โจรลากไส้โจร หรั่ง ขอ 2 วัน แฉกองกำลังเสื้อแดง

สรุปข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ไทยโพสต์

          เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวถึงการสอบปากคำ นายสุรชัย หรือ หรั่ง เทวรัตน์ ผู้ต้องหาคดีก่อการร้าย ซึ่งเป็นลูกน้องคนสนิทของ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง หลังถูกจับกุมตัวได้ว่า ภายหลังศาลอาญาอนุญาตให้ฝากขังนายหรั่งในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างการเข้าไปสอบปากคำเพิ่มเติมในเรือนจำ ซึ่งเท่าที่ได้มีโอกาสพูดคุยกับนายหรั่ง เขาบอกว่าขอเวลานอนไตร่ตรองอีก 1-2 วัน แล้วจะเล่ารายละเอียดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ฟัง แม้ตอนนี้จะยังไม่รับสารภาพ แต่ท่าทีของนายหรั่งสงบลงมาก เนื่องจากพยานหลักฐานจากการสืบสวนสอบสวนชัดเจนว่า นายหรั่งมีส่วนพัวพันกับ 8 คดี ความรุนแรงในช่วงการชุมนุมของคนเสื้อแดง

          "โดยเฉพาะนำอาวุธสงครามออกมาขาย ซึ่งการล่อซื้ออาวุธของดีเอสไอ นายหรั่งเป็นผู้นำสินค้ามาส่งให้ด้วยตัวเอง ดังนั้น จึงไม่อาจปฏิเสธความเกี่ยวข้อง หรือระบุว่าเป็นการกล่าวหาโดยไม่มีพยานหลักฐานได้ อย่างไรก็ตามใ นเบื้องต้นนายหรั่งยังไม่ให้การซัดทอดผู้ต้องหารายอื่น ส่วนการสะกดรอยผู้ต้องหาคดีก่อการร้ายนั้น นายหรั่งเคยติดต่อกับ นายรชต หรือ กบ วงศ์ยอด ซึ่งเป็นลูกน้องคนสนิทอีกคนของ เสธ.แดง แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียด เพราะอยู่ระหว่างการดำเนินการ อย่างไรก็ตาม วันที่ 19 กรกฎาคม จะนำอาวุธที่ล่อซื้อได้มาแถลงข่าวในเวลา 10.30 น." อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ระบุ

          ขณะที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ต้องให้ทางเจ้าหน้าที่ดำเนินการไป ขอให้เจ้าหน้าที่ทำงานตามข้อเท็จจริงที่ เขาได้รับกระบวนการสืบสวนสอบสวนก็ให้ความเป็นธรรมกับทุกคนอยู่แล้ว เชื่อว่าถ้ายังไม่ได้มีการสรุปทั้งหมด เอาเป็นว่าให้เจ้าหน้าที่ทำงานไป เจ้าหน้าที่คงไม่มีความตั้งใจจะกลั่นแกล้งใคร ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด การเคลื่อนไหวเจ้าหน้าที่จะเป็นผู้ติดตาม ผมไม่ได้ติดตามความเคลื่อนไหวในรายละเอียด ขอให้เป็นหน้าที่ของฝ่ายปฏิบัติไป

          ทางด้าน นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมาโจมตีว่า ฝ่ายรัฐบาลมีความพยายามในทางการเมืองที่จะทำให้เห็นว่ามีการใช้ความรุนแรงในช่วงเหตุการณ์ชุมนุม เพื่อทำลายความชอบธรรมของกลุ่มผู้ชุมนุม แต่ในฝ่ายของคนเสื้อแดงและ พ.ต.ท.ทักษิณ ยืนยันมาโดยตลอดว่าไม่ได้ใช้ความรุนแรง กรณีของนายสุรชัยนั้นต้องเป็นไปตามเนื้อผ้า เพราะในขณะนี้นายสรุชัยสารภาพแค่ว่ายิงปืนใส่โรงแรมดุสิตธานีเท่านั้น แต่กลับมีการให้ข่าวว่ามีความเชื่อมโยงกับ 8 คดีอื่น ดังนั้น ขอเรียกร้องให้มีการพิจารณาเป็นไปตามข้อเท็จจริง เพื่อให้เป็นธรรมกับผู้ที่ถูกกล่าวหา อย่าทำเพื่อหวังดิสเครดิตฝ่ายค้านเท่านั้น รวมไปถึงอย่าสร้างพยานเท็จ

สำหรับ 8 คดีที่เกี่ยวโยงนั้น ประกอบด้วย ...

          1. คดีร่วมกันยิงเอ็ม 79 ใส่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2553 มีทหารได้รับบาดเจ็บ 4 นาย

          2. คดีปะทะกันที่สี่แยกคอกวัว เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2553 นายหรั่งและพวกใช้เครื่องยิงลูกระเบิดหลายชนิดยิงเข้าใส่เจ้าหน้าที่ทหาร การปะทะดังกล่าวทำให้มีผู้เสียชีวิต 24 คน เป็นทหาร 5 นาย รวมทั้ง พ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม รองเสนาธิการกองพลที่ 2 รักษาพระองค์

          3. คดียิงอาร์พีจีใส่คลังน้ำมัน 22 ล้านลิตร ของบริษัทท่อส่งปิโตรเลียมไทย จำกัด ที่ อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2553

          4. คดียิงระเบิดเอ็ม 79 ใส่รถไฟฟ้าบีทีเอส แยกศาลาแดงและสีลม เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2553 ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย คือ นางธัญญานัน แถบทอง และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 75 คน

          5. คดียิงอาร์พีจีใส่โรงแรมดุสิตธานี  เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2553

          6. คดียิงเอ็ม 79 เข้าใส่อาคารที่พักแฟลตตำรวจ สน.ลุมพินี เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2553

          7. คดียิงปืนเอ็ม 16 ใส่ตำรวจที่ตั้งด่านหน้าธนาคารกรุงไทยแยกศาลาแดง เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2553 มีตำรวจเสียชีวิตคือ ส.ต.อ.ภานุพันธ์ เริญจันเพ็ญ และบาดเจ็บ 2 ราย

          8. คดียิงเอ็ม 79 จำนวน 3 ลูก ใส่ด่านตรวจลุมพินี ตรงข้ามอาคารอื้อจื่อเหลียงเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2553ตำรวจเสียชีวิต 1 ราย คือ จ.ส.ต.วิทยา พรมสาลี


ขอขอบคุณข้อมูลจาก