ผุด กองทุน การออมแห่งชาติ ทันปี 53 รัฐสมทบ


ออมเงิน



ผุดกองทุนออมแห่งชาติ ทันปี 53 รัฐสมทบ (คมชัดลึก)

          คลังดันตั้งกองทุนการออมแห่งชาติสุดตัว หวังบังคับใช้ให้ทันปี 2553 คาดเปิดรับสมาชิกได้กลางปี รัฐจ่ายสมทบ 2.2 หมื่นล้านบาท พร้อมเปิดช่องขยายเงินสะสมขั้นต่ำได้ในอนาคตตามภาวะเงินเฟ้อ แต่ไม่เพิ่มขั้นสูงหวั่นอาศัยช่องฟอกเงิน 

          นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าของร่าง พ.ร.บ.กองทุนการออมแห่งชาติ พ.ศ. ... ว่าขณะนี้ รมว.คลังได้ให้ความเห็นชอบแล้ว และอยู่ในขั้นตอนการทำประชาพิจารณ์คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในเดือน กันยายนนี้ จากนั้นจะนำเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 29 กันยายนนี้ และน่าจะนำเข้าสภาได้ทันในสมัยประชุมนี้เพื่อให้มีผลบังคับใช้ทันปี 2553

          "น่ายินดีที่ รมว.คลังจะผลักดันร่างกฎหมายดังกล่าวเป็นวาระเร่งด่วน เพื่อให้มีผลบังคับใช้ทันปีหน้า ซึ่งถือเป็นของขวัญปีใหม่ที่มอบให้กลุ่มแรงงานนอกระบบที่ไม่มีหลักประกันยามชรากว่า 24-25 ล้านคน และยังแก้ปัญหาภาระงบประมาณหรือภาระการคลังในอนาคตที่จะต้องใช้เงิน ดูแลกลุ่มคนสูงอายุจำนวนมาก" นายสมชัยกล่าว

          อย่างไรก็ตาม แม้กฎหมายจะมีผลบังคับใช้ปีหน้า แต่ยังมีกระบวนการและขั้นตอนการจัดตั้งสำนักงานการออมแห่งชาติ (กอช.) และแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดูแล ซึ่งอาจจะเป็นการซื้อหรือเช่าตึกคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 6 เดือน จึงน่าจะเริ่มเปิดรับสมัครสมาชิกได้ประมาณกลางปี 2553 และโดยยังเป็นการออมแบบสมัครใจที่เปิดกว้างให้ประชาชนทุกกลุ่มที่ไม่มีระบบการออมหรือสวัสดิการอื่น ๆ รองรับ

          ส่วนหลักเกณฑ์การออมยังคงเดิม ที่กำหนดเงินสะสมขั้นต่ำเดือนละ 100 บาท สูงสุดไม่เกิน 1,000 บาท โดยหากมีกลุ่มแรงงานนอกระบบเข้าเป็นสมาชิกทั้ง 24 ล้านคน หรือ 100% รัฐจะใช้เงินสมทบประมาณ 2.2 หมื่นล้านบาท รวมกับเงินสะสมขั้นต่ำก็ทำให้เงินกองทุนเบื้องต้นมีขนาด 5 หมื่นกว่าล้านบาท แต่เนื่องจากปีแรกอาจเริ่มในช่วงกลางปีทำให้ขนาดเงินกองทุนลดลงครึ่งหนึ่ง เหลือประมาณ 2 หมื่นกว่าล้านบาท อย่างไรก็ตาม ในอนาคตกฎหมายเปิดช่องให้ปรับเพิ่มเงินสะสมและเงินสมทบได้ตามภาวะเงินเฟ้อ เพราะจากที่สำรวจมาพบว่าแรงงานนอกระบบมีความสามารถจะจ่ายเงินสะสมได้ถึง เดือนละ 800 บาท

          "เหตุที่กำหนดวงเงินขั้นสูงไม่เกิน 1,000 บาท เนื่องจากต้องการให้ผู้มีรายได้น้อยได้เข้าสู่ระบบการออมอย่างแท้จริง ไม่ต้องการให้มีการอาศัยช่องการฟอกเงินของบางกลุ่ม โดยการจ่ายสะสมเงินจำนวนมาก ๆ เพื่อให้กองทุนช่วยบริหาร เพราะการจ่ายเงินคืนหลังอายุ 60 ปี รัฐบาลประกันว่าจะต้องได้ผลตอบแทนไม่ต่ำกว่าเงินฝากเฉลี่ยของ 5 แบงก์ใหญ่ จึงไม่ขาดทุนเด็ดขาด โดยรัฐจะจ่ายชดเชยให้หากการลงทุนด้านอื่นมีผลขาดทุน" นายสมชัยกล่าวและว่า พออายุครบ 60 ปีรัฐจะจ่ายคืนให้เป็นรายเดือน โดยหากออมตั้งแต่อายุ 20 ปีเดือนละ 100 บาทก็จะได้คืนเดือนละ 2,000 กว่าบาท หากออมเดือนละ 500 บาทก็จะได้รับเดือนละประมาณ 4,000 กว่าบาท เป็นต้น




ขอขอบคุณข้อมูลจาก


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ผุด กองทุน การออมแห่งชาติ ทันปี 53 รัฐสมทบ อัปเดตล่าสุด 19 กันยายน 2552 เวลา 16:42:25 6,219 อ่าน
TOP
x close