x close

เขาทราย..สมรักษ์ เตือนน้องอย่าเหลิง

นักมวยสากลสมัครเล่น

เขาทราย สมรักษ์


          ซ้ายทะลวงไส้ แชมป์โลกขวัญใจชาวไทย เขาทราย แกแล็คซี่ หรือสุระ แสนคำ เปิดบทเรียนชีวิตตัวเอง ให้เป็นอุทาหรณ์ต่อน้องๆ นักชกขวัญใจชาวไทย รวมทั้งนักกีฬาไทยที่ได้รับรางวัลชนิดหลั่งไหลมาดั่งสายฝนอันชื่นใจอยู่ในขณะนี้

          เขาทราย แกแล็คซี่ อยากให้นักชกรุ่นน้องตระหนักนึกใน "ค่ากำปั้น" ที่กว่าจะได้มาต้องผ่านการเคี่ยวกรำ ฝึกปรือมาอย่างยาวนาน และบางคราวถึงกับต้องเอาชีวิตเข้าแลก

          "เมื่อผมชกในช่วงแรกๆ ไฟต์หนึ่งได้ค่าตัวประมาณ 2-3 แสนบาท ซึ่งก็ไม่ได้มากอะไรนัก เพราะกว่าจะได้ชก กว่าจะได้ชนะต้องทุ่มแรงฝึกซ้อมและรอเวลา บางครั้งนานนับปี"

          ค่าชกของเขาทรายนอกจากเงินรางวัล ยังได้ทองคำอีกครั้งละไม่น้อย เขาทรายบอกว่าทองที่ได้มารวมแล้ว 370 บาท ไฟต์ที่ได้มากที่สุดคือชกกับนักชกชาวญี่ปุ่นที่จังหวัดเชียงใหม่ คราวนั้นได้ถึง 130 บาท

          เส้นทางนักชกเหมือนกฎธรรมชาติ นั่นคือ เกิด ตั้งอยู่ เสื่อม ถอย แล้วก็ดับไป ดังนั้น ช่วงที่รุ่งเรืองเขาทรายบอกว่า ต้องมอง อนาคตไว้ด้วยว่าเมื่อเลิกชกแล้วจะไปทำมาหากินอะไร และที่สำคัญ "ต้องรู้จักเก็บครับ ได้มา 100 บาท ใช้ไป 80 บาท เหลือ 20 บาทก็ยังดี เพราะเรามีเก็บ แต่ถ้าได้มา 100 บาท ใช้ไป 100 บาท เท่ากับได้มาเท่าไรก็ใช้หมด อย่างนี้ก็จะลำบาก"

          เขาทรายเตือนน้องๆ ว่า ทางหนึ่งของนักชก และนักกีฬาที่ได้เงินมาคราวละมากๆ ไม่ว่าจะเป็นอย่าง มนัส บุญจำนงค์ สมจิตร จงจอหอ หรือใครก็ตามมักจะนำเงินไปลงทุน

          "การลงทุนมันเสี่ยงมากครับ เราเป็นนักกีฬา วันๆเอาแต่ ฝึกซ้อม สมองมีแต่คิดว่าจะทำอย่างไรถึงจะเอาชนะคู่ต่อสู้ เมื่อไปทำธุรกิจ สมองทางธุรกิจของเรามักไม่มี และไม่ค่อยมีใครทันเขา" เขาทรายบอก

          พลางขยายว่า "การลงทุน การร่วมหุ้น ส่วนใหญ่มักจะโดนโกง ผมว่าถ้าไม่มั่นใจก็อย่าเสี่ยงดีกว่า"

          การทำธุรกิจอย่างเขาทรายเอง "ผมทำโต๊ะสนุ้ก และหมูกระทะ เดี๋ยวนี้ทั้งสองอย่างผมเลิกหมดแล้ว ไม่ใช่เจ๊งหรอกครับ พอผมเห็นว่ากำไรมันลดลงเรื่อยๆ ถ้าจะไปไม่ไหวผมก็เลิก ผมทำโต๊ะสนุ้กมา 8 ปี หมูกระทะทำมา 4-5 ปี ผมก็เลิกครับ"

          ช่วงเงินทองไหลมาเทมา เขาทรายบอกว่า ทางที่ดีที่สุดคือ "อย่าเหลิงไปกับสิ่งยั่วยวน อย่าหลงแสงสี ต้องคิดเสมอว่าเรามาจากไหน เรามาจากดิน พื้นเพเดิมของเราเป็นอย่างไร อย่าลืมตัว แล้วใช้ชีวิตอย่างพอเพียง แค่นี้ชีวิตเราก็ไม่มีปัญหา"

          ความผิดพลาดของนักกีฬาดังเท่าที่ผ่านๆมา เขาทรายบอกว่ามักพลาดเรื่องการพนันขันต่อ การพนันเป็นสิ่งยั่วยวน เมื่อเข้าไปแล้วจะลุ่มหลงและทำให้ชีวิตผิดพลาด บทเรียนนี้มีให้เห็นอยู่เนืองๆ เมื่อถามถึงความผิดพลาดในชีวิตของนักชกรุ่นพี่ อย่าง แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์ รุ่นน้องอย่าง สมรักษ์ คำสิงห์ และมนัส บุญจำนงค์ เขาทรายบอกว่าไม่ทราบเรื่องรายละเอียด

          "ผมว่าการควบคุมตัวเองไม่ให้ เหลิงเป็นเรื่องสำคัญ ได้มาเราต้องใช้นั้นจริงอยู่ แต่เราต้องใช้ให้เป็น" แบบอย่างการใช้เงิน เขาทรายบอกว่าให้ดูนักมวยรุ่นน้องอย่าง วิจารณ์ พลฤทธิ์ "วิจารณ์เขาไม่ค่อยใช้เงิน ไม่สังคมกับคนมากนัก เดินในเส้นทางเดิมของเขา อย่างนี้เงินเหลือใช้แน่ๆ"

