x close

ท้าพิสูจน์! สมองส่วนกลาง มองแทนตาได้จริงหรือ?





เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

ขอขอบคุณข้อมูลจาก รายการทูไนท์ โชว์ , รายการเหรียญสามด้าน

          คุณหมอแห่งเว็บไซต์พันทิปขอท้าพิสูจน์ พลังจากสมองส่วนกลางมีจริงหรือไม่ ผ่านรายการเหรียญสามด้านเพื่อโต้แย้งกับข้อมูลจาก Power Mind Camp ที่เคยออกรายการทูไนท์ โชว์ ให้เด็ก ๆ ในชื่อ"เอ็กซ์เมน เมืองไทย (X-Men เมืองไทย)" แสดงความสามารถพิเศษมองเห็นสิ่งต่าง ๆ ได้แม้จะถูกปิดตา

           เท้าความถึงประเด็นนี้กันก่อน หลังจากเรื่องราวดังกล่าว กลายเป็นที่ฮือฮาเมื่อรายการ ทูไนท์โชว์ ทางช่อง 3 ได้เปิดเผยเรื่องราวของเด็กที่มีความสามารถกลุ่มหนึ่งที่สามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติ แม้จะถูกปิดบังการมองเห็นด้วยการผูกผ้าปิดตา รวมทั้งมีการตั้งฉายาให้กับเด็ก ๆ เหล่านี้ว่า เอ็กซ์เมน เมืองไทย ตามภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดเรื่อง X-Men ที่เป็นเรื่องราวของกลุ่มคนที่มีความสามารถพิเศษเหนือมนุษย์

           ซึ่งเด็ก ๆ X-Men เหล่านี้นั้น ถูกฝึกฝนความสามารถพิเศษดังกล่าวจาก พาวเวอร์ มายด์ แคมป์ (Power Mind Camp) ค่ายที่เปิดรับเด็กในวัย 6-12 ปี เข้าฝึกฝนความสามารถพิเศษ โดยเรียกหลักการนี้ว่า "ทักษะในการใช้สมองส่วนกลาง"









           สำหรับเจ้าของสถาบัน Power Mind Camp คือคุณ ตัน เคง ชวน ชาวจีน และภรรยาชาวไทย คุณดรุณี จันทกิจ หรือ ครูดาว ที่ร่วมมือกันเปิดโรงเรียนสอนพัฒนาสมอง Power Mind Camp นี้ขึ้น ด้วยเหตุผลที่ว่า ต้องการให้เด็กมีพัฒนาการทางด้านจิตใจและสมอง โดยสามารถทำให้สมองส่วนซ้าย-ขวา สมดุลกันมากขึ้น โดยมีนักเรียนในโรงเรียนอยู่หลายร้อยคน

           ทั้งนี้ รายการทูไนท์โชว์ ได้มีการนำเอาตัวแทนเด็ก ๆ จาก Power Mind Camp มาทดสอบความสามารถพิเศษที่ว่า โดยเริ่มต้นจาก น้องนาดีน  วัย 6 ขวบ สาวน้อยลูกครึ่งที่สามารถบอกตัวเลขและสีบนไพ่ได้อย่างเหลือเชื่อ ทั้งที่ถูกผ้าปิดตาอยู่







           จากนั้นก็มาถึงคิว น้องน้ำผึ้ง วัย 11 ปี ที่บอกว่าตัวเองสามารถมองเห็นทุกอย่างได้จากการปิดตา โดยคราวนี้ทางรายการได้นำเอากระดาษทิชชู่ปิดซ้อนลงไปในผ้าปิดตาสีแดงที่น้องน้ำผึ้งเตรียมมาอีกชั้น เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่สามารถมองลอดออกมาได้ และคุณไตรภพ พิธีกรของรายการ จึงเลือกเปิดหน้าหนังสือเพื่อให้น้องน้ำผึ้งอ่าน แล้วน้องน้ำผึ้งก็อ่านข้อความดังกล่าวอย่างฉะฉานและรวดเร็ว เมื่อเป็นอย่างนั้นคุณไตรภพจึงเขียนข้อความขึ้นมาเองสด ๆ เพื่อให้น้องน้ำผึ้งอ่าน โดยมีใจความว่า "คุณไตรภพ หล่อมาก ๆ" และ "หนูพูดจริง ๆ ค่ะ" และข้อความดังกล่าว น้องน้ำผึ้งก็สามารถอ่านได้อย่างฉะฉานและรวดเร็วเหมือนเดิม







