เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก มติชน และ โพลีพลัส
เห็นจะเป็นเรื่องจริงที่มีคนบอกว่า . . . คนบางคนกว่าจะรู้จักตัวตนและความต้องการที่แท้จริงของตัวเอง ก็ปาเข้าไปค่อนชีวิตแล้ว คำพูดนี้สามารถยืนยันได้ จากเรื่องราวชีวิตของ "คุณพ่อคนสวย" เริงจิรา จุลละสุขุม
หลายคนอาจจะไม่เชื่อเมื่อได้เห็น ผู้หญิงคนหนึ่ง รูปร่างดี สวยสง่า มีบุคลิกมาดมั่น หากแต่คนๆ นี้กลับเป็น "ผู้ชาย" ที่เคยแต่งงานมาแล้ว 2 ครั้ง มีลูกชายหญิง 2 คน ก่อนที่เขาจะได้ค้นพบความต้องการของตัวเองจริงๆ ว่า ผู้ชายไม่ใช่สิ่งที่เขาควรเป็น ก็เมื่อมีอายุปาเข้าไปกว่า 50 แล้ว
คุณเอ๋ย เริงจิรา จุลละสุขุม หรือ ชื่อเดิม เริง จุลละสุขุม ปัจจุบันอายุ 57 ปี เรียนจบจากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ชีวิตของคุณเอ๋ย หรือเริงจิรานั้น เติบโตมาจากครอบครัวที่มีเด็กผู้ชาย 3 คน โดยเริงจิราเป็นลูกคนกลาง ในวัยเด็ก เริงจิรามักแอบเอาเครื่องสำอางของแม่มาแต่งหน้าตัวเองเล่น โดยที่เริงจิราเองก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร แต่ที่เริงจิรารู้ก็คือ การเป็นลูกคนกลาง ทำให้เขาไม่ได้ความรักจากแม่มากเท่ากับพี่ชายและน้องชายของตัวเอง
"เป็นคนโหยหาความรักมาก เพราะตอนเด็กๆ รู้สึกว่าแม่ไม่รัก อยากได้ความอบอุ่นของผู้หญิงมาทดแทนความรักที่ไม่เคยได้รับจากแม่" เริงจิราเล่าความรู้สึกของเขาในตอนเด็กให้ฟัง
เมื่อย่างเข้าสู่วัยหนุ่ม เริงจิราก็เป็นคนหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา เรียกได้ว่าสาวเห็นสาวกรี๊ดกับลุคส์ผู้ชายหน้าหวาน ไว้ผมยาว เล่นกีตาร์อยู่ในมหาวิทยาลัย ช่วงเวลานั้นจัดได้ว่าเริงจิราเป็นคาสโนว่าคนหนึ่ง เพราะมีสาวๆ เข้ามาติดพันมากมาย จนเมื่อเรียนจบมหาวิทยาลัย เขาก็มาทำงานเป็นสถาปนิก และได้แต่งงานกับภรรยาคนแรก มีลูกสาวหนึ่งคน ก่อนจะเลิกรากันไป จากนั้นเริงจิราจึงเข้ารับราชการทหารอากาศ ติดยศนาวาโท และแต่งงานใหม่อีกครั้งกับภรรยาคนที่ 2 โดยมีลูกชายกัน 1 คน
แม้ภาพลักษณ์ภายนอก เริงจิราจะดูเป็นคนมาดแมน สุขุม แต่เริงจิรากลับเริ่มรู้ตัวเองว่าใจจริงอยากเป็นผู้หญิง จึงตัดสินใจบอกความในใจที่เก็บซ่อนมานานหลายปีกับภรรยา ซึ่งภรรยาก็รับความจริงของตัวเริงจิราได้ แต่เริงจิราก็ยังไม่บอกความจริงกับลูก
เริงจิรา ในวัยเด็ก
"แฟนเข้าใจมากและรับได้ มันเป็นความเข้าใจอย่างลึกซึ้งที่ไม่เกี่ยวกับเพศหญิงเพศชาย บางครั้งเขาก็ร่วมมือด้วย พอเราแต่งเป็นหญิง เขาก็จะเป็นชาย คือเขาจะเป็นสาวห้าวมีอารมณ์เป็นทอมอยู่ในตัวนิดๆ แต่เราก็จะไม่ค่อยแต่งให้เขาเห็นบ่อยนักหรอก จะแอบแต่งเวลาอยู่คนเดียวมากกว่า เพราะความจริง เราก็ยังเป็นสามีเขาอยู่" เริงจิราบอก
หลังจากภรรยาเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง เมื่อปี 2541 เริงจิราเสียใจมาก ประกอบกับความปรารถนาที่จะใช้ชีวิตอย่างเพศหญิงเพิ่มมากขึ้น แต่เริงจิราก็ยังคงกังวลว่าลูกๆ จะยอมรับไม่ได้ จึงเก็บความรู้สึกนั้นไว้กับตัวเอง แต่ก็แอบทานฮอร์โมนเพศหญิงมาตลอด อาการเก็บกดนี้ทำให้เริงจิราเผชิญกับอาการป่วยที่รุมเร้า ทั้งเครียด ความดัน ซึมเศร้า หาหมอเท่าไหร่ก็ไม่หาย จนในที่สุดหมอได้วินิจฉัยว่า สาเหตุที่ทำให้เธอป่วย มาจากการเก็บงำความรู้สึกที่อยากเป็นผู้หญิงของตัวเองเอาไว้ ทำให้กลายเป็นคนขัดแย้งในตัวเอง เหมือนกับการใช้ชีวิตสองคนในร่างเดียว
หลังจากเริงจิราได้ฟังคำแนะนำจากจิตแพทย์ที่ให้เธอยอมรับตัวเอง และกล้าต่อสู้กับความจริง เริงจิรา ที่ตอนนั้นอยู่ในวัย 56 ปี จึงตัดสินใจทิ้งความเป็นชายมาดแมน ลุกขึ้นมาค่อยๆ เปลี่ยนตัวเองเป็นผู้หญิงทีละนิดๆ จนกลายเป็นผู้หญิงสวย ดังที่ใฝ่ฝันมาตลอดชีวิต
ได้รับตำแหน่งมิสพริตตี้
โชคดีที่ลูกๆ ทั้ง 2 ของเริงจิรา ยอมรับในสิ่งที่เปลี่ยนไปของพ่อได้ และรู้ว่านี่คือสิ่งที่ทำให้ "พ่อ" มีความสุข และแม้ว่าเริงจิราจะเป็นผู้หญิงแล้ว แต่เธอก็ยังคงทำหน้าที่ทั้ง "พ่อ" และ "แม่" ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง และยังคงให้ลูกๆ ใช้คำว่า "พ่อ" แทนตัวเองเช่นเดิม
"การทำให้ลูกยอมรับจากใจจริงนั้น ไม่ใช่แค่คำพูด หากแต่ต้องทำให้ลูกรู้ว่า แม้ร่างกายและจิตใจของพ่อจะเปลี่ยนเป็นผู้หญิง แต่จิตวิญญาณความเป็นพ่อไม่เคยเปลี่ยนแปลง หลายคนพอเปลี่ยนก็ให้ลูกเรียกตัวเองว่าป้า แต่ดิฉันบอกลูกว่า เวลาไปไหนก็ให้แนะนำว่าเป็นพ่อ ให้เรียกพ่อเหมือนเดิม ปฏิบัติต่อเขาเหมือนเดิม ปกป้องคุ้มครอง เป็นที่พึ่งให้เขาในทุกๆ เรื่องเหมือนเดิม แม้ในบั้นปลาย ดิฉันจะเป็นผู้หญิงเต็มตัวไม่กลับไปเป็นผู้ชายอีก แต่ดิฉันก็จะเป็นพ่อตลอดไป"
ปัจจุบันเริงจิรา ขอเกษียณอายุราชการ และออกมาใช้ชีวิตใหม่เป็นเวลากว่า 1 ปีแล้ว โดยเธอได้เข้าไปเป็นอาสาสมัครทำงานเกี่ยวกับความหลากหลายทางเพศในสมาคมฟ้าสีรุ้งแห่งประเทศไทย
อย่างที่บอกว่า ไม่มีคำว่าสายเกินไปที่จะค้นพบตัวเอง ดังเช่น ชีวิตของเริงจิรา ที่แม้ว่าเธอจะไม่ได้เกิดมาเป็นหญิง แต่การยอมรับความจริง และการตัดสินใจครั้งสำคัญที่สุดในชีวิตครั้งนี้ ก็เป็นเส้นทางที่ทำให้คนที่ชื่อ "เริงจิรา" ได้พบกับความสุขที่ตามหามาทั้งชีวิต
คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อนๆ ได้ที่นี่ค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
- polyplus.co.th