หลอนกว่าเดิม! เจน ญาณทิพย์ คนเห็นผี ในคนอวดผี

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
 ขอขอบคุณภาพประกอบจาก รายการ คนอวดผี โพสต์โดย CiNNtv2

          คุณจะยินดีกับสิ่งที่เป็นหรือไม่ ? ....ถ้าต้องพบว่าตัวเองมีสิ่งที่คนอื่นไม่มี นั่นคือ การเห็นในสิ่งที่คนอื่นไม่เห็น ได้ยินที่สิ่งที่คนอื่นไม่ได้ยิน

         นี่คือเรื่องราวชีวิตของ เจน ญาณทิพย์ หรือ เจนจิรา เรียบร้อยเจริญ ผู้ซึ่งได้รับฉายาว่า "นักสืบญาณทิพย์" จากความสามารถพิเศษในการหยั่งรู้อดีต ปัจจุบัน อนาคต ของบุคคลอื่นได้ ซึ่งหลายคนก็คงเคยได้ยินชื่อ และรับรู้ถึงเรื่องราวที่มากมายที่ยากจะพิสูจน์ของ คุณเจนจิรา มาแล้ว และล่าสุดในรายการ คนอวดผี (18 มกราคม) คุณเจนจิรา ก็ทำให้เราได้อึ้ง ทึ่ง เสียวโสตประสาทกันอีกแล้ว กับญาณทิพย์ของเธอ  ทีทำหน้าที่นักสืบตามหาศพอีกครั้ง...

         โดยเรื่องราวในครั้งนี้ เป็นเรื่องราวครูท่านหนึ่งที่ต้องการหาศพของลูกศิษย์ 2 คน ที่ถูกจมน้ำพัดหายไปต่อหน้าต่อตา เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 ที่ผ่านมา ซึ่งคุณครูเล่าว่า เวลาประมาณ 5 โมงเย็นของวันดังกล่าว นักเรียนหญิงทั้ง 2 คน ได้ไปเล่นน้ำกับเพื่อนอีกคนหนึ่งรวมเป็น 3 คน จากนั้นก็จมหายไปต่อหน้าต่อตาผู้คนในบริเวณนั้น ทั้งนี้บรรดาชาวบ้านได้พยายามช่วยเหลือแต่ก็พบแค่นักเรียนคนเดียว ส่วนนักเรียนอีก 2 คน ไม่สามารถช่วยได้ และถึงแม้ว่าน้ำในบริเวณนั้นจะแห้งแล้วแต่ก็ไม่มีใครพบศพของเด็กหญิงทั้ง 2 คนอีกเลย ดังนั้น คุณครูเลยส่งเรื่องราวทั้งหมด พร้อมรูปถ่ายทางอีเมลมาหาคุณเจนจิรา เนื่องจากว่า เคยดูรายการทีวี แล้วเห็นว่า คุณเจนจิรามีความสามารถในการสืบหาศพ จึงอยากจะขอร้องให้ช่วย เพื่อให้ญาติ ๆ ได้นำร่างของเด็กหญิงทั้งคู่ไปบำเพ็ญกุศลทางศาสนา

         ต่อมา คุณเจนจิรา ได้เปิดอ่านเรื่องราวทางอีเมล และพยายามจ้องภาพของเด็กหญิงคนแรก โดยคุณเจน ญาณทิพย์ เล่าว่า เด็กหญิงคนแรก เดินวนไปวนมาในบริเวณที่จมน้ำ แต่ไม่รู้ว่าจะไปทางไหน เมื่อเห็นตนสามารถสื่อสารกับเธอได้ก็ดีใจ และบอกว่า "พี่ ช่วยด้วย ช่วยหนูด้วย หนูหนาวเหลือเกิน ไม่มีใครเห็นหนูเลยหนูทรมานมากเหลือเกิน หนูหนาว หนูหนาว"  ตนจึงบอกว่า จะพยายามช่วยหาศพ ให้บอกตำแหน่งว่าศพของน้องอยู่ตรงไหน จะได้ไปหาจนพบ ซึ่งขณะนั้นคุณเจนจิราก็ยังงงกับตำแหน่ง ที่เด็กหญิงคนนั้นบอก เพราะว่า คุณเจนจิราไม่ใช่คนในพื้นที่ พูดกันยังไงก็ไม่เข้าใจ จึงพยายามให้เด็กหญิงคนนั้นบอกที่อยู่อย่างละเอียด และนั่งสมาธิอีกครั้ง

