ชูวิทย์ ข้องใจเป็นไปได้หรือ แสนสิริ อนุมัติเงินกู้ 1,000 ล้าน ให้กับ แม่บ้าน-รปภ. ไม่ได้ตรวจสอบประวัติ แถมไม่เคยเห็นหน้าคนให้กู้ สุดงงซื้อที่ดินจากบริษัทไหน หลังจากนั้นก็กลายเป็นบริษัทร้าง
ภาพจาก เฟซบุ๊ก ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์
ยังคงเป็นประเด็นที่หลายคนจับตามอง สำหรับกรณีที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ออกมาแฉนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย เกี่ยวกับการซื้อที่ดินสร้างคอนโดมิเนียมย่านทองหล่อ โดยมีบริษัทนอมินีเข้ามาขอซื้อที่ดินต่อ โดยปรากฏชื่อของ น.ส.พินิช ซึ่งเป็นแม่บ้านเป็นผู้ถือหุ้น 99.99% ของบริษัทเอ็น แอ็นด์ เอ็น แอสเซ็ท จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทนอมินี
ซึ่งต่อมา น.ส.พินิช ก็ได้ออกมาบอกว่า ตนเองไม่รู้เรื่องและไม่เคยทำธุรกิจอะไร ตนไปทำงานที่ กทม. เมื่อ 5 ปีที่แล้วแถวยูเนี่ยน มอลล์ แล้วก็กลับมาอยู่บ้าน จากนั้นไม่ได้ไปไหนอีกเลย ยอมรับว่ารู้สึกงงมาก ตกใจด้วยนั้น
อ่านข่าว : ชูวิทย์ แฉ เศรษฐา ใช้แม่บ้านเป็นนอมินี ซื้อที่ดิน 1,000 ล้าน - เปิดโฉมหน้าแม่บ้าน ไม่รู้เรื่องด้วย
ภาพจาก เฟซบุ๊ก ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์
ล่าสุดวันที่ 16 สิงหาคม 2566 เฟสบุ๊ก ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้โพสต์ถึงประเด็น แสนสิริ ใช้นอมินีซื้อที่ดินอีกรอบโดยระบุว่า แปลกแต่จริง เงินกู้ 1,000 ล้าน หายไปกับใคร ? เงินกู้ระดับ 1,000 ล้านบาท ที่บริษัทลูกของแสนสิริให้กู้ ไม่ใช่เงินน้อย ๆ ที่จะไม่รู้ว่าใครเป็นกรรมการ ใครเป็นเจ้าของบริษัท เพราะหนังสือรับรองบริษัทเจ้าของที่ดิน (บ. เอ็น แอนด์ เอ็น) มีชื่อ น.ส. พินิช คำยศ ที่อยู่ตามที่ระบุ จ.มหาสารคาม ถูกต้องชัดเจน และมีหุ้นถึง 99.998% หากให้กู้เงินกัน 1,000 ล้าน แล้วบอก "ถูกสวมบัตรประชาชน" มันจะง่ายขนาดนั้นหรือ ?
คนให้กู้ไม่เคยเจอคนกู้ ทำอย่างกับกู้ 1,000 บาท ผ่านแอปฯ เงินกู้ไปได้ บอร์ดบริษัทแสนสิริออกเช็คเงินกู้ 1,000 ล้านบาท ให้โดยไม่รู้ว่าเจ้าของเป็นแม่บ้าน ที่อยู่ก็มีให้เห็นชัดเจน เงินมากขนาดนี้ บอร์ดที่มีนายเศรษฐาอยู่ด้วยจะบอกไม่รู้เรื่องไม่ได้ หนีความรับผิดชอบไม่ไหว
ภาพจาก เฟซบุ๊ก ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์
เอกสารหลักฐานครบ ชัด ระบุชื่อ มีทั้งแม่บ้าน ทั้ง รปภ. เป็นเจ้าของ แสนสิริเอาเงินผู้ถือหุ้นมาปล่อยกู้กันง่าย ๆ โดยเจ้าตัวผู้กู้อยู่มหาสารคาม บอกไม่เคยไปทองหล่อ ไม่รู้เรื่องอะไรเลย กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา หากธุรกรรม นิติกรรมต่าง ๆ ที่ทำมาเป็นเอกสารปลอม คนทำต้องรับผิดชอบ ดังนั้น นิติกรรมซื้อขายที่เกี่ยวข้องกับแสนสิริ จะเป็นโมฆะทั้งหมด
