่วนตัว
ผมเห็นพี่ออกมาพูดว่าคนไปด่าลูกพี่ทั้งโซเชียล ถูกพิพากษาไปแล้ว พี่รู้สึกว่าไม่ได้ถูกต้อง ใช่ไหม ?
เทอดพงษ์ : ผมผิดก็ยอมรับผิดไปแล้ว ไม่มีคำโต้แย้งอยู่แล้ว ผิดก็ว่ากันไปตามผิด ได้ไม่ได้ยังไงก็มาคุยตลอด ไม่ได้นิ่งนอนใจนะ
ชื่อลูกพี่หลุดมาอยู่ในสังคมค่อนข้างเยอะมาก ๆ เชื่อผมนะพี่ ให้เรื่องนี้มันจบ ๆ ในหลังบ้านดีกว่า ไม่งั้นสังคมก็ตามกันอยู่อย่างนี้ มันจะไม่จบ มันจะกระทบลูกพี่ด้วย ?
เทอดพงษ์ : ผมขอบคุณคุณกรรชัย เรื่องนั้นผมรับทราบ เรื่องคดีก็ไปตามกระบวนการ ส่วนเรื่องแพ่งก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ผมหาได้ผมก็รับปาก ก็รับทราบกันอยู่แล้ว ผมเพิกเฉยอะไรเหรอครับ (หัวเราะ)
ขอกำหนดประมาณให้หน่อย จะหาได้เมื่อไหร่ ?
เทอดพงษ์ : น่าจะ 1-2 เดือนครับ เงินเยอะขนาดนั้นไม่ได้หาง่าย (หัวเราะ) พยายามอยู่ ผมไม่ได้ร่ำรวยอะไรตามที่เขาขุดนะครับ (หัวเราะ) มองตามข้อเท็จจริงบ้าง
พี่บอกว่าไม่ใช่คนรวย แต่ซื้อ BMW ให้ลูกขับ ?
เทอดพงษ์ : ผมก็ชี้แจงไปแล้ว ซื้อมาขายไป
แสดงว่าพี่ก็ต้องมีพรรคพวก กู้หนี้ยืมสินมาบ้างแหละพี่ ทางนี้เขาก็หนี้สินเหมือนกัน ?
เทอดพงษ์ : ก็มีแต่หนี้เท่านั้นแหละครับ ส่วนที่กู้ก็คือเงินที่พยายามหามาให้นี่แหละ
คุยไปก็วนอยู่ในอ่าง หาทางออกไม่เจอ ผมเข้าใจครอบครัวเลยว่าเจออะไร วันนี้ต้องไปนั่งกู้หนี้ยืมสินมา ?
วีรศักดิ์ : ขาดเสาหลักที่เคยซัพพอร์ตเขาเดือนละ 1.5 หมื่น เขาจะเอาที่ไหนใช้ ต้องหาวิธีการอื่น
เห็นแล้วสะท้อนใจจริง ๆ ผมสัญญาว่าจะตามเรื่องนี้ให้ คุณพ่อคุณแม่ พี่ต้องเอง ทำอะไรกัน ?
แม่บุญลือ : ยังไม่คิดว่าจะทำอะไรได้เลย (เสียงสั่นเครือ) เงินเก็บก็เอามาใช้ในงานศพหมดแล้ว ไม่มีก็ไปยืมเพื่อน ๆ บ้านมา เพราะมันไม่พอ ก็ 2 ปีแล้วที่หากินกันไม่ได้ เต้เขาก็หาเงินส่งให้ตลอด วันที่จะเสีย 30 ประมาณ 5 โมง เขาก็โทร. บอกว่าเงินเดือนเต้ออกแล้วนะ แม่จะเอาเท่าไหร่ดี เต้ให้ 1.5 หมื่นแล้วกัน เต้จะเอาเงินไปลงทะเบียนต่อโทอีก เราก็ไม่กล้าแข็ง เพราะเขารับรอง
เบื้องต้นจะช่วยเหลือแม่ส่วนหนึ่ง อยากให้สังคมหรือสื่อช่วยนำเสนอเรื่องนี้หน่อย อย่าให้เงียบหายไป พ่อแม่ลำบากมาก เป็นหนี้เป็นสิน เสาหลักเสียชีวิต หมอกอยากพูดอะไร ?
หมอก : อยากให้ลูกหรือพ่อคนก่อเหตุชดเชยให้พ่อแม่ให้เหมาะสม กว่าจะเลี้ยงน้องจบวิศวะโทรคมนาคมค่าใช้จ่ายมันก็เยอะ ลูกยังได้ตอบแทนแค่ปีเดียวเอง
มันเป็นมุมสะท้อนอีกหนึ่งอย่าง เยาวชนทำผิดไป โทษคดีค่อนข้างอ่อนแล้วเบา สุดท้ายกรณีแบบนี้ก็จะผ่านไป เรื่องราวก็กลายเป็นว่าครอบครัวนี้ลำบาก ฝั่งโน้นไม่นานก็ออกมา อาจเคลียร์กันจบก่อนด้วยซ้ำ โทษเยาวชนจำเป็นต้องให้รุนแรง ให้ไม่กล้ากระทำแบบนี้ได้อีก มันเป็นช่องว่างกฎหมายเหมือนกัน ?
วีรศักดิ์ : มันก็ลำบาก
จากกรณีข่าวดัง เด็ก 16 ซิ่งรถบีเอ็มฝ่าไฟแดงชน น้องเต้ วัย 24 ปี เสียชีวิต เมื่อกลางดึกวันที่ 30 กันยายน 2565 บริเวณถนนทางเข้ามหาวิทยาลัยใน จ.นครราชสีมา โดยไม่ได้รับการเยียวยาจากครอบครัวผู้ก่อเหตุ และทางครอบครัวผู้เสียชีวิตได้ออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรมให้ลูก ขณะที่โซเชียลมีการขุดคุ้ยถึงเยาวชนผู้ก่อเหตุ มีดีกรีเป็นนักกีฬาเยาวชนระดับทีมชาติ
รายการโหนกระแส วันที่ 25 ตุลาคม 2565 สัมภาษณ์ พ่อรักษ์ - คุณแม่บุญลือ พ่อแม่ผู้เสียชีวิต, พี่ต้อง พี่สาวผู้เสียชีวิต, พี่หมอก พี่ที่ทำงานน้องเต้ และนายวีรศักดิ์ โชติวานิช กรรมการประชาสัมพันธ์ สภาทนายความ ในพระบรมราชูปถัมภ์
เหตุการณ์ผ่านมานานพอสมควร ?
แม่บุญลือ : จะเกือบเดือนแล้วค่ะ ยังไม่ได้รับการเยียวยา
ขอย้อนเวลากลับไปวันที่ 30 กันยายน อีกครั้ง เหตุการณ์วันนั้นเกิดอะไรขึ้น ?