       เจน ญาณทิพย์ เล่าต่อว่า เด็กหญิงคนนนั้น พยายามจำสถานที่ และบอกว่า ศพของเธอหายจากจุดที่จมน้ำมาประมาณ 5 กิโลเมตร บริเวณนั้นมีบ้านไม้ใต้ถุนสูง ซึ่งมีท่อนไม้ใหญ่พาดขวางอยูู่ ตรงนั้นแหละมีศพของเด็กหญิงคนนั้นอยู่ ซึ่งสภาพศพที่เห็นนั้น ศพนอนตะแคง ลำตัวบิด ขาเด้งขึ้นชี้ฟ้า เนื้อหนังกลายเป็นสีน้ำตาล เหลือเพียงลำตัวไม่มีหัว เป็นภาพที่น่าสลดอย่างยิ่ง คุณเจนจิราเลยถามเด็กหญิงคนนั้นว่า ถ้าไปถึงที่นั่นจะพบศพแน่ ๆ ใช่หรือไม่ เด็กหญิงคนนั้นยืนยันอีกครั้งว่า เจอแน่นอน

        จากนั้น คุณเจนจิรา พยายามติดต่อกับศพที่ 2 ซึ่งเด็กหญิงคนนั้นก็กล่าวเหมือนเด็กหญิงคนแรกว่า "ช่วยหนูด้วย ช่วยหนูด้วย หนูหนาว หนูหนาว เอาศพหนูออกไปที ศพหนูถูกพัดเลยจากศพน้องคนแรก" และเด็กหญิงคนที่สองกล่าวบอกว่า ให้สังเกตบ้านไม้สีน้ำตาล 2 ชั้น ด้านล่างเป็นใต้ถุนสูง ริมตลิ่งมีรากไม้แห้งตายจมอยู่ ศพโดนอัดอยู่ใต้โพรงดินริมตลิ่ง ซึ่งคุณเจนจิราบอกว่า ศพนี้อยู่ลึกมาก อยู่ในโพรงต้องดึงรากไม้ออกมาทั้งหมด ถึงจะเอามือล้วงเข้าไปในโพรงได้ และด้วยความที่กระแสน้ำยังไหลเชี่ยว อาจจะต้องใช้หน่วยกู้ศพ

         ต่อมาคุณครูของเด็กทั้งสอง ได้เริ่มการค้นหาศพ โดยทำพิธีตามที่คุณเจนจิราบอก และเมื่อไปถึงยังสถานที่ของศพแรกนั้น ก็พบศพของเด็กหญิงคนนั้นจริง เป็นสภาพศพที่เหมือนคุณเจนจิราบอกทุกอย่าง ซึ่งสร้างความเศร้าสลดแก่ผู้ที่พบเห็นเป็นอย่างมาก ส่วนศพที่สอง คุณครูคนดังกล่าวยังไม่สามารถงมพบได้ ...

        สำหรับ คุณเจนจิรา เรียบร้อยเจริญ หญิงสาววัย 28 ปี ปัจจุบันประกอบอาชีพค้าขาย และผู้ช่วยทนายความ เธอไม่ได้เรียนจบทางด้านนิติศาสตร์ หรือสาขาวิชาอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย หากแต่มีคุณสมบัติในการหยั่งรู้ว่า คดีที่รับว่าความนั้นสุดท้ายจะต้องพบเจอกับ ชัยชนะ หรือความพ่ายแพ้ และนี่เองเป็นที่มาในการเข้ามาช่วยงานเรื่องเอกสารทนายความ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เธอยืนยันไม่สามารถช่วยให้ใครชนะหรือแพ้คดีได้ เพียงแต่บอกผลล่วงหน้าได้ก็เท่านั้น

          ปัจจุบัน คุณเจน ญาณทิพย์ ได้เข้ามารับหน้าที่ในรายการคนอวดผี ในช่วงล่าท้าผี ด้วย โดยใช้ความสามารถพิเศษในการมองเห็นสิ่งที่คนอื่นไม่เห็นบรรยายตลอดช่วงว่า เธอเห็นอะไร และใครบ้าง ในขณะที่แขกรับเชิญกำลังปฏิบัติภารกิจล่าท้าผี ซึ่งช่วยเพิ่มความสะพรึงให้มากขึ้นไปอีก...