เมื่อ "พินิช คำยศ" ยืนยันว่า ไม่ใช่ตัวเองที่เป็นเจ้าของ บ.เอ็น แอนด์ เอ็น ที่ไปกู้เงินแสนสิริ 1,000 ล้าน และต่อมาขายที่ดินให้กับแสนสิริอีก รายงานการประชุมต่างๆ ทั้งการกู้ การซื้อ เอกสารการลงนาม ธุรกรรมต่าง ๆ ย่อมไม่สามารถมีผลบังคับได้เลย
ล่าสุด แสนสิริออกแถลงการณ์อ้างว่า ทั้งพินิช แม่บ้าน และสมศักดิ์ รปภ. ไม่ใช่ "นอมินี" ของแสนสิริ แต่เป็นคนของ บ.เอ็น แอนด์ เอ็น ทำไมแสนสิริถึงโยนให้ ผู้ขาย อย่างเดียวทุกครั้ง เหมือนกันเป๊ะทั้งที่ถนนสารสิน ไปยันทองหล่อ
ต้องไปถามเจ้าของเก่า หมอนเรนทร์ ที่เป็นหมออยู่ รพ.บำรุงราษฎร์ เจ้าของ เอ็น แอนด์ เอ็น เดิมแต่แรกว่าตอนซื้อขายบริษัท ได้เจรจากับ แม่บ้าน กับ รปภ. หรือว่าเจรจากับ นายขงเบ้ง นามนี้ในวงการหุ้น การเงิน อสังหาริมทรัพย์ รู้จักหมด และกำลังเดินตามว่าที่นายกฯ
อีกไม่นานได้รู้ เพราะแปลงถัดไปจาก ทองหล่อ ไปสุขุมวิทตอนต้นใช้รูปแบบเดียวกัน เมื่อแสนสิริซื้อที่ดินจากบริษัทไหน ทำไมหลังจากนั้นถึงต้องกลายเป็น "บริษัทร้าง" โดยผมจะยื่นให้ รอง ผบ.ตร. บิ๊กโจ๊ก สอบพรุ่งนี้ 10 โมง เรื่องนี้ไปกันใหญ่ ทั้งแสนสิริกับนายเศรษฐา ไม่รู้จะแก้ตัวอย่างไร
ภาพจาก เฟซบุ๊ก ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์
ยังคงเป็นประเด็นที่หลายคนจับตามอง สำหรับกรณีที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ออกมาแฉนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย เกี่ยวกับการซื้อที่ดินสร้างคอนโดมิเนียมย่านทองหล่อ โดยมีบริษัทนอมินีเข้ามาขอซื้อที่ดินต่อ โดยปรากฏชื่อของ น.ส.พินิช ซึ่งเป็นแม่บ้านเป็นผู้ถือหุ้น 99.99% ของบริษัทเอ็น แอ็นด์ เอ็น แอสเซ็ท จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทนอมินี
ซึ่งต่อมา น.ส.พินิช ก็ได้ออกมาบอกว่า ตนเองไม่รู้เรื่องและไม่เคยทำธุรกิจอะไร ตนไปทำงานที่ กทม. เมื่อ 5 ปีที่แล้วแถวยูเนี่ยน มอลล์ แล้วก็กลับมาอยู่บ้าน จากนั้นไม่ได้ไปไหนอีกเลย ยอมรับว่ารู้สึกงงมาก ตกใจด้วยนั้น
อ่านข่าว : ชูวิทย์ แฉ เศรษฐา ใช้แม่บ้านเป็นนอมินี ซื้อที่ดิน 1,000 ล้าน - เปิดโฉมหน้าแม่บ้าน ไม่รู้เรื่องด้วย
ภาพจาก เฟซบุ๊ก ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์
ล่าสุดวันที่ 16 สิงหาคม 2566 เฟสบุ๊ก ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้โพสต์ถึงประเด็น แสนสิริ ใช้นอมินีซื้อที่ดินอีกรอบโดยระบุว่า แปลกแต่จริง เงินกู้ 1,000 ล้าน หายไปกับใคร ? เงินกู้ระดับ 1,000 ล้านบาท ที่บริษัทลูกของแสนสิริให้กู้ ไม่ใช่เงินน้อย ๆ ที่จะไม่รู้ว่าใครเป็นกรรมการ ใครเป็นเจ้าของบริษัท เพราะหนังสือรับรองบริษัทเจ้าของที่ดิน (บ. เอ็น แอนด์ เอ็น) มีชื่อ น.ส. พินิช คำยศ ที่อยู่ตามที่ระบุ จ.มหาสารคาม ถูกต้องชัดเจน และมีหุ้นถึง 99.998% หากให้กู้เงินกัน 1,000 ล้าน แล้วบอก "ถูกสวมบัตรประชาชน" มันจะง่ายขนาดนั้นหรือ ?
