เมื่อเวลา 10.50 น. ที่สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ จากกรณี ด.ต.สัมฤทธิ์ แต้มทอง อายุ 52 ปี ผบ.หมู่การจราจร สน.วิภาวดี เสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ จากการถูกแก๊งเด็กแว้นรุมทำร้ายจนเสียชีวิต ที่บริเวณช่องทางด่วนขาเข้า บริเวณหน้าตึกฐานเศรษฐกิจ ถนนวิภาวดี แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ ซึ่งเบื้องต้นนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมผู้ต้องสงสัย 4 คน แล้วส่งศพ ด.ต.สัมฤทธิ์ มาพิสูจน์ที่สถาบันนิติเวชนั้น ได้มีนางอรอุษา แต้มทอง อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 70/1 หมู่ 4 ต.หาดอาษา อ.สรรพยา จ.ชัยนาท ภรรยา พร้อมลูก 3 คน ญาติ และเพื่อนตำรวจจำนวนมาก เดินทางมารับศพ โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างโศกเศร้า
นางอรอุษา กล่าวว่า ทราบข่าวการเสียชีวิตของสามีตอนตีสอง ตอนแรกก็คิดว่าเรื่องนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้น เพราะปกติสามี เป็นคนดี รักครอบครัว ขยันขันแข็ง ร่าเริง รักงานการเป็นตำรวจ และเป็นที่รักของเพื่อนๆ ข้าราชการตำรวจ และคนทั่วไป จึงไม่น่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ได้ ต่อจากนี้ไปก็ยังไม่ทราบว่าจะทำอะไร เพราะสามีเป็นเสาหลักของครอบครัวมาโดยตลอด เมื่อเสียเขาไปก็รู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก เพราะไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ได้ และก็ไม่มีลางบอกเหตุมาก่อนเลย สำหรับเรื่องราวที่เกิดขึ้นก็อยากฝากให้พ่อแม่เด็กๆ ที่สร้างความเดือดร้อนให้สังคม ดูแลเด็กๆ อย่าให้มาทำอย่างนี้เลย ส่วนตำรวจที่ออกปฏิบัติหน้าที่ในการจัดการกับกลุ่มแข่งรถนี้ ก็อยากให้ดูแลตัวเองดีๆ หากจะเข้าระงับเหตุอย่างนี้ ก็อยากให้ระมัดระวังตัวให้มากที่สุด โดยเบื้องต้นนั้น ก็จะนำไปตั้งสวดพระอภิธรรมบำเพ็ญกุศลที่วัดเสมียนนารี ศาลา 11 2 คืน ก่อนจะนำศพไปบำเพ็ญกุศลต่อที่วัดยางศรีเจริญ อ.สรรพยา ต.หากอาษา จ.ชัยนาท ต่อไป
นายจิตกาญจน์ แต้มทอง ลูกชายคนโต กล่าวว่า ครอบครัวตนเองรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก กับชีวิตของพ่อที่ต้องมาเสียไป กับสิ่งที่คนพวกนี้คิดว่าสนุกสนาน ซึ่งตนเองก็ไม่รู้จะพูดอย่างไรให้พวกขยะสังคมพวกนี้รู้สึกสำนึก ก็ได้แต่ภาวนาให้กรรมตามทัน แต่อย่างไรก็ตามตนเองก็รู้สึกภูมิใจ ที่พ่อเสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ จากการช่วยเหลือประชาชนและสังคมที่เดือดร้อน แต่ต้องมาเสียชีวิตกับพวกอย่างนี้
พล.ต.ต.เรืองศักดิ์ จริตเอก รองผบช.สง.ผบ.ตร.ในฐานะรองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ตร.ได้พิจารณาปูนบำเหน็จให้กับ ด.ต.สัมฤทธิ์ โดยเลื่อนขั้นเงินเดือน 5 ขั้น เลื่อนยศอีก 4 ชั้นยศ เป็น พ.ต.ต. ขณะเดียวกันได้มอบเงินฌาปนกิจสงเคราะห์ และเงินกองทุนสวัสดิการ จำนวน 550,000 บาท ให้กับครอบครัวของ ด.ต.สัมฤทธิ์ ด้วย
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
