



ศาลออกหมายอีก 20 พันธมิตร คดีไล่ยิงเสื้อแดง ปากซอยวิภาวดี3 (ข่าวสด)
ศาลออกหมายจับกลุ่มพันธมิตรฯ อีก 20 คน คดีไล่ยิงกลุ่มเสื้อแดงบริเวณปากซอยวิภาวดี 3 ข้อหามั่วสุมกันเกิน 10 คน กระทำการให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง เพิ่มข้อหาพยายามฆ่า พกอาวุธปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร ด้าน "พัชรวาท วงษ์สุวรรณ" ผบ.ตร. ยังไม่เห็นเอกสารกลุ่มพันธมิตรขอเปลี่ยนทีมพนักงานสอบสวนคดี 7 ตุลาคม ระบุขอดูเหตุผลก่อน
เมื่อวันที่ 11 มีนาคม ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2551 ศาลอาญาอนุมัติหมายจับ เลขที่ 3476-3496/2551 ให้จับกุมชายไทย ไม่ทราบชื่อ แต่มีรูปพรรณสัณฐาน จำนวน 20 คน ข้อหามั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป กระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง โดยผู้ร่วมกระทำผิดคนหนึ่งคนใดมีอาวุธ โดยผู้ต้องหาตามหมายจับที่ 3496/2551 ซึ่งเป็นชายที่ใช้อาวุธปืนสั้นยิงใส่กลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดงที่บริเวณปากซอยทางเข้าสถานีวิทยุชุมชนคนรักแท็กซี่ วิภาวดีฯ ซอย 3 ศาลอาญาได้เพิ่มข้อหาร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา พกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร


ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2551 กลุ่มผู้ต้องหาซึ่งเป็นผู้ชุมนุมแนวร่วมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เคลื่อนขบวนจากสนามบินดอนเมืองไปสนามบินสุวรรณภูมิ ใช้เส้นทางถนนวิภาวดีฯ เพื่อจะขึ้นทางด่วนไปยังจุดหมาย แต่เมื่อขบวนเคลื่อนมาถึงบริเวณหน้าปากซอยโชคชัยร่วมมิตร เกิดเหตุปะทะกันกับกลุ่มแนวร่วมต่อต้านเผด็จการแห่งชาติที่ชุมนุมกันอยู่บริเวณปากซอยทางเข้าสถานีวิทยุชุมชนคนรักแท็กซี่ วิภาวดีฯ ซอย 3 และกลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยใช้อาวุธปืน หนังสติ๊ก มีดดาบ ท่อนเหล็ก และก้อนหินยิงเข้าใส่และเข้าทำร้ายกลุ่มผู้ชุมนุมฝ่ายตรงข้าม จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บและทรัพย์สินเสียหาย
ต่อมา พ.ต.ท.ศักดิพัฒน์ เหรียญทอง พนักงานสอบสวน (สบ3) สน.บางซื่อ รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติหมายจับกุมกลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ ที่ก่อเหตุทั้งหมด ซึ่งหมายจับดังกล่าวส่งมาที่กองทะเบียน ประวัติอาชญากรรม เพื่อประกาศสืบจับผู้ต้องหาทั้ง 20 คนต่อไป
วันเดียวกัน ที่รัฐสภา พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. ให้สัมภาษณ์ถึงกลุ่มพันธมิตรฯยื่นหนังสือถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ เพื่อเรียกร้องให้เปลี่ยนตัวพนักงานสอบสวนในเหตุการณ์วันที่ 7 ตุลาคม 2551 นั้นว่า ตนยังไม่เห็นเอกสารดังกล่าวว่ามีเหตุผลอะไรบ้าง ขอรอดูเหตุผลก่อน เชื่อว่าพนักงานสอบสวนจะดำเนินคดีกับทุกฝ่ายด้วยความเป็นธรรม โดยไม่เลือกว่าจะเป็นกลุ่มใด เมื่อถามว่าได้พูดคุยกับนายกฯ ถึงเรื่องนี้แล้วหรือไม่ หลังจากนายกฯ ได้รับหนังสือดังกล่าวแล้ว ผบ.ตร.กล่าวว่า ยังไม่ได้พูดคุยกัน


วันเดียวกัน ที่ บช.น. พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รองผบช.น. กล่าวถึงเรื่องเดียวกันนี้ว่า เป็นความเห็นของผู้บังคับบัญชาที่จะพิจารณาให้เป็นพนักงานสอบสวนต่อหรือไม่ ตนเคยพูดไปก่อนหน้าว่าตลอดชีวิตราชการ 31 ปี อยู่ในงานสอบสวนมาตลอด พนักงานสอบสวนทั่วประเทศแทบจะเป็นลูกศิษย์ตน ถ้าถอดถอนตน แล้วไปตั้งคนอื่น ต่อไปอาจจะต้องไปขอถอดถอนอีก เพราะเป็นลูกศิษย์อาจารย์อำนวย มันจะไม่จบ ตนไม่เคยถูกใครกล่าวหาไม่เป็นธรรม คดี 7 ตุลาคม แยกส่วนกัน คดีในส่วนของพันธมิตรฯ ศาลปกครองมีคำสั่งชัดเจนเป็นการชุมนุมไม่สงบอยู่นอกกรอบกฎหมาย เจ้าหน้าที่ตำรวจมีอำนาจหน้าที่สลายการชุมนุมได้ ส่วนจะเกินหรือไม่เกินกว่าเหตุ มีการฟ้องศาลดำเนินเรื่องอยู่ ตนกำลังยื่นคำให้การไปที่ศาล มีการตรวจสอบของป.ป.ช. ส่วนพันธมิตรฯ ก่อเหตุก็มีอัยการและศาลที่จะกลั่นกรอง ถ้าผู้บังคับบัญชาพิจารณาว่าควรจะเปลี่ยนพนักงานสอบสวนก็ยินดี ตนทนต่อไปทนได้อีก 6-7 ปีไม่มีปัญหา
ด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ให้สัมภาษณ์ที่ทำเนียบรัฐบาลถึงกรณีกลุ่มพันธมิตรฯ ยื่นหนังสือถึงนายกฯ ขอเปลี่ยนตัวพนักงานสอบสวนทั้งหมดโดยเฉพาะคดีเหตุการณ์วันที่ 7 ตุลาคม 2551 ว่า ให้ยื่นเรื่องมาแล้วจะพิจารณา แต่ตนยังไม่ได้รับหนังสือดังกล่าว
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก มติชนออนไลน์






