ชูวิทย์ เปิดปฏิบัติการล้มชูวิทย์ แฉ ทนายโจรเด็ก ก้าวข้ามจากคนดีมาบังเกิด แปรสภาพเป็นจิ๊กโก๋ปากซอย เป็นเพียงเด็กที่ยอมเป็นม้ารับใช้ ได้ผลตอบแทนแค่เศษเงิน
วันที่ 5 เมษายน 2566 ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้โพสต์เรื่องปฏิบัติการ "ล้มชูวิทย์" ระบุว่า มีกลุ่มคนที่กระสันอยากจะล้มผมมากมาย วงการที่ผมอยู่มันสีเทา ไม่มีสัจจะในหมู่โจร เมื่อโจรอย่างผมกล้าเปิดปาก คนดีแต่เปลือกที่แทรกอยู่ในหมู่โจรเสียประโยชน์ จึงแง้มหน้ามาแทงหลัง ไม่กล้าปะทะตรง ๆ ตามสันดานโจรกระจอก ทนายโจรเด็กที่เพิ่งเริ่มมีแสงส่องสว่าง แสร้งทำดีมาได้ไม่กี่ปี ก็เผยตัวตนที่แท้จริงออกมาให้ได้เห็น
หากเป็นกระดานหมากรุกถือว่าเป็นแค่ เบี้ยตัวหนึ่ง ไม่ได้มีไว้รุก แต่มีไว้ให้มหาโจรได้หลอกกิน ในเมื่อเป็นแค่เบี้ยแต่สำคัญตนผิด คิดมาชนกับขุน ผลจึงพังไม่เป็นท่า กู่ไม่กลับ เดินเกมพลาดไปจนสุดกระดาน ที่คิดว่าขุดหลุม กลับโดนฝังเสียเอง แรก ๆ เห็นการออกมาช่วยเหลือประชาชน ใส่เสื้อยืดตีตรา ดูเหมือนทำเพื่อคนในสังคมที่เดือดร้อน จนกระทั่งวันหนึ่ง ตกผลึกก้าวข้ามจากคนดีมาบังเกิด แปรสภาพเป็น "จิ๊กโก๋" ปากซอยอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
กัลยาณมิตรในหมู่โจรอดรนทนไม่ไหว บอกผมว่า ทนายเป็นเพียงเด็กที่ยอมเป็น "ม้ารับใช้" ได้ผลตอบแทนแค่เศษเงินจากคนที่บงการอยู่เบื้องหลัง บุคคลดังกล่าวเป็นนายตำรวจใหญ่ที่ผมเคยคุยตอนแฉจีนเทา ร่วมมือกับสื่อเฒ่าสีเทาจัด ที่เสียผลประโยชน์จากการต่อต้านกัญชาเสรีของผม ใช้ทนายเด็กเป็น "เบี้ย" ออกหน้าแทน เริ่มจากการแฉถุงขนม 6 ล้าน ทั้งที่รู้เรื่องราวดีอยู่ว่าผมเอาไปบริจาคให้โรงพยาบาล 2 แห่ง เรียบร้อยแล้ว เปิดเกมรุก แล้วดันตกม้าตาย กลับกลายเป็นเกมถอย
พอรู้ว่าชักเสียท่า โดนกระแสตีกลับเพราะตัวเองยังอ่อนหัด จู่ ๆ เลี้ยวไปเล่นเรื่องที่ดินของผมแบบยอมพลีชีพ สันดานเป็นได้แค่ "เด็กใช้งาน" ก็ยังคงเป็นเหมือนเดิมวันยันค่ำ เขียนบทเหมือนสื่อเฒ่าสีเทาที่เสียหน้า เพราะไม่คิดว่าจะมีวันนี้ ที่มีคนกล้าชนถลกหนังหัว วันนี้ทนายเด็กต้องถูกสังคมตรวจสอบที่มาของเงิน และความหรูหราที่ขาดมาตั้งแต่ยังเล็ก แม้แต่เพื่อนทนายยังอดรนทนไม่ไหว ออกมาระบายความในใจว่า "เป็นห่วง" ที่แท้แรงหิวโหยแค่แบรนด์เนม โชว์โซเชียลว่าขึ้นชั้น อยากทำผลงานโชว์ผู้ใหญ่ หวังเพียงจะได้โลดแล่นในยุทธจักรสีเทา ร่วมมือกับหุ้นส่วนเจ้าหน้าที่ DSI ตัวเตี้ย ๆ อายุประมาณ 50 ปี ชื่อเล่นย่อ ท. ที่เพิ่งมีคดีเกี่ยวพันกับบ้านกงสุลแถวสาทร
แต่ในเมื่อกล้าที่จะเปิดศึก ผมก็พร้อมชน ไม่ว่าเด็กไม่ว่าแก่ เมื่อชนมาก็ต้องชนตอบ อยู่ที่ใครจะอึดกว่ากัน หากพลาดครั้งเดียวก็หมายถึงล้มได้ทั้งยืน ผมเคยล้มมาแล้ว 99 ครั้ง หากครั้งนี้ล้มอีกจะเป็นไร แต่อย่าให้คนอย่างผมได้ชน งานนี้ไม่มีได้ ไม่มีเสีย ผมล้มทั้งกระดาน
![ชูวิทย์ แฉทนายโจรเด็ก แค่ม้ารับใช้ได้เศษเงิน ชูวิทย์ แฉทนายโจรเด็ก แค่ม้ารับใช้ได้เศษเงิน]()