           นอกจากนี้ยังมีการให้เด็ก ๆ คนอื่น ๆ จาก Power Mind Camp ออกมาแสดงความสามารถที่หลากหลาย เช่น น้องเพลง ที่มาแสดงความสามารถในการปิดตาระบายสี, น้องเควิน แสดงความสามารถในการปิดตาเล่นรูบิค เป็นต้น

           ซึ่งเรื่องราวที่เกิดขึ้น ทำให้ Power Mind Camp กลายเป็น ทอล์คออฟเดอะทาวน์ ที่ถูกพูดถึงอย่างมากในขณะนี้ โดยมีผู้ปกครองหลายคนที่สนอกสนใจอยากให้ลูกเข้าฝึกความสามารถที่ Power Mind Camp แต่ขณะเดียวกันก็มีหลายเสียงในอินเทอร์เน็ตแสดงความไม่เห็นด้วย และกล่าวว่าแท้จริงแล้วสิ่งเหล่านี้เป็นเพียงแค่มายากล

           หลายทฤษฎีถูกนักท่องเน็ตหยิบยกขึ้นมาเพื่อพิสูจน์ ยกตัวอย่างเช่น เด็กส่วนใหญ่ที่มาแสดงความสามารถ ต่างเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ในขณะที่สัมผัสกับสิ่งของ คล้ายกับการเงยขึ้นเพื่อให้มองลอดช่องใต้ผ้าได้ชัดเจนขึ้น เป็นต้น แต่อย่างไรก็ตาม ความคิดเห็นเหล่านี้ก็ยังเป็นเพียงความคิดเห็นที่แตกต่าง และยังหาบทสรุปไม่ได้ว่า แท้จริงแล้ว สมองส่วนกลาง มองเห็นแทนตาได้จริงหรือ?




คลิป เด็ก ๆ Power Mind Camp กลุ่มเด็กมีพลังพิเศษ ใน ทูไนท์โชว์ 1/3




คลิป เด็ก ๆ Power Mind Camp กลุ่มเด็กมีพลังพิเศษ ใน ทูไนท์โชว์ 2/3



คลิป เด็ก ๆ Power Mind Camp กลุ่มเด็กมีพลังพิเศษ ใน ทูไนท์โชว์ 3/3



          อย่างไรก็ตาม หลังจากเรื่องราวดังกล่าวได้ถูกนำเสนอผ่านหลายรายการ ทำให้คุณหมอเจ หรือ นามแฝงว่า -=JFK=- ชาวเว็บบอร์ดพันทิป ห้องหว้ากอ เกิดข้อสงสัย และไม่เชื่อเรื่องดังกล่าว โดยให้เหตุผลว่า "สมองส่วนกลาง" ไม่ได้มีส่วนในการรับภาพ สิ่งที่ทาง Power Mind Camp เสนอจึงขัดต่อหลักวิทยาศาสตร์โดยสิ้นเชิง โดยคุณหมอเชื่อว่า เด็ก ๆ อาจจะมองภาพลอดลงมาจากผ้าที่ปิดตาอยู่ก็เป็นได้ จึงต้องการให้พิสูจน์ผ่านทาง รายการเหรียญสามด้าน ทางช่อง PSI Channel 7 ด้วยการพาน้อง ๆ ที่อ้างว่า มีความสามารถในการใช้สมองส่วนกลางมองแทนตามาทดสอบภายใต้ตัวแปรที่ถูกควบคุมอย่างรัดกุม โดยคุณหมอ ประกาศว่าจะมอบเงิน 100,000 บาท ให้น้อง ๆ หากผ่านการทดสอบ