หมอก : หลังจากเลิกงาน เรากับน้องเต้ก็ไปกินข้าวเย็นต่อที่ตลาดนัดสินพลาซ่า แถวที่ทำงาน สักประมาณ 3 ทุ่มครึ่งก็แยกกันกลับบ้าน ผมกลับไปถึงบ้านสักเที่ยงคืน มีพี่หัวหน้างานบริษัทน้องเขาโทร. มาบอกว่าน้องเกิดอุบัติเหตุรถชน ผมก็ตกใจทำอะไรไม่ถูก เลยคิดว่าทางเจ้าหน้าที่คงเอาน้องไปที่โรงพยาบาลที่ทำงาน เลยโทร. ไปแผนกฉุกเฉิน เขาบอกว่าที่โรงพยาบาลไม่มีชันสูตร น่าจะไปโรงพยาบาลมหาราช
ผมก็โทร. ไปหาน้องที่ทำงานที่เขามีแฟนเป็นพยาบาลโรงพยาบาลมหาราช เพื่อติดต่อว่าใช่น้องจริง ๆ ไหม แต่ตอนนั้นรายชื่อน้องยังไม่เข้าระบบ ยังเช็กไม่ได้ เลยโทร. กลับไปที่โรงพยาบาลอีกครั้งว่าช่วยเช็กให้อีกทีได้ไหมว่ามีน้องมาไหม ทางโรงพยาบาลก็ให้เบอร์โทร. เช็ก สามารถโทร. ถามได้ เขาทำเกี่ยวกับข้อมูลพวกนี้ ผมก็โทร. หาน้องที่ทำงานด้วยกันที่เขามีแฟนอยู่โรงพยาบาลมหาราช ให้ช่วยประสานงานให้ จนตี 2 ก็เช็กชัวร์ว่าเป็นน้องเขา
น้องเต้พักอยู่ไกลจากที่ทำงานไหม ?
หมอก : ไม่มากครับ น้องไปพักอยู่โซนประตู 4 จุดที่น้องพักก็เป็นทางที่ต้องใช้ประจำอยู่แล้ว
ตอนนั้นกี่โมง พอจะทราบไหม ?
หมอก : เกือบ ๆ 4 ทุ่มครับ
มีคนบอกกล่าวยังไงบ้าง ?
หมอก : ที่โทร. ถามเช็ก เขาบอกมีวัยรุ่นขับรถบีเอ็มฝ่าไฟแดงแล้วชนน้อง มันเป็นแยกไฟแดง น้องมาทางหนึ่ง รถมาอีกทางหนึ่ง
สิ่งที่น่าตกใจ หลังมีการชนไปแล้ว เห็นจากข่าวและภาพที่มีการแชร์ในทวิตเตอร์ คือฝั่งผู้ชนลงจากรถมา ไม่ได้ให้การช่วยเหลือ แต่ใช้โทรศัพท์ถ่ายรูปรถตัวเอง และเอาไปลงสตอรี่ตัวเอง บอกว่าเขาและเพื่อนที่นั่งมาด้วยปลอดภัย รถชนนิดหน่อย 4 ทุ่ม 3 นาที เขาโพสต์หลังเกิดเหตุได้ไม่นาน น่าตกใจว่าน้องเต้คือบุคคลที่ถูกชน กระเด็นไปไกลกว่านี้ เขาไม่ได้เข้าไปดูแลหรือคิดที่จะช่วย แต่กลับมีอารมณ์ถ่ายรูปแล้วบอกคนอื่นว่ากูโดนแบบนี้ นี่คือสิ่งที่สังคมพยายามทวงถามความเป็นธรรมให้ครอบครัวน้องเต้ น้องจบอะไรมา ?
ต้อง : วิศวะโทรคมนาคม จบปี 2563
พ่อทำอาชีพอะไร ?
พ่อรักษ์ : ทำนาครับ
พ่อทำนาส่งเสียลูกเรียนหนังสือ ?
แม่บุญลือ : (ร้องไห้) พูดไม่ออกเหมือนกันค่ะ
ชีวิตคนเราไม่เท่ากันจริง ๆ พ่อแม่ทำนา รายได้ไม่ได้เยอะหรอก แต่กัดฟัน กินเลือดตัวเองก็ยอม หาเงินให้เต้เรียนหนังสือจนจบออกมา หวังเป็นเรี่ยวแรง เสาหลักให้ครอบครัว แล้วเต้ก็ทำได้จริง ๆ เต้ส่งเงินให้พ่อแม่เดือนละเท่าไหร่ ?
แม่บุญลือ : 1.5 หมื่นค่ะ
เต้ทำงานได้เดือนละเท่าไหร่ ?
ต้อง : เดือนละ 2.7 หมื่น และน้องรับจ๊อบต่างหากด้วยค่ะ
ได้ 2.7 หมื่น แบ่งให้ที่บ้าน 1.5 หมื่น ณ วันนี้เสาหลักเขาไม่ได้อยู่แล้ว ในมุมคนชนก็ไม่รู้จะพูดยังไง แม่กับพ่อได้มีโอกาสพูดคุยกับฝั่งคนที่เขาชนบ้างไหม ?
พ่อรักษ์ : ได้คุยครับ วันที่ 17 มีการเจรจา เขาบอกจะรับผิดชอบหมดทุกอย่าง เขายอมรับผิด แต่ทีนี้เรื่องไม่จบ เพราะผัดไปวันที่ 21 มาเจรจาอีกครั้ง จากหน้ามือเป็นหลังมือ เขาพูดไม่รับผิดชอบสักอย่าง และให้เงินผมจะจ่ายเป็นรายปี ผ่อนจ่ายครับ
ชีวิตคนหนึ่งที่เสียชีวิต เขาจะผ่อนจ่ายยังไง ?
พ่อรักษ์ : ผมก็ไม่เข้าใจว่าจะผ่อนจ่ายยังไง มีอยู่ข้อหนึ่งเขาบอกว่าจะกู้สหกรณ์ได้ประมาณ 7 แสน จะหาเงินมาชดเชยที่ลูกผมสูญเสียไป บวกเงินที่จะมาทำศพ จะเอาเงินมาให้ 2.5 แสน แต่จริง ๆ เงินทำศพลูกผมหมดไป 3 แสนต้น ๆ ครับ
ที่พ่อกับครอบครัวจ่ายไป 3 แสนกว่า แล้ว 2.5 แสนที่เขาบอกจะช่วย นำมาให้พ่อหรือยัง ?
พ่อรักษ์ : ยังเลยครับ
น้องเต้จากไป 30 กันยายน 2565 จนวันนี้ที่เรานั่งกันอยู่ เขาเยียวยาอะไรพ่อหรือยัง ?