 
ประวัติ เจน ญาณทิพย์

         ทั้งนี้ ญาณทิพย์ในตัวของ เจนจิรา เรียบร้อยเจริญ เริ่มต้นขึ้นเมื่อเธออายุได้ 7 ขวบ เด็กน้อยคนนี้ในขณะนั้นมองเห็นเพื่อน ๆ ของเธอเป็นสัตว์บ้าง คนบ้าง ฉายขึ้นมาเป็นภาพเหมือนจอแอลซีดีมีสีสันที่เกิดขึ้นเร็วมาก สิ่งที่เด็กคนหนึ่งเชื่อว่าไม่ได้เกิดจากจินตนาการ ทำให้พ่อแม่ของเธอต้องพาลูกไปพบจิตแพทย์เพื่อตรวจดูความผิดของสมอง และคำตอบที่ได้รับคือ ด.ญ. เจนจิรา เรียบร้อยเจริญ ปกติดีทุกประการ

         เมื่อโตขึ้นความสามารถในการมองเห็นสิ่งต่าง ๆ ก็มากขึ้นตามไปด้วย ขณะเดียวกัน เจนจิรา เรียบร้อยเจริญ ก็เริ่มสนใจศึกษาธรรมมะ เธอเริ่มต้นถือศีล วิปัสสนาตอนเรียนชั้น ม.1 ซึ่งในครั้งนั้น เธอได้ยินเสียงคนมาสอนตำราดูลักษณะคน เป็นเวลา 7 วัน 7 คืน หลังจากนั้น เจนจิรา เรียบร้อยเจริญ จึงทดสอบวิชานั้นว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ โดยเริ่มดูดวงให้กับเพื่อน ๆ จนภายหลังแห่กันมาดูทั้งโรงเรียนไม่เว้นครู ซึ่งเงินค่าดูดวง 1 บาท/ 1 คน ถูกนำไปทำบุญยังวัดข้างโรงเรียนนั่นเอง

         "ตอนเด็ก ๆ ยอมรับว่ากลัวนะคะ กลัวไม่เหมือนคนทั่วไป เคยถามตัวเองว่า ทำไมต้องเห็นแบบนี้ เวลาไปห้างแล้วเห็นเต็มไปหมดเลย วิญญาณก็เคยเห็น ที่น่ากลัวสุด ๆ คือบ้านตัวเอง เห็นผู้ชายทะลุกำแพงเลือดเต็มตัว พอเล่าให้พ่อแม่ฟังเขาก็ตกใจ เพราะผู้ชายคนนี้เป็นช่างซ่อมหลังคาบ้านที่พลาดตกลงมาเสียชีวิต"

         ในช่วงแรกที่ได้เห็นภูตผีวิญญาณ เจนจิรา เรียบร้อยเจริญ บอกว่า เธอยังไม่สามารถสื่อสารได้ แต่เมื่อเห็นผู้ชายคล้ายคนติดคุก มีโซ่ตรวน ยืนอยู่หน้าบ้าน ก็พูดคุยกับวิญญาณได้เป็นครั้งแรก หลังถูกขอให้ช่วย ด้วยการขอเข้าบ้าน โดยให้ เจนจิรา เรียบร้อยเจริญ ขออนุญาตศาลพระภูมิ ซึ่งแม้จะลังเลอยู่บ้าง แต่ท้ายที่สุดเธอก็ตกลงใจทำตามคำร้องขอ รวมถึงทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ จนกระทั่งโซ่ตรวนที่พันธนาการภูตผีตนนั้นค่อย ๆ หายไป
 
         นอกจากนี้ เจนจิรา เรียบร้อยเจริญ ยังบอกด้วยว่า เธอเคยไปเยือนสวรรค์และนรกมาแล้ว ซึ่งภาพที่เห็นไม่ต่างจากจินตนาการของคนทั่วไปที่วาดภาพสวรรค์ไว้สวยงาม มีควันลอยฟุ้ง และสวนสวย ๆ ขณะที่นรกก็มีกระทะทองแดงใบใหญ่สุดลูกหูลูกตา ประดับประดาด้วยต้นงิ้วเรียงราย เหนือยอดมีอีกาคอยจิก และบุคคลที่สวมใส่โจงกระเบนสีแดงก็คอยใช้เหล็กทิ่มแทงคนที่กำลังปีนต้นงิ้ว  

