x close

อีกแง่มุมหนึ่งของ ผู้พันเบิร์ด พ.ต.วันชนะ สวัสดี

ผู้พันเบิร์ด


อีกแง่มุมหนึ่งของ ผู้พันเบิร์ด พ.ต.วันชนะ สวัสดี (โพสต์ทูเดย์)

 สรุปข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

         ใครที่ได้ติดตามภาพยนตร์สุดยิ่งใหญ่แห่งปี "ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช" คงรู้จัก "ผู้พันเบิร์ด" หรือ "พ.ต.วันชนะ สวัสดี" ผู้ที่รับบทบาท "สมเด็จพระนเรศวรมหาราช" อย่างแน่นอน ปัจจุบันผู้พันเบิร์ดก็ยังคงรับราชการ ในตำแหน่งรองผู้บังคับกองพัน ทหารม้าที่ 28 จังหวัดเพชรบูรณ์ วันนี้ลองมารู้จักตัวตนของผู้พันเบิร์ดกันค่ะ

         ตั้งแต่สมัยเด็ก "ผู้พันเบิร์ด" มีความใฝ่ฝันที่จะเป็นสถาปนิก แต่ด้วยความที่พ่อ (พ.อ.อรัญ สวัสดี เสียชีวิตแล้ว) อยากให้เป็นทหารเหมือนกัน เขาจึงลองสอบถึงสองครั้ง จนสอบติดและได้รับราชการทหารตามที่พ่อตั้งใจไว้ ต้องบอกว่าในวัยเด็กนั้น ผู้พันเบิร์ดมีพ่อเป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิต เพราะพ่อจะส่งเสริมให้เขาเล่นกีฬาตั้งแต่เด็กๆ และภาพพ่อที่เขาจดจำได้ คือภาพพ่อที่ซื่อสัตย์ ไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ และเป็นแรงบันดาลใจให้เขาอยากรับราชการทหาร

         "ภาพที่ผมรู้สึกประทับใจในตัวพ่อ คือ พ่อเคยไปรบที่เวียดนาม มีภาพพ่อถ่ายกับรถสายพานลำเลียงพลที่ใช้ออกรบ ซึ่งโดนระเบิดแทบไม่เหลือสภาพ พ่อรอดชีวิตมาได้แต่ก็ได้รับบาดเจ็บ ผมนับถือพ่อที่ยอมสละชีวิตเพื่อชาติ พอผมเรียนจบ ผมจึงขอมาทำงานที่หน่วยที่พ่อเคยอยู่ เพราะผมอยากสานฝันของพ่อให้เป็นจริง คือ สร้างความเลื่อมใสศรัทธาให้กับผู้ใต้บังคับบัญชา ผมรับราชการที่นี่นานถึง 9 ปี ผมมักได้ยินคำบอกเล่าจากเพื่อนรวมทั้งเจ้านายเก่าของพ่อ คือ พ่อเป็นคนขยันขันแข็ง ภาพที่ทุกคนชินตา คือ พ่อมีปากกาเหน็บอยู่ที่หูพร้อมทำงานเสมอ ผมจึงอยากทุ่มเททำงานทุกหน้าที่ที่ได้รับ"

         ส่วนแม่ของเขาก็มักจะสอนให้เขาเป็นคนดี รับผิดชอบต่อหน้าที่และครอบครัว ซึ่งผู้พันเบิร์ดบอกว่าในวัยเด็ก เขาค่อนข้างผูกพันกับแม่มาก เพราะพ่อทำงานอยู่ที่ต่างจังหวัด ดังนั้นเขาจึงอยู่กับแม่และน้องชายอีกคนมาโดยตลอด ซึ่งในวันเกิดทุกๆ ปีของเขา แม่จะทำการ์ดอวยพรมาให้เสมอ และการ์ดอวยพรนั้นก็ไม่ได้ราคาแพงแต่อย่างใด หากแต่นำการ์ดเหลือๆ ของคนอื่นๆ มาประดิษฐ์เป็นการ์ดใบใหม่ แล้วเขียนคำอวยพรที่สั่งสอนให้เขาเป็นคนดีของสังคม สั่งสอนสิ่งต่างๆ และให้กำลังใจในการทำงาน

การ์ดที่ผู้พันเบิร์ดสะสม

         "พอแม่เสีย เมื่อปี 2544 ผมไปเปิดตู้เสื้อผ้าของแม่ก็พบการ์ดอีกใบหนึ่งที่แม่เขียนผิด จึงไม่ได้ส่งให้ผม ทำให้ผมรู้สึกประทับใจ และรู้ซึ้งถึงความตั้งใจของแม่ที่อยากให้ผมได้รับแต่สิ่งที่ดีที่สุด คือ การ์ดใบนี้ทำให้ผมถึงกับร้องไห้ ทุกวันนี้ผมเก็บรักษาการ์ดใบนี้ไว้เป็นอย่างดี"

         แต่หากพูดถึงความประทับใจ เรื่องที่ผู้พันเบิร์ดไม่เคยลืมเลย คงเป็นสมัยที่เขาเรียนอยู่โรงเรียนเตรียมทหาร เขาได้รับทั้งโล่เกียรติยศ ลักษณะทหารดีเยี่ยม และโล่เกียรติยศนักกีฬายอดเยี่ยม หลังจากนั้นเขาก็ได้เข้าเรียนต่อที่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ซึ่งด้วยความสามารถของเขา จึงทำให้ได้รับโล่เกียรติยศผู้ที่ความเหมาะสมสูงสุดตลอดการศึกษา 5 ชั้นปีมาอีกด้วย