พ่อรักษ์ : ไม่เยียวยาอะไรสักอย่างครับ ผมได้ประกัน พ.ร.บ. ของคู่กรณีมา 5 แสนเท่านั้นเองครับ
งานศพก็ 3 แสนแล้ว พูดไม่ออกจริง ๆ คุณพ่อบอกว่าคุณพ่อฝั่งเด็ก 16 เขามีการเอาเงินกับพวงหรีดแนบมาให้ ?
พ่อรักษ์ : วางใส่พานใต้พวงหรีด ผมดูในโทรศัพท์ เพื่อนบ้านถ่ายให้ดู แต่มันไม่มี
ที่ว่ามีการเอาเงินใส่พานมาให้ ไม่มีจริง ๆ ?
พ่อรักษ์ : ยืนยันครับ
วันงานน้องเต้ เขามาร่วมงานใช่ไหม ?
พ่อรักษ์ : เขามาวันสุดท้าย วันเผาศพลูกชายผม เขามาจริงหรือไม่จริงผมไม่เห็นนะครับ แต่ถ้ามาจริง เดินทางมาตั้ง 200-300 กิโล ทำไมดอกไม้สักดอก ธูปสักดอก ก็ไม่เคยเผาศพลูกผม คนแบบนี้เรียกว่าใจดำหรือใจดีครับ เขามาหรือเปล่าผมไม่เห็นครับ ลูกชายเขาก็ไม่มา ไม่ติดต่อเลยครับ
วันที่เกิดเหตุ น้องเต้ดูสัญญาณไฟอย่างดี ?
หมอก : ไฟแดงตรงนั้นเป็นเลขดิจิทัล จะเห็นภาพไฟแดง 6-7 วิ น้องถึงออกตัวไป ผมว่าเป็นเวลาที่นานแล้ว แสดงว่าอีกฝั่งฝ่าไฟแดงมาจริง ๆ ตั้งใจฝ่ามาเลย ไม่ใช่ไฟแดงที่ต้องมาแย่งจังหวะกัน
อาจารย์ไปเรียกร้องให้ครอบครัวยังไงบ้าง ?
วีรศักดิ์ : สภาทนายความฯ หลังเกิดเหตุวันที่ 30 ท่านนายกสภาทนายความก็รีบสั่งการให้ภาค 3 ลงพื้นที่หาข้อเท็จจริง ท่านวีระศักดิ์ บุญเพลิง ได้รับมอบวิดีโอที่อัดบันทึกและเปิดดู ได้ทราบข้อมูลเบื้องต้นว่าตรงจุดนี้เป็นไฟแดงอยู่ จังหวะพอไฟเขียวน้องเต้ไม่ได้ออกเลย อยู่สักประมาณ 6-7 วิ กว่าจะเคลื่อนรถ ถ้าออกเลยอาจมีการแย่งชิงกันก็ได้ แต่นี่น้องเต้ชะลอ 6-7 วิ แสดงว่าน้องเต้เองก็ระมัดระวัง
คู่กรณีก็ค่อนข้างชัดเจน เพราะตำรวจเองก็ชี้เองว่าเด็กอายุ 16 ปี ฝ่าไฟแดงแน่นอน ทำให้ประกันภัยที่รับประกัน พ.ร.บ. คู่กรณีเขาถึงยอมจ่ายเต็มตามลิมิตสูงสุดที่ พ.ร.บ. จะพึงจ่ายได้คือ 5 แสนบาท ที่ได้รับไปแล้ว นอกจากนี้สภาทนายความฯ พยายามรวบรวมหลักฐานทั้งหมด เพื่อขอยื่นรับเงินเยียวยาจากกระทรวงยุติธรรม จะได้ 1-2 แสนอยู่ที่คณะกรรมการ ส่วนคู่กรณีทราบเบื้องต้นว่าไม่มีการจ่ายหรือเจรจารับผิดชอบจริงจัง ในเรื่องนี้เนื่องจากผู้กระทำความผิดยังเป็นผู้เยาว์ ผู้ปกครองในทางแพ่งต้องร่วมรับผิด
แล้วเกิดเหตุในยามวิกาล จะ 4 ทุ่มอยู่แล้ว ผู้เยาว์ควรอยู่บ้าน ฉะนั้นผู้ปกครองต้องมีส่วนรับผิดชอบในทางแพ่ง ขณะเดียวกันในทางอาญาเองก็เหมือนกัน เรามี พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก ก็ให้ผู้ปกครองเองมีส่วนรับผิดชอบกฎหมายให้ผู้ปกครอง ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นพ่อแม่ ถ้าเด็กคนนี้อยู่ในความดูแลของพ่อแม่ พ่อแม่ก็มีส่วน แต่ถ้าเด็กอยู่ในความดูแลของปู่ย่าตายายก็แล้วแต่ ก็ถือว่าเป็นผู้ดูแลตามกฎหมาย ก็ต้องดูแลด้วย
อยู่ในสายกับ เทอดพงษ์ กมลปัญญากร พ่อผู้ก่อเหตุ ยังไม่มีการเยียวยาแกเลย 2.5 แสน ที่ใส่ไปในพวงหรีดก็ยังไม่มีเลย จะชี้แจงยังไง ?
เทอดพงษ์ : เหตุเกิดวันที่ 30 คืนวันนั้นผมก็ทราบจากผู้ปกครองเพื่อนลูกชายเขาโทร. มาบอก ผมก็ไปโคราชคืนนั้นเลย เช้ามาวันที่ 1 สารวัตรสอบสวนก็โทร. มาแจ้งว่าญาติผู้เสียหายมาที่ สภ.โพธิ์กลาง แล้ว เช้ามาผมก็พาลูกชายไปกราบขอขมาพ่อที่ สภ.โพธิ์กลาง ท่านสารวัตรสืบสวนก็อยู่ เช้ามาก็ไปเลย พาลูกชายไปกราบขอขมาท่าน และรับทราบข้อกล่าวหาตามพฤติการณ์ที่เกิดขึ้น
พอดีพ่อที่เสียเขาจะเดินทางกลับไปตั้งสวดที่นครสวรรค์วันนั้น ผมก็พาคุณพ่อนั่งรถไป ก็คุยเรื่องค่าเสียหายที่ สภ.โพธิ์กลาง ต้องการเยียวยาเบื้องต้นก่อน คุณพ่อจะว่ายังไง คุณพ่อก็ชี้แจงว่าจัดงานศพ 3-4 คืน ก็ประมาณแสนปลาย ๆ 2 แสน ผมก็โทร. กลับไปที่บ้าน ให้เตรียมเงินไว้ 2.5 แสน ทีนี้ผมพาพ่อผู้เสียหายขึ้นรถไปโรงพยาบาลมหาราช คุยกันปกติ ขอโทษ ขอขมากันบนรถ ไปรอที่โรงพยาบาล ขั้นตอนค่อนข้างช้ามากจนเกือบค่ำ ผมก็เลยแจ้งคุณพ่อคุณแม่ผู้เสียหายว่าเราแยกกันไปนะ
เขาบอกยังไม่ได้รับเงินเยียวยา หรือสิ่งที่เขาควรจะได้ ?