![ชูวิทย์ แฉทนายโจรเด็ก แค่ม้ารับใช้ได้เศษเงิน ชูวิทย์ แฉทนายโจรเด็ก แค่ม้ารับใช้ได้เศษเงิน]()
ขอขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์
วันที่ 5 เมษายน 2566 ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้โพสต์เรื่องปฏิบัติการ "ล้มชูวิทย์" ระบุว่า มีกลุ่มคนที่กระสันอยากจะล้มผมมากมาย วงการที่ผมอยู่มันสีเทา ไม่มีสัจจะในหมู่โจร เมื่อโจรอย่างผมกล้าเปิดปาก คนดีแต่เปลือกที่แทรกอยู่ในหมู่โจรเสียประโยชน์ จึงแง้มหน้ามาแทงหลัง ไม่กล้าปะทะตรง ๆ ตามสันดานโจรกระจอก ทนายโจรเด็กที่เพิ่งเริ่มมีแสงส่องสว่าง แสร้งทำดีมาได้ไม่กี่ปี ก็เผยตัวตนที่แท้จริงออกมาให้ได้เห็น
หากเป็นกระดานหมากรุกถือว่าเป็นแค่ เบี้ยตัวหนึ่ง ไม่ได้มีไว้รุก แต่มีไว้ให้มหาโจรได้หลอกกิน ในเมื่อเป็นแค่เบี้ยแต่สำคัญตนผิด คิดมาชนกับขุน ผลจึงพังไม่เป็นท่า กู่ไม่กลับ เดินเกมพลาดไปจนสุดกระดาน ที่คิดว่าขุดหลุม กลับโดนฝังเสียเอง แรก ๆ เห็นการออกมาช่วยเหลือประชาชน ใส่เสื้อยืดตีตรา ดูเหมือนทำเพื่อคนในสังคมที่เดือดร้อน จนกระทั่งวันหนึ่ง ตกผลึกก้าวข้ามจากคนดีมาบังเกิด แปรสภาพเป็น "จิ๊กโก๋" ปากซอยอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
กัลยาณมิตรในหมู่โจรอดรนทนไม่ไหว บอกผมว่า ทนายเป็นเพียงเด็กที่ยอมเป็น "ม้ารับใช้" ได้ผลตอบแทนแค่เศษเงินจากคนที่บงการอยู่เบื้องหลัง บุคคลดังกล่าวเป็นนายตำรวจใหญ่ที่ผมเคยคุยตอนแฉจีนเทา ร่วมมือกับสื่อเฒ่าสีเทาจัด ที่เสียผลประโยชน์จากการต่อต้านกัญชาเสรีของผม ใช้ทนายเด็กเป็น "เบี้ย" ออกหน้าแทน เริ่มจากการแฉถุงขนม 6 ล้าน ทั้งที่รู้เรื่องราวดีอยู่ว่าผมเอาไปบริจาคให้โรงพยาบาล 2 แห่ง เรียบร้อยแล้ว เปิดเกมรุก แล้วดันตกม้าตาย กลับกลายเป็นเกมถอย
พอรู้ว่าชักเสียท่า โดนกระแสตีกลับเพราะตัวเองยังอ่อนหัด จู่ ๆ เลี้ยวไปเล่นเรื่องที่ดินของผมแบบยอมพลีชีพ สันดานเป็นได้แค่ "เด็กใช้งาน" ก็ยังคงเป็นเหมือนเดิมวันยันค่ำ เขียนบทเหมือนสื่อเฒ่าสีเทาที่เสียหน้า เพราะไม่คิดว่าจะมีวันนี้ ที่มีคนกล้าชนถลกหนังหัว วันนี้ทนายเด็กต้องถูกสังคมตรวจสอบที่มาของเงิน และความหรูหราที่ขาดมาตั้งแต่ยังเล็ก แม้แต่เพื่อนทนายยังอดรนทนไม่ไหว ออกมาระบายความในใจว่า "เป็นห่วง" ที่แท้แรงหิวโหยแค่แบรนด์เนม โชว์โซเชียลว่าขึ้นชั้น อยากทำผลงานโชว์ผู้ใหญ่ หวังเพียงจะได้โลดแล่นในยุทธจักรสีเทา ร่วมมือกับหุ้นส่วนเจ้าหน้าที่ DSI ตัวเตี้ย ๆ อายุประมาณ 50 ปี ชื่อเล่นย่อ ท. ที่เพิ่งมีคดีเกี่ยวพันกับบ้านกงสุลแถวสาทร
แต่ในเมื่อกล้าที่จะเปิดศึก ผมก็พร้อมชน ไม่ว่าเด็กไม่ว่าแก่ เมื่อชนมาก็ต้องชนตอบ อยู่ที่ใครจะอึดกว่ากัน หากพลาดครั้งเดียวก็หมายถึงล้มได้ทั้งยืน ผมเคยล้มมาแล้ว 99 ครั้ง หากครั้งนี้ล้มอีกจะเป็นไร แต่อย่าให้คนอย่างผมได้ชน งานนี้ไม่มีได้ ไม่มีเสีย ผมล้มทั้งกระดาน