          ทั้งนี้ คุณหมอเจได้เล่าบรรยากาศการทดสอบอย่างละเอียดผ่านตัวอักษรในเว็บบอร์ด พันทิป เนื่องจากทางรายการได้ตัดบางช่วงออกไป ด้วยเงื่อนไขเวลาที่จำกัด ภาพที่นำเสนอจึงไม่ละเอียดเท่าที่ควรจะได้รับรู้ โดยคุณหมอเจ เล่าว่า การทดสอบเริ่มต้นขึ้นโดยกำหนดให้น้อง ๆ จาก Power Mind Camp ต้องเล่นเกม 3 เกม คือ ปิดตาอ่านหนังสือ ทายสีลูกปัดให้ถูกต้องติดต่อกันอย่างน้อย 5 เม็ด และปิดตาเล่นรูบิก โดยอุปกรณ์ที่นำมาใช้ทดสอบและปิดตา เป็นอุปกรณ์ที่คุณหมอเจ จัดเตรียมมาให้เท่านั้น และทั้งสองฝ่ายได้มีการตกลง ทดสอบอุปกรณ์เป็นที่เรียบร้อย เพื่อความโปร่งใส


ทดสอบพลังสมองส่วนกลาง


          แต่เมื่อการทดลองเริ่มขึ้น ก็เกิดข้อถกเถียงขึ้นระหว่างทดลอง คือ การทดสอบให้น้องเควินใส่แว่นตาว่ายน้ำที่ซีลไว้แล้ว เพื่อปิดตาเล่นรูบิก ครั้งแรกน้องเควินอ้างว่า แว่นรัดหน้าแน่นเกินไป จนต้องขยายออกให้สายแว่นพอตึง ๆ จากนั้น พอน้องเควินเริ่มเล่นรูบิก คุณหมอเจสังเกตเห็นว่า น้องเควินเลิกคิ้ว ขยับตา จมูก ไปมาระหว่างการเล่นรูบิก ซึ่งจะทำให้เกิดช่องว่างใต้แว่นตาที่สวมปิดตาไว้ เท่ากับว่าปิดตาไม่สนิทจริง คุณหมอเจจึงขอให้หยุดการทดสอบ และขอให้ไม่ต้องขยับหน้าขณะเล่นรูบิก แต่ทาง Power Mind Camp ปฏิเสธ โดยให้เหตุผลว่า เด็กต้องขยับหน้าเพื่อหาคลื่น ถึงจะมีช่องให้เห็นเด็กก็ไม่ได้มองผ่านช่องอยู่แล้ว เมื่อได้รับคำตอบเช่นนี้ คุณหมอเจจึงปฏิเสธที่จะให้ทดสอบปิดตาเล่นรูบิก รวมทั้งการปิดตาอ่านหนังสือต่อไป เพราะเห็นว่า การทดสอบนี้คงพิสูจน์ไม่ได้ เพราะเด็กอาจจะมองรูบิกผ่านช่องใต้แว่นก็เป็นได้

          จากนั้น คุณหมอเจก็ได้เสนอให้น้องออมสินทดสอบปิดตาทายไพ่ 2 ใบที่ประกบกันไว้แทน หลังจากที่น้อง ๆ เคยทดสอบมาแล้วในรายการทูไนท์ โชว์ โดยการแง้มไพ่ เพื่อให้ดมกลิ่นรับคลื่นจากไพ่ได้ คุณหมอเชื่อว่า การแง้มไพ่จะทำให้เด็กเห็นตัวเลขได้ จึงขอเย็บแม็กซ์ที่ไพ่บริเวณตัวเลข เพื่อให้เด็กมองไม่เห็นตัวเลข แต่ยังเปิดด้านข้างที่มองไม่เห็นตัวเลขไว้ เพื่อให้มีช่องว่างให้กลิ่นออกมา