เทอดพงษ์ : เรื่องเงินเยียวยาคุยกันตั้งแต่วันที่ 1 แล้ว คุณพ่อเขาบอกว่ารีบ ผมก็บอกว่าไม่เป็นไร ผมจะตามไปวันเผา ผมถือเงินไป 2.5 แสนนั่นแหละ ตามที่เป็นข่าว ตามผู้ใหญ่บ้านที่ได้อธิบายชี้แจง นัดไปแล้วไม่ได้ไปงาน ถือเงินสดไปด้วย 2.5 แสน ไม่ได้เข้าร่วมงาน
2.5 แสนได้วางไว้ไหม ?
เทอดพงษ์ : ไม่ได้วาง เพราะผู้ใหญ่บ้านไปถามเขาแล้ว ไม่มีใครตอบรับให้ร่วมงาน
พ่อรักษ์ : ผมไม่รู้ครับ แต่ผมไม่เห็นว่านายเทอดพงษ์ไปด้วยครับ
เทอดพงษ์ : ผมมีพยานเป็นผู้ใหญ่บ้านครับ
แม่บุญลือ : ผู้ใหญ่บ้านอยู่คนละหมู่นะคะ
เทอดพงษ์ : มีผู้สื่อข่าวไปถามผู้ใหญ่บ้าน ก็ตามนั้นแหละครับ หลังจากวันนั้นมาผมก็กลับมา
ณ ตอนนี้จะชดใช้ให้ฝั่งนี้ยังไงบ้าง ?
เทอดพงษ์ : วันเผาที่คุยค้างไว้ ผมไปแต่ไม่ได้รับการอนุญาตให้เข้าร่วมงาน ผมก็กลับมา แล้วล่าสุดวันที่ 17 ที่ไปไกล่เกลี่ยกัน ผมก็ถือเงินก้อนนั้นไป แล้วมีผู้ประสานงาน ท่านวีระศักดิ์ บุญเพลิง ท่านมาดูแลผู้เสียหาย สารวัตรดูแลคดี ผมก็แจ้งว่าให้ท่านวีระศักดิ์แจ้งพ่อกับแม่ให้ทราบหน่อย ว่าเงิน 2.5 แสนที่ถือมาเยียวยาเบื้องต้นก่อน ไม่ใช่หลังได้รับเงินแล้วต่อไปจะไม่ได้อะไร ท่านชี้แจงเสร็จก็บอกว่าพ่อแม่ผู้เสียหายไม่ได้ยินดียอมรับเงินก้อนนั้นไป ผมก็แจ้งพ่อกับแม่ว่าจะเรียกร้องเงินเยียวยาเรื่องนี้เท่าไหร่อะไรยังไง ท่านก็บอกว่ายังไม่ตอบเรื่องนี้ นี่วันที่ 17 นะครับ แล้วล่าสุด 21 ก็มาไกล่เกลี่ยรอบ 2 ก็เป็นชุดเดิม พ่อกับแม่มารับเช็คในส่วน พ.ร.บ.รถยนต์ 5 แสนบาท วันที่ 21 พ่อกับแม่ก็แจ้งยอดค่าเสียหาย
พ่อเรียกเท่าไหร่ ?
พ่อรักษ์ : 15 ล้านครับ
เทอดพงษ์ : ผมก็ชี้แจงว่าเงินมากมายขนาดนั้น ฐานะทางการเงินผมก็คงไม่มีเป็นก้อนให้ได้ขนาดนั้น ท่านวีระศักดิ์ก็บอกว่าถามพ่อกับแม่ผู้เสียหาย เขาก็บอกว่าถ้าไม่มีให้คงต้องฟ้องทางแพ่งกัน ผมก็น้อมรับยอดนั้น และคงตามความประสงค์พ่อกับแม่
ตกลงให้ 15 ล้าน ?
เทอดพงษ์ : ไม่ได้บอกจะให้ 15 ล้าน ผมรับยอด 15 ล้านมา แล้วปรึกษากับครอบครัว เพราะมันเป็นยอดที่เยอะมาก ผมก็ชี้แจงว่าเงินที่ให้ส่วนแรก ผมคงหาได้สัก 6-7 แสนให้ไปก่อน พ่อไม่ยอมรับเงื่อนไขนั้น เขาบอกว่าต้องฟ้อง เป็นความประสงค์ท่าน ผมก็น้อมรับ นี่เป็นเหตุการณ์ไกล่เกลี่ยกันล่าสุด
ณ วันนี้คุณตัดสินใจให้ครอบครัวเขาเท่าไหร่ ?
เทอดพงษ์ : คงต้องปรึกษากับทางครอบครัวก่อน
ที่บอกจะไปขอผ่อนเขา จะไปผ่อนยังไง ?
เทอดพงษ์ : ต้องดูก่อนว่าพ่อแม่ผู้เสียหายเขาต้องการยังไง 15 ล้าน ณ ปัจจุบัน ก็ต้องบอกว่าจนปัญญาจะให้ เพราะยอดไม่ได้น้อย ๆ
สามารถจ่ายเขาเป็น 2 งวดได้ไหม งวดละ 7.5 ล้าน ?
เทอดพงษ์ : คือรายละเอียดวันนั้น ผมได้อธิบายฐานะทางการเงินครอบครัวผมไปแล้ว
อย่าหาว่าก้าวล่วง คุณก็เป็นพ่อ ถ้าสถานการณ์นี้ไปตกที่คุณเทอดพงษ์ ลูกคุณเทอดพงษ์ถูกขับรถชนตายทั้งที่ไม่มีใบขับขี่ คุณจะเรียกมากกว่า 15 ล้านบาทไหม ?
เทอดพงษ์ : ตัวเลขที่พ่อกับแม่เขาเรียกมาก็ตามที่ผู้เสียหายจะเรียก ถ้าในทางกลับกัน บอกตรง ๆ เหตุเกิดขึ้นแล้ว มาถึงจุดนี้ต้องการเยียวยาผู้เสียหาย
ถ้าวันนี้เขาบอกว่าไม่เป็นไร ไม่ต้องจ่าย 15 ล้านบาท แต่คุณเอาชีวิตลูกเขากลับคืนมา คุณทำได้ไหม ?
เทอดพงษ์ : มันมีใครทำได้แบบนั้นไหมล่ะครับ วันนี้มาไกล่เกลี่ยเพื่อเยียวยาผู้เสียหาย
งวดละ 7.5 ล้าน 2 งวดได้ไหม ?