         แม้ว่าญาณทิพย์จะเปรียบเสมือนคุณสมบัติพิเศษในตัวของ เจนจิรา เรียบร้อยเจริญ แต่ในบางเวลาเธอก็รู้สึกเหน็ดเหนื่อยกับการช่วยเหลือบุคคลอื่น ๆ บ้างเหมือนกัน ด้วยเพราะคิดว่า อยากมีชีวิตเหมือนคนทั่วไป ไม่ต้องเห็นภาพที่ไม่อยากเห็น และไม่อยากทุกข์ใจไปกับสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้น แต่จะทำอย่างไรได้ เมื่อเสียงที่เธอได้ยินก้องกังวานบอกให้เธอทำหน้าที่ช่วยเหลือผู้คนต่อไป
 
         "เคยหนีนะ แบบว่ามีคนมาให้ช่วยตรวจกรรม ดูดวงให้หน่อย แต่เราก็ไม่อยากทำแล้ว เพราะไม่อยากให้คนอื่นมองว่าหากินกับอาชีพแบบนี้ หรือเรื่องงมงาย หลังจากนั้นชีวิตก็เริ่มตกต่ำ จนเรายื่นข้อแม้ว่าถ้าจะให้เราช่วยคน ก็ขอให้เรามีงานมีอาชีพที่ทำควบคู่ไปได้ด้วย แล้วเสียงนั้นก็บอกว่าจะสอนให้ทำอะไรบางอย่าง เป็นก๋วยเตี๋ยวลุยสวน ซึ่งก้ขายดีมาก และยังมีเวลาไปช่วยคนด้วย"
 
         สำหรับการเปิดบ้านช่วยคนของ เจนจิรา เรียบร้อยเจริญ จะเกิดขึ้นเพียง 1-2 วันในรอบสัปดาห์ โดยจะจำกัด 15 คนต่อวัน ซึ่งในการตรวจกรรม เธอไม่ได้เรียกเก็บค่าใช้จ่าย หากแต่ผู้คนจะให้ทรัพย์ตามแต่น้ำใจและกำลัง ซึ่งภายหลังจากเสร็จสิ้นภารกิจช่วยคนแล้ว เธอจะสวดมนต์ 1-2 ชั่วโมง ต่อด้วยการนั่งสมาธิ และกรวดน้ำแผ่เมตตาให้เจ้ากรรมนายเวรของผู้ที่มาตรวจกรรม เพื่อจะได้ไม่มีเวรกรรมต่อกัน เนื่องจากในหนึ่งวัน เจนจิรา เรียบร้อยเจริญ จะเห็นเรื่องราวต่าง ๆ มากมาย และบางคนมาพร้อมเจ้ากรรมนายเวร โดยเฉพาะผู้ที่เคยผ่านการทำแท้งมา มักจะมีเด็กชาย-หญิงมายืนร้องทุกข์ข้าง ๆ บุคคลนั้น
 
         นอกจากการตรวจกรรมแล้ว เจนจิรา เรียบร้อยเจริญ ยังใช้ญาณทิพย์ของเธอ ตรวจดูฮวงจุ้ยได้อีกด้วย ซึ่งได้รับการยืนยันจากเจ้าของร้านสตูดิโอแต่งงาน ที่กำลังประสบกับภาวะย่ำแย่ ลูกค้าไม่เข้าร้าน แต่ภายหลังจากการแก้ฮวงจุ้ยของ เจนจิรา เรียบร้อยเจริญ และการหมั่นทำบุญตามคำแนะนำ ก็ทำให้สถานการณ์ในการทำธุรกิจของร้านนี้ดีขึ้นเรื่อย ๆ และนั่นกลายเป็นที่มาความเชื่อในเรื่องญาณทิพย์ในตัวผู้หญิงที่ชื่อ..."เจนจิรา เรียบร้อยเจริญ"
 
         ว่ากันว่า เรื่องอย่างนี้คนที่เจอกับตัวเองเท่านั้นถึงจะรู้ เพราะยากจะพิสูจน์ให้ประจักษ์แก่ใจจริง ๆ แล้วคุณล่ะ “เชื่อ” หรือไม่ ?!?

คลิป รายการ คนอวดผี ช่วงล่า ท้า ผี 29 กุมภาพันธ์ 2555 1/2


คลิป รายการ คนอวดผี ช่วงล่า ท้า ผี 29 กุมภาพันธ์ 2555 2/2


 คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อน ๆ ได้ที่นี่ค่ะ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
รายการ คนอวดผี, รายการ วีไอพี