ทดสอบพลังสมองส่วนกลาง


          แต่หลังจากทดลองผ่านไปหลายนาที น้องออมสินกลับบอกว่า ไม่มีช่องให้ดมกลิ่นได้ แม้จะเปลี่ยนเป็นไพ่ชุดอื่น ซึ่งคุณหมอ ก็แนะนำให้น้องออมสินแง้มบริเวณตรงกลาง ซึ่งมีช่องให้ดมกลิ่นได้ เพียงแต่ไม่เห็นตัวเลขเท่านั้น แต่สุดท้ายน้องออมสินก็ยังบอกว่า รับกลิ่นไม่ได้ แม้จะมีช่องว่างรอบไพ่ ทาง Power Mind Camp จึงให้เหตุผลว่า ไพ่ถูกเย็บแม็กซ์มากเกินไป และช่องที่มีให้ก็ไม่พอที่จะดมรับคลื่นได้ ขณะที่คุณหมอเจก็แย้งว่า การแม็กซ์เพื่อไม่ให้เห็นตัวเลขเท่านั้น แต่กลิ่นอย่างไรเสียก็ต้องออกมาได้อยู่แล้ว สรุปก็คือ การทดสอบนี้ก็ไม่ผ่าน

          ต่อมา คุณหมอเจได้ลดเงื่อนไขลง ให้เด็กทดสอบเพียงปิดตาทายสีลูกปัดในถุงให้ถูกติดต่อกัน 5 ครั้งแทน หรือให้หยิบลูกปัดในถุงมาวางเทียบกับสีตัวอย่างข้างนอกให้ถูก 5 ครั้งติดต่อกันก็ได้ ซึ่งสำหรับคนทั่วไปที่มองเห็นแล้ว เรื่องเทียบสีเป็นเรื่องง่ายมาก ดังนั้น หากเด็กปิดตาแล้วเทียบสีได้ถูกติดต่อกัน 5 ครั้ง ก็แสดงว่า เด็กมีความสามารถจริง เพราะความน่าจะเป็นในการเดาสุ่มทายสี 5 ครั้งให้ถูกทั้งหมดมีน้อยมาก จึงไม่น่าจะฟลุคถูก

          แต่ก็ยังปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ยังเกิดขึ้น เช่น มีการร้องขอให้เปลี่ยนสีลูกปัดที่ดูคล้ายกันออกไป บอกว่าลูกปัดที่มีอยู่สะท้อนแสงเกินไป และเป็นคริสตัล ทำให้คลื่นที่รับรู้กระจายออกไป พอสัมผัสแล้วก็เกิดความสับสนทายไม่ถูก ซึ่งสุดท้ายคุณหมอเจได้ลดจากลูกปัด 10 ลูก โดยตัดสีที่คล้ายกันออกไป เหลือมาให้ทายเพียง 7 ลูกแทน

          และเมื่อการทดสอบเริ่มขึ้น น้องได้ล้วงลูกปัดที่ถูกใส่ไว้ในกระเป๋าสีดำของคุณหมอ ปรากฎว่า ทายไม่ได้ จึงขอเปลี่ยนถุง เพราะเชื่อว่าถุงสีดำอาจจะบังคลื่น คุณหมอเจจึงยอมเปลี่ยนเป็นถุงสีเขียวแทน แต่ก็ยังทายไม่ถูก สุดท้ายทาง Power Mind Camp ก็ขอเปลี่ยนเป็นสีถุงขาว เพราะน่าจะสะท้อนคลื่นได้ดีกว่า แต่คุณหมอเจและทีมงานก็ไม่สบายใจนัก เพราะเป็นถุงของทางฝั่ง Power Mind Camp เอง และก็สามารถมองเห็นลูกปัดราง ๆ ผ่านแสงไฟจากในถุงผ้าดิบสีขาวได้ แต่เมื่อทดลองแล้ว น้อง ๆ แต่ละคนก็ไม่สามารถทายถูกได้