เทอดพงษ์ : ผมต้องปรึกษาครอบครัวก่อนครับ
เวลาลูกคุณเอารถออกไป มีการปรึกษากันไหมว่าอย่าเอารถขับไป ถ้าเป็นผม ผมทันทีเลย อย่างน้อยลูกเขาตาย ?
เทอดพงษ์ : ในครอบครัวผมย้ำตลอดอยู่แล้ว เพราะผมรู้ว่าลูกไม่มีใบขับขี่ ลูกผมก็ไม่มีเรื่องเสียหายอะไร ผมย้ำตลอดเรื่องนี้ เพราะไม่มีใบขับขี่อยู่แล้ว
ตอนนี้ลูกชายเป็นยังไง ?
เทอดพงษ์ : ไปบวชได้ 5 วัน เพิ่งสึกออกมา
บวชอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้น้องเต้ใช่ไหม ?
เทอดพงษ์ : ครับ
แม่บอกว่าตอนแรกพ่อผู้ก่อเหตุไม่ได้พูดแบบนี้ ?
แม่บุญลือ : ใช่ ไม่ได้พูดแบบนี้ ต่อหน้าทนายความ ตำรวจ วันนั้นเขาบอกว่ามีเท่าไหร่เขาจะรับผิดชอบหมดทุกอย่าง 2.5 แสนก็ไม่คิดรวมกับค่าสูญเสียของเต้ ทุกอย่างคิดเป็นค่าต่างหากหมด โทรศัพท์กับรถเครื่องที่เสียไปก็จะเป็นแสนอยู่แล้ว เขาคิดเอามารวมหมด
3 แสนคือคิดรวมหมด ?
แม่บุญลือ : ที่บอกว่าจะให้ 7 แสน คือเงินที่เขาคิดรวมหมดเลย ที่จะให้ 2.5 แสนด้วยอะไรด้วย ค่ารถ ค่าโทรศัพท์ ค่ารถเข็นศพมาครั้งแรกก็บอกว่าจะให้ต่างหาก วันที่ 1 ไปได้ไหม เขาก็บอกว่าเขาไม่ว่าง
หมอก : ตอนนั้นเราไปแจ้งตายที่กำนัน มันเป็นวันหยุด เราเลยต้องไปแจ้งความที่เกิดเหตุ พอไปที่บ้านกำนัน กำนันไม่อยู่ มันก็ค่ำ เขาก็บอกว่าจะรอที่โรงพัก โทร. มาตามให้ไปโรงพัก แล้วจะให้เงิน 2.5 แสน แล้วลงบันทึกที่โรงพัก ผมบอกว่ามันค่ำแล้ว ต้องเอาศพน้องไปทำบุญที่บ้าน เดี๋ยวผมจะไปวันที่ 3, 4 ถ้าคุณจะช่วยจริง ๆ คุณไปได้ไหม เขาบอกวันที่ 3 เขาติดธุระไม่ว่าง เขาจะพาย่าไปหาหมอที่ขอนแก่น แล้ววันที่ 4 เขาก็ไม่ว่าง เขาวานว่าให้เราเป็นธุระเรื่องพวงหรีดได้ไหม เขาพูดกับผมแบบนี้
จะเอายังไงต่อไป ฝั่งโน้นเหมือนต้องไปปรึกษาครอบครัว เรื่องเกิดจะเดือนนึงแล้วยังไม่ปรึกษากันอีกเหรอ ?
แม่บุญลือ : เขามาทีไรไม่เคยเอาเมียมาเลย มาคนเดียว เหมือนเขาฉลาด เขาบ่ายเบี่ยง
วีรศักดิ์ : เรื่องนี้ปัญหาเกิดจากคู่กรณีฝ่ายเราเป็นผู้เยาว์ อยู่ในอำนาจศาลเยาวชนและครอบครัว ไม่ใช่ศาลผู้ใหญ่ธรรมดา ผมคิดว่าส่วนนี้เขาเองก็คงมีผู้รู้กฎหมาย หรือที่ปรึกษาให้ความเห็นเขา ว่าเรื่องนี้พอถึงศาล กรณีโทษที่ลงโทษไม่หนักเหมือนศาลใหญ่ เหมือนกรณีอาจารย์นักศึกษา ม.ธรรมศาสตร์ แพรวา สุดท้ายเป็นกระบวนการศาลเยาวชน ผมคิดว่าครอบครัวฝ่ายน้อง 16 ปีก็พอจะรู้ ฉะนั้นวิธีการเจรจาถึงออกมาอย่างนี้
ตอนแพรวาผมเป็นคนเอาที่ดินแม่แพรวาไปเร่ขายด้วยซ้ำ เพื่อหาเงิน 50 ล้านไปจ่ายให้ผู้เสียหาย แต่มันขายไม่ได้ ผมเป็นคนบอกแม่แพรวาว่ายังไงแม่ก็จำเป็นต้องกู้หนี้ยืมสินเพื่อหาเงินก้อนนี้มาชดใช้ให้ผู้เสียหาย เพราะเขารอมาหลายปีมากแล้ว บางคนล้มหายตายจากไป ปรากฏว่าเขาเชื่อ เขาก็ไปกู้หนี้ยืมสินมาจริง ๆ 50 ล้าน ให้ผมเอาเช็คไปวางที่ศาล แล้วฝั่งผู้เสียหายมารับเงินไป เหตุการณ์ครั้งนี้เหมือนย้อนกลับมาอีกแล้ว จริง ๆ กรณีแม่แพรวาเขายังกระทำได้เลยนะ แต่ครั้งนี้ผมว่าเป็นเหตุที่คุณไม่ต้องรออีกหลายปีแล้วมาทำเลย มันสามารถทำได้เลย แล้วคุณรับราชการ เป็นเจ้าหน้าที่ใน อบต. ทำงานรับใช้ประชาชน เรื่องแบบนี้อยากให้เห็นใจเขาด้วย อยู่ในสายกับคุณเทอดพงษ์อีกครั้ง อยากให้เห็นใจฝั่งนี้ เป็นไปได้ไหม ปรึกษากันเลยได้ไหม ?
เทอดพงษ์ : คงไม่ได้ครับ ดูยอดเงินมันขนาดนี้ ผมจะไปหาไหนให้ได้ มันเยอะนะครับ ผมน้อมรับข้อเสนอคุณพ่อคุณแม่เขา แต่ถ้าเงินก้อนขนาดนี้ก็บอกตรง ๆ มันคงยากมาก
แล้วจะจ่ายยังไงได้ ?
เทอดพงษ์ : ถ้าคุณพ่อคุณแม่เขายังยึดตามยอดนี้ ผมก็น้อมรับนะครับ คงอาศัยกระบวนการทางศาลว่ากันดูว่าจะยังไง ตัวเลขผมก็น้อมรับ
รับไว้ 15 ล้าน แต่ไม่มีจ่าย ไปขึ้นศาลว่ากัน ?