          การช่วยเหลือสังคม เขาทรายบอกจากประสบการณ์ว่า "ช่วงที่เราได้รางวัล มูลนิธิการกุศลต่างๆจะเข้ามาหาเราแน่นอน เราต้องทำบุญสุนทานบ้างเพื่อความสบายใจ แต่ต้องทำให้พอเหมาะพอควร"

          การถนอมเงินรางวัลไว้จะด้วยการลงทุน หรือการใช้จ่ายอย่างมีเหตุผลก็ตาม เป็นเรื่องที่คนที่เคยมีเงินน้อย แล้วอยู่ๆมีเงินมหาศาลขึ้นมาต้องตระหนักนึก และต้องระมัดระวังเพื่อประวัติศาสตร์จะได้ ไม่ซ้ำรอย ปัจจุบันเขาทราย แกแล็คซี่ แขวนนวมไปแล้วอย่างสง่างาม อาชีพ เล็กๆน้อยๆที่ทำอยู่คือ การแสดงละคร และธุรกิจต่อหลังคารถกระบะ

          "ผมไม่ได้ทำใหญ่โตอะไรมากมายหรอกครับ เป็นธุรกิจเล็กๆ ที่ไม่ได้แข่งขันอะไรกับใคร"

          เขาทรายเตือนน้องๆว่า "เราต้องอยู่กับตัวเอง อย่าไปเชื่อใครง่ายๆ เมื่อได้รางวัลมามักมีคนเข้ามาเสนอร่วมหุ้นทำธุรกิจ โดยบอกผลกำไรเป็นตัวเลขมากๆ อย่าไปเชื่อเขา ยุคนี้สมัยนี้ เชื่อใครได้ยาก"

          นักชกเหรียญทองโอลิมปิก ซึ่งกำลังเป็นตำนาน สมรักษ์ คำสิงห์ เจ้าของประโยค "ผมไม่ได้โม้" ย้อนอดีตเรื่องจัดการเงินรางวัลของตัวเองว่า

          "ผมแบ่งให้กับทีมงานของผมทุกคน ไม่ว่าจะเป็นโค้ช คู่ซ้อม และทุกคนที่เกี่ยวข้อง ผมคิดเสมอว่าถ้าไม่มีเขาผมก็ไม่สามารถทำได้ถึงเหรียญทอง" นั่นเป็นสปิริตที่สมรักษ์แสดงต่อเพื่อนร่วมทีม


          การเจือจานญาติๆ สมรักษ์บอกว่า "รู้สึกว่ามีญาติมากขึ้น การช่วยเหลือญาติอยู่ที่ผมพอใจของผม คนที่อยากให้ผมก็ให้ คนที่ไม่อยากให้ผมก็ไม่ให้"

          คนที่ให้นั้น “บางคนสองล้าน บางคนสามล้าน ให้ไปแล้วผมไม่รู้หรอกว่าเขาเอาไปทำอะไร เพราะผมได้ให้แล้ว คนที่อยากได้รถ ที่ผมได้มา ใครอยากได้คันไหนก็เอาไปผมไม่ว่า ญาติของผมคนที่อยากลงทุนอะไรก็ได้ลง”

          การลงทุนของตัวเอง สมรักษ์บอกว่าทำทั้งบ้านจัดสรร ปั๊มน้ำมัน และรถทัวร์ แต่ทุกอย่างเจ๊งหมด สาเหตุที่เจ๊ง "ผมลงทุนแล้วก็ให้ญาติๆ ดู ผมไม่ได้ไปดูอะไรด้วย"

          เดี๋ยวนี้สมรักษ์บอกว่าไม่ได้เดือดร้อนอะไร ยังมีเงินเดือนใช้ อยู่ประมาณเดือนละ 40,000-50,000 บาท โดยได้มาจากราชการ ค่าเหรียญโอลิมปิก และบริษัทโอสถสถาเต๊กเฮงหยู

          สำหรับน้องๆ ที่เพิ่งได้เหรียญมา "ผมว่ามันโตๆ กันแล้ว ใครอยากจะทำอะไรก็ทำ ผมว่าอย่างสมจิตรไม่น่าห่วงหรอก น่าห่วงมนัสมากกว่า แต่ประสบการณ์จากคราวที่แล้ว เขาก็น่าจะเอามาเป็นบทเรียนได้"

          คนที่จะเดินมาบนถนนสายนี้ สมรักษ์บอกว่า ต้องเป็นคนที่อยู่ อย่างถูกต้อง เป็นคนง่ายๆ

          "เมื่อได้เหรียญมาแล้วก็อย่าคิดว่าตนเป็นฮีโร่ หยิ่ง ซึ่งก็เห็นในหลายๆคน เมื่อเวลาผ่านไปคนจำหน้าไม่ได้"

          เพราะฉะนั้น "เมื่อเป็นฮีโร่แล้วต้องทำประโยชน์ให้สังคม บางคนเอาแต่ผลประโยชน์ ทำตัวเก๊ก เป็นเหตุให้เงียบหายไป บางคนเดินตลาดคนยังไม่รู้จักเลยก็มี" สมรักษ์ทิ้งท้าย

          ความรุ่งโรจน์ของคนมีไม่บ่อยนัก แถมยังผ่านไปอย่างรวดเร็ว เมื่อพบแล้วก็อยู่ที่การบริหารจัดการของแต่ละ



ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เขาทราย..สมรักษ์ เตือนน้องอย่าเหลิง อัปเดตล่าสุด 30 สิงหาคม 2551 เวลา 16:24:39 46,137 อ่าน
TOP