คนให้กู้ไม่เคยเจอคนกู้ ทำอย่างกับกู้ 1,000 บาท ผ่านแอปฯ เงินกู้ไปได้ บอร์ดบริษัทแสนสิริออกเช็คเงินกู้ 1,000 ล้านบาท ให้โดยไม่รู้ว่าเจ้าของเป็นแม่บ้าน ที่อยู่ก็มีให้เห็นชัดเจน เงินมากขนาดนี้ บอร์ดที่มีนายเศรษฐาอยู่ด้วยจะบอกไม่รู้เรื่องไม่ได้ หนีความรับผิดชอบไม่ไหว
ภาพจาก เฟซบุ๊ก ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์
เอกสารหลักฐานครบ ชัด ระบุชื่อ มีทั้งแม่บ้าน ทั้ง รปภ. เป็นเจ้าของ แสนสิริเอาเงินผู้ถือหุ้นมาปล่อยกู้กันง่าย ๆ โดยเจ้าตัวผู้กู้อยู่มหาสารคาม บอกไม่เคยไปทองหล่อ ไม่รู้เรื่องอะไรเลย กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา หากธุรกรรม นิติกรรมต่าง ๆ ที่ทำมาเป็นเอกสารปลอม คนทำต้องรับผิดชอบ ดังนั้น นิติกรรมซื้อขายที่เกี่ยวข้องกับแสนสิริ จะเป็นโมฆะทั้งหมด
เมื่อ "พินิช คำยศ" ยืนยันว่า ไม่ใช่ตัวเองที่เป็นเจ้าของ บ.เอ็น แอนด์ เอ็น ที่ไปกู้เงินแสนสิริ 1,000 ล้าน และต่อมาขายที่ดินให้กับแสนสิริอีก รายงานการประชุมต่างๆ ทั้งการกู้ การซื้อ เอกสารการลงนาม ธุรกรรมต่าง ๆ ย่อมไม่สามารถมีผลบังคับได้เลย
ล่าสุด แสนสิริออกแถลงการณ์อ้างว่า ทั้งพินิช แม่บ้าน และสมศักดิ์ รปภ. ไม่ใช่ "นอมินี" ของแสนสิริ แต่เป็นคนของ บ.เอ็น แอนด์ เอ็น ทำไมแสนสิริถึงโยนให้ ผู้ขาย อย่างเดียวทุกครั้ง เหมือนกันเป๊ะทั้งที่ถนนสารสิน ไปยันทองหล่อ
ต้องไปถามเจ้าของเก่า หมอนเรนทร์ ที่เป็นหมออยู่ รพ.บำรุงราษฎร์ เจ้าของ เอ็น แอนด์ เอ็น เดิมแต่แรกว่าตอนซื้อขายบริษัท ได้เจรจากับ แม่บ้าน กับ รปภ. หรือว่าเจรจากับ นายขงเบ้ง นามนี้ในวงการหุ้น การเงิน อสังหาริมทรัพย์ รู้จักหมด และกำลังเดินตามว่าที่นายกฯ
อีกไม่นานได้รู้ เพราะแปลงถัดไปจาก ทองหล่อ ไปสุขุมวิทตอนต้นใช้รูปแบบเดียวกัน เมื่อแสนสิริซื้อที่ดินจากบริษัทไหน ทำไมหลังจากนั้นถึงต้องกลายเป็น "บริษัทร้าง" โดยผมจะยื่นให้ รอง ผบ.ตร. บิ๊กโจ๊ก สอบพรุ่งนี้ 10 โมง เรื่องนี้ไปกันใหญ่ ทั้งแสนสิริกับนายเศรษฐา ไม่รู้จะแก้ตัวอย่างไร