เทอดพงษ์ : ก็คงต้องอย่างนั้น คงต้องให้ศาลตัดสิน
แล้วถ้าศาลสั่งจ่าย 15 ล้าน คุณจะทำยังไง ?
เทอดพงษ์ : ในความเป็นจริง ผมไม่มีเงินก้อน 15 ล้านครับ ผมก็คงต้องหาวิธีทยอยจ่ายให้เป็นไปตามที่ศาลสั่งนั่นแหละ
ถ้าวันนี้ทยอยจ่าย 15 ล้านได้ไหม ?
เทอดพงษ์ : จริง ๆ ผมคุยกับทางพ่อกับแม่ผู้เสียหายแล้ว ต่อหน้าวันที่ 21 ท่านก็ไม่โอเค ท่านบอกจะฟ้อง ผมก็น้อมรับ
คุณทยอยจ่ายได้เท่าไหร่ ?
เทอดพงษ์ : ยังหรอกครับ ถ้าตัวเลขยังอยู่เท่าเดิม รายได้ผมหลักหมื่น คิดว่าประมาณกี่ปีล่ะ สุดท้ายพ่อกับแม่ผู้เสียหายคงไม่พอใจ สุดท้ายก็ต้องพึ่งกระบวนการทางศาลอยู่ดี
ถ้าตัวเลข 15 ล้าน คุณไม่มีจ่าย ?
เทอดพงษ์ : ยังไม่มีจ่าย คงต้องพึ่งกระบวนการทางศาล ผมก็น้อมรับ
คุณจะขึ้นศาลอย่างเดียว พอจะทราบไหม เห็นบอกว่ามีเรื่องข้อกฎหมายเอาผิดผู้ปกครอง ?
วีรศักดิ์ : พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก 2546 มีมาตราหมวด 2 ว่าด้วยการปฏิบัติต่อเด็กในมาตรา 26 เขาบอกว่าภายใต้บทบัญญัติ ไม่ว่าเด็กจะยินยอมหรือไม่ ห้ามมิให้ผู้ใดกระทำการต่อไป วงเล็บ 3 น่าสนใจ บังคับ ชักจูง ส่งเสริมให้เด็กประพฤติตนไม่สมควร หรือน่าจะทำให้เด็กมีความประพฤติเสี่ยงต่อการกระทำความผิด เขาบอกว่าถ้าผู้ปกครองฝ่าฝืนบทนี้ก็จะมีบทลงโทษด้วย แม้โทษไม่รุนแรง แต่มีโทษถึงจำคุกด้วย ฉะนั้นผู้ปกครองในที่นี้ไม่จำเป็นต้องเป็นพ่อแม่ ถ้าเด็กอยู่ในการปกครองของปู่ย่าตายายก็แล้วแต่ ก็เข้าลักษณะการเป็นผู้ปกครอง เพราะงั้นตรงนี้ต้องพึงระวังไว้ ไม่ใช่เด็กกระทำความผิดแล้ว ศาลเยาวชนจะพิจารณาเฉพาะตัวเด็กเท่านั้น ตัวผู้ปกครองเองก็อาจเข้าข่ายมาตรา 26 (3) มีโทษทางอาญาด้วยก็อยากฝากไว้
กรณี 15 ล้านที่ครอบครัวน้องเต้ร้องไป คุณบอกว่าไม่มีจ่าย เป็นเรื่องกระบวนการในชั้นศาล แต่ด้านหลักมนุษยธรรม ในเมื่อลูกขับรถฝ่าไฟแดงชนลูกเขาตาย เบื้องต้นคิดว่าจะเยียวยาเขายังไงบ้าง ?
เทอดพงษ์ : ตั้งแต่วันแรก 2.5 แสน เขายังไม่ยอมรับตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ แล้วจะให้ผมดำเนินการยังไง
เขาไม่เห็นว่าคุณเอาเงินมาให้เขา ?
เทอดพงษ์ : วันที่ 17 ก็ยังถือเงินไป ผู้กำกับ ท่านวีระศักดิ์ก็อยู่ในเหตุการณ์ ผมจะไม่เยียวยาเขาเลยเหรอ
แม่บุญลือ : วันนั้นเขาถือเงินไป เขาจะให้ แต่ทนายเขาบอกว่าเงิน 2.5 แสนเป็นเงินช่วยเหลือเยียวยาใช่ไหม แต่ทีนี้เขาบอกเงินช่วยเหลือต่างหาก เงินค่ารถ ค่าโทรศัพท์ก็ต่างหาก แต่เรามาคิดกันว่าเราอยากรู้ว่าในใจเขาจะมอบเงินเยียวยาน้องเต้เสียชีวิตไปเท่าไหร่ อยากให้เขาเอ่ยมาก่อน เพราะครอบครัวเราเป็นครอบครัวผู้สูญเสีย ไม่กล้าเอ่ย ไม่กล้าอะไรทั้งนั้น ไม่กล้าตีราคาลูกว่าประมาณเท่าไหร่ ให้เขาตีราคามาก่อนว่าเขาจะช่วยได้ประมาณเท่าไหร่ เขาก็ขอกลับไปปรึกษากันก่อน
เมื่อไหร่จะปรึกษากันรู้เรื่อง ?
เทอดพงษ์ : ก็คุณแม่เขาไม่ได้เอ่ย มาไกล่เกลี่ยครั้งแรกก็ขอตัวเลขคุณแม่
แม่บุญลือ : เขาบอกว่าขอไปปรึกษาก่อน พอเราไปอีกครั้งเขาบอกว่าไม่สามารถให้ได้ เพราะเงิน 2.5 แสนก็ต้องเอามารวมกับค่าน้องที่เสียไป
ตอนนี้ถ้า 2.5 แสน ที่จะจ่ายกับ 7 แสน เยียวยาเขาไปก่อนได้ไหม 1 ล้าน แล้วค่อยไปหักจาก 15 ล้าน ?
เทอดพงษ์ : ผมคุยแล้ว ตั้งแต่วันสุดท้าย 21 เจอกัน ยอดสุดท้ายที่ผมพอหาได้เบื้องต้น 7 แสน
บวก 2.5 แสนได้ไหม ?
เทอดพงษ์ : ผมอธิบายมาแล้วว่ายอดนี้คือดึงมาก่อน ไปหาทางญาติทางอะไรเขามา ผมจะเยียวยาตั้งแต่วันแรกอยู่แล้ว
เหมือนทางนี้ต้องไปงอนง้อขอเงินคุณ ทั้งที่ลูกคุณไปขับรถชนลูกเขาตาย ?