โล่เกียรติยศ - ผู้พันเบิร์ด
        
         "โล่สุดท้ายนี้ผมประทับใจมากที่สุด เนื่องจากจะรวมคุณสมบัติทุกอย่าง คือ เล่นกีฬาเก่ง เป็นที่ยอมรับของเพื่อนๆ ตลอด 5 ปี และมีเพียง 1 โล่เท่านั้นของแต่ละรุ่น ถือเป็นความภาคภูมิใจมากๆ ซึ่งตอนเรียนจบผมไม่คิดว่าจะได้รับโล่นี้"

         ถัดจากเรื่องครอบครัวก็มาถึงเรื่องการแสดง ซึ่งไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่า จากนายทหารคนหนึ่ง จะได้มาสวมบทบาท "สมเด็จพระนเรศวรมหาราช" ในภาพยนตร์ประวัติศาสตร์ถึง 3 ภาค โดยผู้พันเบิร์ดบอกว่า งานแสดงเป็นงานที่สนุกและไม่ได้รู้สึกเหน็ดเหนื่อยเลย ผู้พันเบิร์ดบอกว่า เขาต้องใช้เวลา 4-5 วันต่อสัปดาห์ ในการถ่ายทำภาพยนตร์ภาค 3 ซึ่งหากมีเวลาว่างจากการแสดงเมื่อไหร่ ผู้พันเบิร์ดก็จะไปออกกำลังกายเพื่อเพาะกล้ามเนื้อให้แข็งแกร่ง เตรียมเข้าฉากสู้กับจระเข้

         "ที่เหนือกว่านั้น คือ เป็นพระราชเสาวนีย์ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงอยากเห็นคนไทยสำนึกในประวัติศาสตร์ ตอนนี้ผมก็มีหน้าที่ทั้งด้านการประชาสัมพันธ์ของกองทัพบก รวมทั้งเป็นนักแสดงนำในภาพยนตร์ที่ถ่ายทอดพระราชประวัติสมเด็จพระนเรศวรให้คนไทยได้รู้จัก"

กล้องถ่ายรูป - ผู้พันเบิร์ด

         มาถึงเวลาว่างๆ ของผู้พันเบิร์ดกันบ้าง เนื่องจากเขาเป็นที่คนสนใจเทคโนโลยี และยังมีหน้าที่ตรวจพื้นที่ที่ซ้อมรบ ซึ่งเขาต้องคอยเก็บข้อมูลและนำไปให้หัวหน้าดูเป็นประจำ ดังนั้นสิ่งที่เขาต้องพกติดตัวอยู่เสมอ คือ กล้องถ่ายรูป เช่นเดียวกับ หนังสือ ที่เป็นสิ่งติดมือเสมอในยามว่าง โดยหนังสือแนวโปรดของผู้พันเบิร์ด คือ หนังสือแนวเกี่ยวกับบ้านเมือง ที่จะสะท้อนให้เห็นมุมมองความคิดของคนในแง่ต่างๆ ซึ่งผู้พันเบิร์ดมองว่าหนังสือประเภทนี้สามารถให้ประโยชน์กับเขาได้อย่างดี

         อย่างไรก็ตาม นอกจากกล้องถ่ายรูปและหนังสือแล้ว สิ่งที่ผู้พันเบิร์ดต้องพกติดตัวอย่างขาดไม่ได้เช่นกัน คือ แว่นตากันแดด ด้วยความที่เขาชอบเล่นกีฬากลางแจ้ง และตรวจพื้นที่กลางแจ้งบ่อยๆ เขาจึงต้องใส่แว่นกันแดดเพื่อถนอมสายตาของตัวเอง โดยเฉพาะยี่ห้อโอ๊คเลย์ จัดเป็นยี่ห้อโปรดของเขาเลย ส่วนอีกสิ่งที่เขามักพกติดตัวเป็นประจำก็คือ สนับมือ ที่จะช่วยให้ผู้พันเบิร์ดสามารถออกกำลังเพื่อฟิตกล้ามเนื้อได้ทุกที่ ทุกเวลาที่ต้องการ ในยามที่ไม่ได้เข้าฟิตเนส ก็จะใช้สนับมือคู่ใจแล้วเอามือเกี่ยวกับเสาเต๊นท์ เพื่อบริหารส่วนต่างๆ ของร่างกายให้ฟิตเฟิร์มเต็ม 100 เปอร์เซ็นต์นั่นเอง

         เอาละ...ได้ทราบเรื่องราวของผู้พันเบิร์ดในอีกแง่มุมหนึ่งแล้ว หวังว่าทุกคนจะได้รู้จักตัวตนของชายหนุ่มมาดเข้มผู้นี้มากขึ้นกว่าเดิมนะคะ

คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อนๆ ได้ที่นี่ค่ะ



ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก

โดย : วราภรณ์
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
อีกแง่มุมหนึ่งของ ผู้พันเบิร์ด พ.ต.วันชนะ สวัสดี อัปเดตล่าสุด 20 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา 15:29:32 28,194 อ่าน
TOP