ทดสอบพลังสมองส่วนกลาง

ทดสอบพลังสมองส่วนกลาง


          จากนั้น น้อง ๆ ก็ขอย้ายมาทดสอบห้องอื่นที่ถนัดแทน และขอปิดไฟ ให้ผู้สังเกตการณ์ทั้งจาก Power Mind Camp รวมทั้งคุณหมอเจออกไปนอกห้อง เพื่อตัดข้อครหาว่ากดดันเด็ก สุดท้ายแล้วน้องก็ยังไม่สามารถทายได้ถูกติดต่อกัน 5 ครั้ง มีเพียงบางครั้งฟลุคถูกเท่านั้น โดยเหตุผลที่ทายไม่ถูก น้อง ๆ บอกว่า เพราะลูกปัดสะท้อนคลื่นมากเกินไปเวลาอยู่รวมกันหลาย ๆ เม็ด คุณหมอเจจึงทดสอบแยกลูกปัดแต่ละสีมาใส่กระเป๋าไว้ แล้วให้ใส่ถุงคืนทีละเม็ด ๆ เพื่อคลื่นจะได้ไม่รบกวนกัน เแต่สุดท้ายการทดสอบก็ไม่ผ่านอยู่ดี

          จากการพิสูจน์ที่เกิดขึ้นในรายการ คุณหมอเจ ยังไม่ฟันธงว่า พลังจากสมองส่วนกลางเป็นเรื่องจริง หรือโกหก แต่ได้ตั้งข้อสังเกตหลาย ๆ ประการ ว่า พลังจากสมองส่วนกลางไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะขัดกับหลักวิทยาศาสตร์ และความรู้ทางการแพทย์ที่ยอมรับกันทั่วโลกโดยสิ้นเชิง ซึ่งคุณหมอก็หวังว่า จะได้ทดสอบด้วยวิธีอื่น ๆ อีกในครั้งต่อ ๆ ไป เพื่อคลายข้อสงสัย และตอบคำถามคาใจของใครหลาย ๆ คน แต่ ณ วันนี้ นี่คือข้อมูลและข้อเท็จจริงอีกด้านหนึ่งที่หยิบมานำเสนอ เพื่อให้ผู้ชมใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจว่า จะเชื่อหรือไม่ อย่างไร?



ข้อมูลเพิ่มเติมของ "ทักษะในการใช้สมองส่วนกลาง"

           สมองส่วนกลาง จะอยู่ที่ปลายสุดของก้านสมอง ตรงศูนย์กลางของสมอง โดยทำหน้าที่เป็นจุดศูนย์กลาง สะท้อนการมองเห็นและการได้ยิน มีชื่อเรียกทางการแพทย์ว่า "เมสเอนเซฟฟาลอน" (Mesencephalon)

           การปิดตาอ่าน คือการใช้คลื่นสมองที่ถูกปล่อยออกมาจากสมองส่วนกลาง เป็นตัวแทนในการอ่านข้อความต่าง ๆ และสาเหตุที่ต้องปิดตาก็เพื่อเพิ่มสมาธิให้มากขึ้น

           ความสามารถนี้ไม่สามารถมองเห็นทะลุเสื้อผ้าได้ เนื่องจากคลื่นสมองที่ถูกปล่อยออกมา แตกต่างกับรังสีเอ๊กซเรย์ ดังนั้นหากสมองจะมองเห็นได้ นั่นหมายความว่าต้องเป็นสิ่งที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า






คลิป ภารกิจลองของ กับ Power Mind Camp จากรายการ เหรียญสามด้าน ตอนที่ 1




คลิป ภารกิจลองของ กับ Power Mind Camp จากรายการ เหรียญสามด้าน ตอนที่ 2




เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ท้าพิสูจน์! สมองส่วนกลาง มองแทนตาได้จริงหรือ? อัปเดตล่าสุด 24 ธันวาคม 2553 เวลา 11:44:59 180,026 อ่าน
TOP