เทอดพงษ์ : ฟังผมก่อน วันที่ 17 ผมก็คุยกับพ่อแม่เขาว่าแจ้งตัวเลขมาให้ผม ผมจะได้กลับไปปรึกษา คุณพ่อคุณแม่ก็ยังไม่แจ้ง พอ 21 มาเจอกัน ถึงได้ยอดตัวเลขมา 15 ล้าน ผมก็อธิบายไป จริง ๆ เงินยอดขนาดนั้นผมหาไม่ได้หรอก ผมพอที่จะดึงได้เต็มที่ก็ 7 แสนที่จะเยียวยาคุณพ่อคุณแม่ไปก่อน นี่ล่าสุดที่คุยกันแล้ว ก็คุยกันมาตลอด
พ่อจะเอายังไงเรื่องนี้ พ่ออยากได้ตรงไหนที่คิดว่าเป็นธรรมกับพ่อ ?
พ่อรักษ์ : จากตอนแรกที่บอกว่าจะช่วยทำศพ 2.5 แสน ยอดที่ผมซื้อของมาในรายการก็ 3 แสนต้น ๆ มอเตอร์ไซค์ โทรศัพท์ลูกที่สูญเสียไปก็เป็นแสนแล้วครับ ยังไม่รวมกับชีวิตน้องเต้ที่สูญเสียไปครับ
วันนี้เรียกว่าการเยียวยาจากฝั่งเขา เขาบอกว่า 15 ล้านจ่ายไม่ได้ ตรงไหนคือจุดกึ่งกลางของเราก่อน ?
พ่อรักษ์ : สิทธิเราตอนนี้ไม่เกี่ยวกับเงินประกันของเต้ ผมจะขอเงินทำศพลูก รวมค่ามอเตอร์ไซค์ ค่าโทรศัพท์ 4 แสนเศษ ๆ ดูในบิลที่ผมเขียนมา เอกสารเราละเอียด
แม่บุญลือ : ขอสัก 1 ล้านก่อนได้ไหม
คุณนิตยามาเมนต์บอกว่าเงินจัดงานศพ 3 แสน ทำไมเยอะจัง นี่คือค่าใช้จ่ายที่พ่อเขาจดไว้ (แจกแจงค่าใช้จ่าย) เบ็ดเสร็จตก 3 แสนกว่าบาท ทำบุญ 7 วันนะ คนในเพจถามว่าทำไม 3 แสนเยอะจัง ผมก็ตอบไม่ได้ หรือไม่ก็ลองตายดูแล้วมาเข้าฝันญาติว่าค่าเท่านี้หรือเปล่า ?
วีรศักดิ์ : กรณีน้องเต้กับครอบครัว ถือว่าค่าใช้จ่ายเหล่านี้ผมว่าไม่ได้มากไม่ได้น้อยไป ค่าครองชีพทุกวันนี้ก็รู้ ๆ อยู่ น้ำมันก็ขึ้น เท่านี้ก็ไม่ได้เว่อร์
เขาต้องการให้คุณเยียวยาเขา 1 ล้านก่อน เป็นไปได้ไหม ?
เทอดพงษ์ : 1 ล้านบาทผมก็ไม่มี ต้องหา
แล้ว 7 แสนอยู่ไหมที่บอกว่าจะให้พ่อแม่เขา ?
เทอดพงษ์ : ผมต้องหาครับ ผมคุยกับพ่อแม่ผู้เสียหายไปแล้ว
ตอนนี้มีเท่าไหร่ ?
เทอดพงษ์ : ที่ดึงมาก็ 2.5 แสน ที่คุยกันแรก ๆ ถ้าจะหาเพิ่มได้ก็ยอดประมาณนี้ 6-7 แสน
ผมพูดด้วยความหวังดี ไปหาเงิน 1 ล้านเยียวยาเขาไปก่อน ส่วนอื่น ๆ ก็ว่ากันไป ?
เทอดพงษ์ : ผมไม่ได้นิ่งนอนใจ ผมหาตลอด คุณกรรชัยจะมากดดันผม ถ้ามีได้ผมก็ให้ไปแล้ว แต่เงินเยอะขนาดนั้นผมก็ไม่ใช่หาได้ภายใน 4-5 วัน
แม่รอได้ไหมสักอาทิตย์ ?
แม่บุญลือ : เขามั่นใจไหมว่าจะหาได้ ไม่ใช่พูดกลับไปกลับมาเหมือนวันนั้น
อาทิตย์นึง คุณหาให้เขาได้ไหมสักล้าน ?
เทอดพงษ์ : ผมไม่ได้พูดกลับไปกลับมานะ
แม่บุญลือ : วันที่ไปโรงพักวันแรก คุณบอกว่าอะไรก็พร้อมให้ทุกอย่าง แต่อยู่ดี ๆ 2.5 แสนก็ไปอย่างหนึ่ง ค่ามอเตอร์ไซค์ โทรศัพท์ ก็ไปอีกอย่างหนึ่ง พูดต่อหน้าเจ้าหน้าที่และทนายความ แล้ววันหลังกลับมา คุณบอกว่าคุณหายังไม่ได้ ไม่รู้จะไปหาที่ไหน
เทอดพงษ์ : วันที่ 21 ที่ไปรับเช็ค ผมคุยกับคุณแม่ว่ายังไงครับ
แม่บุญลือ : ก็คุยกันตรงนั้น คุณพูดว่ายังไงคุณก็ต้องจำได้
เทอดพงษ์ : ผมอธิบายไปแล้ว ถ้าหาได้ก็ 6-7 แสน
พี่ไปหาให้เขาก่อนได้ไหมล้านนึง ไม่ได้กดดันนะ เรื่องเกิดขึ้นแล้ว พี่ลองคิดดี ๆ ?
เทอดพงษ์ : ผมพยายามนะครับ ไม่ได้นิ่งนอนใจ ผมก็ประสานทุกเรื่อง ไม่ได้บ่ายเบี่ยงอะไรเลย เพียงแต่ตัวเลขมันเยอะ ผมจะไปหาที่ไหนได้ไว ๆ ต้องเห็นใจทางผมบ้าง
พี่บอกว่าหาได้ 7 แสน ก่อนหน้านี้ที่บอกไป แล้วไปหาอีก 3 แสน ให้เขาไปล้านนึงก่อน เยียวยาเบื้องต้นไปก่อน ?
เทอดพงษ์ : ผมยังรับปากไม่ได้ รับปากไปก็เสียหายอีก คุณก็มาจี้ผมอีก
ระหว่างสัมภาษณ์ ไฟดับไป ก็ขออนุญาตช่วยหาเงินให้เขาแล้วกัน 1 ล้าน ขอเวลาสักอาทิตย์กว่า ๆ 2 อาทิตย์ ?
เทอดพงษ์ : ผมไม่ได้รับปากว่าจะถึงยอดนั้นนะครับ ผมพยายามหาเต็มที่อยู่แล้ว ผมไม่ได้นิ่งนอนใจ เงินไม่ได้หากันง่าย ๆ นะสภาพเศรษฐกิจแบบนี้ ผมประสานกันตลอด
คุณทำอะไรให้เขาได้ ?
