
ในหลวงพระอาการทั่วไปดีเสวยได้มากขึ้น (คมชัดลึก)
ในหลวงพระอาการโดยทั่วไปดี เสวยพระกระยาหารได้มากขึ้น คณะแพทย์ถวายการรักษาด้วยการทำกายภาพบำบัดต่อไป และถวายพระโอสถปฏิชีวนะจนครบกำหนด ขณะที่พสกนิกรยังคงไปลงนามถวายพระพรต่อเนื่อง
เมื่อเวลา 17.40 น. วันที่ 27 กันยายน สำนักพระราชวังออกแถลงการณ์เรื่อง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ มาประทับ ณ โรงพยาบาลศิริราช ฉบับที่ 8 ความว่า "วันนี้ คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้รายงานว่า พระอาการโดยทั่วไปดี เสวยพระกระยาหารได้มากขึ้น คณะแพทย์ฯ ยังคงถวายการรักษาด้วยการทำกายภาพบำบัดต่อไป และถวายพระโอสถปฏิชีวนะจนครบกำหนด"
ขณะเดียวกัน นับเป็นวันที่แปดแล้ว ที่สำนักพระราชวังเปิดให้ประชาชนมาร่วมลงนามถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว บริเวณศาลาศิริราช 100 ปี หลังจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ มาประทับ ณ โรงพยาบาลศิริราช เพื่อทรงรับการถวายการรักษาพระอาการประชวร ตั้งแต่เมื่อค่ำวันที่ 19 กันยายน ที่ผ่านมา
บรรยากาศการลงนามถวายพระพรในวันที่ 27 กันยายน สำนักพระราชวังเปิดให้ประชาชนเข้าร่วมลงนามถวายพระพรตั้งแต่เวลา 06.00 น. โดยมีบุคคลและคณะบุคคลเดินทางมาร่วมลงนามถวายพระพรกันไม่ขาดสาย อาทิ พ.อ.ชาญชัย ยศสุนทร ผู้บังคับการกรมนักเรียนนายร้อยรักษาพระองค์ โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า อ.เขาชะโงก จ.นครนายก นำตัวแทนนักเรียนนายร้อยชั้นปีละ 10 นาย รวม 40 นาย เข้าร่วมลงนามถวายพระพร และกล่าวถวายพระพรว่า ในนามของนักเรียนนายร้อย ขอให้ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาททรงหายจากพระอาการประชวร และทรงพระเกษมสำราญยิ่งยืนนาน

นางฐิตินันท์ วัธนเวคิน นายกสมาคนนักธุรกิจและวิชาชีพแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ นายอัมรินทร์ ปิยะสัจจะเดช สมาคมนามธารีสังคัตแห่งประเทศไทย ชมรมไทยซิกส์นามธารี นายชุมพล โชคสุชาติ ประธานชมรมลูกเสือชาวบ้านหัวหิน นำสมาชิกชมรม 12 คน ร่วมลงนามถวายพระพร ด.ช.พันธดนย์ เกลี้ยงจันทร์ หรือ น้องเดียว แชมป์เกมทศกัณฐ์เด็ก ที่เดินทางมาพร้อมครอบครัว พ.ท.สุรธัช บุนนาค นายกสมาคมสนทนาธัมม์นำสุข นางนฤดี เคียงศิริ ผู้ว่าการภูมิภาค 17 สโมสรซอนต้า มาลงนามถวายพระพร
เมื่อเวลา 11.30 น. วันเดียวกัน พล.ท.ม.ร.ว.สมชนก กฤดากร ซึ่งเคยร่วมทีมเรือใบในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการแข่งขันกีฬาแหลมทอง ซึ่งจัดแข่งขันที่หาดพัทยา จ.ชลบุรี เมื่อเดือนธันวาคม 2510 ก็มาร่วมลงนามถวายพระพร พร้อมกล่าวถึงความประทับใจที่มีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ว่า สมัยนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ทรงเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งในทีมด้วย
"ผมมีความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ และยังได้เห็นพระปรีชาสามารถในการเล่นเรือใบของพระองค์ โดยเฉพาะเรือใบ 2 ประเภท คือ โอเคดิ้งกี้ คลาส และเรือใบมด รวมถึงพระปรีชาสามารถในเรือของการออกแบบเรือใบมด ซึ่งเป็นประวัติศาสตร์ของประเทศไทย ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ มาทรงร่วมการแข่งขันเรือใบเป็นครั้งแรกในเอเชีย พระองค์ท่านยังทรงออกแบบสร้างเรือด้วยพระองค์เอง ทั้งที่สมัยนั้นยังไม่มีคอมพิวเตอร์ และในคราวที่มีการเลี้ยงฉลองกันหลังเสร็จการแข่งขัน มีการถ่ายภาพผู้ชนะการแข่งขัน ผมได้รับพระมหากรุณาธิคุณให้ฉายพระรูปด้วยโดยไม่ถือพระองค์" พล.ท.ม.ร.ว.สมชนก กล่าว


นอกจากนี้ พล.ท.ม.ร.ว.สมชนก ยังได้กล่าวถึงที่มาของชื่อเรือใบมดว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงออกแบบเรือใบ โดยยังไม่รู้ว่าจะตั้งชื่ออะไรดี ซึ่งวัสดุที่ใช้ประกอบตัวเรือนั้น ส่วนใหญ่จะใช้ผงไฟเบอร์กลาส ที่จะต้องมาผสมกับสารเคมี ก่อนที่จะนำมาหล่อจึงสามารถเป็นรูปร่างได้ ทุกคนทราบดีอยู่แล้วว่าผงไฟเบอร์นั้นเมื่อถูกผิวหนังจะเกิดอาการคันมาก จนต้องเกาเหมือนกับถูกมดกัด พระองค์จึงนำเอาชื่อนี้มาตั้งเป็นชื่อเรือใบมดตั้งแต่นั้นมา นอกจากนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ยังมีน้ำพระราชหฤทัยนักกีฬามาก ทรงรู้แพ้รู้ชนะ และทรงมีระเบียบวินัยในการซ้อมเป็นอย่างมาก ถือเป็นแบบอย่างที่ดีแก่นักกีฬาในยุคนี้ด้วย
ด้าน นางเสาวลักษณ์ ศิรินรินทร อายุ 79 ปี ชาวอินเดียที่มาอาศัยอยู่ใต้ร่มพระบรมโพธิสมภาร กล่าวว่า สมัยเด็ก ๆ เคยรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และได้ทูลเกล้าฯ ถวายดอกไม้ ตั้งแต่นั้นรู้สึกประทับใจในพระจริยวัตรอันงดงาม และการทรงงานของพระองค์ ที่ทรงทำเพื่อคนไทยมาโดยตลอด
"ถึงตัวเองและครอบครัวจะมีเชื้อสายอินเดีย แต่ก็รู้สึกว่าเป็นคนไทยและรักแผ่นดินไทย รักพระเจ้าอยู่หัวไม่แพ้คนไทยเหมือนกัน ทุกครั้งที่พระองค์ทรงพระประชวรจะรู้สึกเศร้าและเป็นห่วงพระองค์ จะต้องมาลงนามถวายพระพรทุกครั้ง และจะร่วมกันนำนมและขนมมาแจกจ่ายให้ผู้ที่มาลงนามได้รับประทาน แต่ครั้งนี้เจ้าหน้าที่ห้ามนำของมาแจก จึงทำได้เพียงลงนามถวายพระพร และขอให้พระองค์ทรงหายจากพระอาการประชวรโดยเร็ว ขอให้พระเจ้าจงคุ้มครองพระองค์ด้วย" นางเสาวลักษณ์ กล่าวพร้อมน้ำตา
ขอขอบคุณข้อมูลจาก![]()
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก คมชัดลึก , ไทยรัฐ