เทอดพงษ์ : ก็ยอดที่ผมชี้แจงไปแล้ว 6-7 แสน ที่จะวิ่งหาให้ก่อน ให้คัฟเวอร์งานศพและทรัพย์สินที่เสียหายไปก่อน
ภายในเวลาเท่าไหร่ ?
เทอดพงษ์ : อย่ากำหนดเวลาเลย ผมจะหาให้เร็วที่สุด จะพยายามเต็มที่
พี่ปล่อยไว้แบบนี้ แล้วสุดท้ายพี่ก็จะตอบว่าหาให้ไม่ได้ มันอาจผ่านไป 5 เดือน ปีนึงเหมือนกัน ?
เทอดพงษ์ : ถ้าผมรับปากแล้วทำไม่ได้ คุณก็ด่าผมไม่ใช่เหรอ
รับปากแล้วก็ต้องทำให้ได้สิ ?
เทอดพงษ์ : ผมก็ชี้แจงไปแล้ว เงินค่อนข้างสูง ถ้าหาเงินให้ได้ผมก็รับปาก ผมทำให้เต็มที่ครับคุณกรรชัย
หลังบวชมาแล้ว ลูกเป็นยังไง ?
เทอดพงษ์ : เอาเรื่องนี้ดีกว่า เรื่องนั้นเป็นเรื่องส่วนตัว
ผมเห็นพี่ออกมาพูดว่าคนไปด่าลูกพี่ทั้งโซเชียล ถูกพิพากษาไปแล้ว พี่รู้สึกว่าไม่ได้ถูกต้อง ใช่ไหม ?
เทอดพงษ์ : ผมผิดก็ยอมรับผิดไปแล้ว ไม่มีคำโต้แย้งอยู่แล้ว ผิดก็ว่ากันไปตามผิด ได้ไม่ได้ยังไงก็มาคุยตลอด ไม่ได้นิ่งนอนใจนะ
ชื่อลูกพี่หลุดมาอยู่ในสังคมค่อนข้างเยอะมาก ๆ เชื่อผมนะพี่ ให้เรื่องนี้มันจบ ๆ ในหลังบ้านดีกว่า ไม่งั้นสังคมก็ตามกันอยู่อย่างนี้ มันจะไม่จบ มันจะกระทบลูกพี่ด้วย ?
เทอดพงษ์ : ผมขอบคุณคุณกรรชัย เรื่องนั้นผมรับทราบ เรื่องคดีก็ไปตามกระบวนการ ส่วนเรื่องแพ่งก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ผมหาได้ผมก็รับปาก ก็รับทราบกันอยู่แล้ว ผมเพิกเฉยอะไรเหรอครับ (หัวเราะ)
ขอกำหนดประมาณให้หน่อย จะหาได้เมื่อไหร่ ?
เทอดพงษ์ : น่าจะ 1-2 เดือนครับ เงินเยอะขนาดนั้นไม่ได้หาง่าย (หัวเราะ) พยายามอยู่ ผมไม่ได้ร่ำรวยอะไรตามที่เขาขุดนะครับ (หัวเราะ) มองตามข้อเท็จจริงบ้าง
พี่บอกว่าไม่ใช่คนรวย แต่ซื้อ BMW ให้ลูกขับ ?
เทอดพงษ์ : ผมก็ชี้แจงไปแล้ว ซื้อมาขายไป
แสดงว่าพี่ก็ต้องมีพรรคพวก กู้หนี้ยืมสินมาบ้างแหละพี่ ทางนี้เขาก็หนี้สินเหมือนกัน ?
เทอดพงษ์ : ก็มีแต่หนี้เท่านั้นแหละครับ ส่วนที่กู้ก็คือเงินที่พยายามหามาให้นี่แหละ
คุยไปก็วนอยู่ในอ่าง หาทางออกไม่เจอ ผมเข้าใจครอบครัวเลยว่าเจออะไร วันนี้ต้องไปนั่งกู้หนี้ยืมสินมา ?
วีรศักดิ์ : ขาดเสาหลักที่เคยซัพพอร์ตเขาเดือนละ 1.5 หมื่น เขาจะเอาที่ไหนใช้ ต้องหาวิธีการอื่น
เห็นแล้วสะท้อนใจจริง ๆ ผมสัญญาว่าจะตามเรื่องนี้ให้ คุณพ่อคุณแม่ พี่ต้องเอง ทำอะไรกัน ?
แม่บุญลือ : ยังไม่คิดว่าจะทำอะไรได้เลย (เสียงสั่นเครือ) เงินเก็บก็เอามาใช้ในงานศพหมดแล้ว ไม่มีก็ไปยืมเพื่อน ๆ บ้านมา เพราะมันไม่พอ ก็ 2 ปีแล้วที่หากินกันไม่ได้ เต้เขาก็หาเงินส่งให้ตลอด วันที่จะเสีย 30 ประมาณ 5 โมง เขาก็โทร. บอกว่าเงินเดือนเต้ออกแล้วนะ แม่จะเอาเท่าไหร่ดี เต้ให้ 1.5 หมื่นแล้วกัน เต้จะเอาเงินไปลงทะเบียนต่อโทอีก เราก็ไม่กล้าแข็ง เพราะเขารับรอง
เบื้องต้นจะช่วยเหลือแม่ส่วนหนึ่ง อยากให้สังคมหรือสื่อช่วยนำเสนอเรื่องนี้หน่อย อย่าให้เงียบหายไป พ่อแม่ลำบากมาก เป็นหนี้เป็นสิน เสาหลักเสียชีวิต หมอกอยากพูดอะไร ?
หมอก : อยากให้ลูกหรือพ่อคนก่อเหตุชดเชยให้พ่อแม่ให้เหมาะสม กว่าจะเลี้ยงน้องจบวิศวะโทรคมนาคมค่าใช้จ่ายมันก็เยอะ ลูกยังได้ตอบแทนแค่ปีเดียวเอง
มันเป็นมุมสะท้อนอีกหนึ่งอย่าง เยาวชนทำผิดไป โทษคดีค่อนข้างอ่อนแล้วเบา สุดท้ายกรณีแบบนี้ก็จะผ่านไป เรื่องราวก็กลายเป็นว่าครอบครัวนี้ลำบาก ฝั่งโน้นไม่นานก็ออกมา อาจเคลียร์กันจบก่อนด้วยซ้ำ โทษเยาวชนจำเป็นต้องให้รุนแรง ให้ไม่กล้ากระทำแบบนี้ได้อีก มันเป็นช่องว่างกฎหมายเหมือนกัน ?
วีรศักดิ์ : มันก็ลำบาก