x close

กิน ดื่ม เที่ยว เทศกาลคริสต์มาส



กิน ดื่ม เที่ยว เทศกาลคริสต์มาส (มติชน)

          เทศกาลคริสต์มาส หรือ วันฉลองวันประสูติของพระเยซูคริสต์เจ้า เป็นเทศกาลของคนต่างชาติที่ไม่ใช่ ชาวพุทธ หรือ อิสลาม แต่เท่าที่เห็นและเป็นมา ไม่ว่าจะตรุษจีน ตรุษฝรั่ง คนไทยเรารักสงบ แต่ถึงรบไม่ขลาด ก็มัก จะเฉลิมฉลองไปกับเขาด้วย และยิ่งในยุคการสื่อสารไร้พรมแดน ติดต่อพูดคุยกันทั้งโลกง่ายดายในพริบตา แค่กดปุ่ม 2-3 ปุ่ม ก็จ๊ะจ๋ากันได้แล้ว คนไทยก็ยิ่งต้องฉลองกันแทบจะทุกเทศกาลเลยทีเดียว

          งานเฉลิมฉลองเทศกาลคริสต์มาสในประเทศไทยก็เช่นกัน เริ่มกันมาตั้งแต่ต้นเดือนธันวาคม โดยบรรดาห้าง ร้านค้า โรงแรม นั่นแหละเริ่มก่อน จุดประสงค์เพื่อดึงดูดเรียกลูกค้ากันในตอนเทศกาล จึงต้องโปรโมตกันตั้งแต่เนิ่นๆจากนั้น ก็ฉลองกันมาเรื่อย แม้แต่วันรัฐธรรมนูญยังเผลอจัดงานดื่มฉลองกันได้เลย ท่ามกลางบรรยากาศแห่งความสนุกสนานอย่างต่อเนื่อง กระทั่งถึงเทศกาลคริสต์มาส วันนี้แม้จะยังไม่กลายเป็นประเพณีของไทย แต่คนไทยก็ครื้นเครงกับเทศกาลนี้ไม่เบา

          นวรัตน์ กิติยากร เคยเล่าไว้เกี่ยวกับเทศกาลคริสต์มาสว่า สำหรับในยุโรปทุกๆ วันที่ 6 ธันวาคมของทุกปี ถือเป็นวันของ "เซนต์นิโคลัส" ใครที่มีชื่อแรกว่า "เคล้าส์" หรือ "นิโคลัส" ก็จะพากันฉลองชื่อของตัวเองพร้อมๆ กับชื่อนักบุญองค์นี้

          "เซนต์นิโคลัส" จะแต่งตัวคล้าย "ซานตาคลอส" คือชุดสีแดง มีหนวดมีเครา บางคนอาจเรียกว่าเป็นซานตาคลอส จะต่างกันก็คือเซนต์นิโคลัสสวมหมวกที่คล้ายๆ กับหมวกของพระสันตปาปา มีไม้ตะบองถือเวลาเดินไปแจกขนมหรือของขวัญแก่เด็กๆ โดยมีผู้ช่วยคือ "ครัมปุส" (Krumpus) ซึ่งแต่งตัวเป็นปีศาจคอยเดินตาม

         
ว่ากันว่าถ้าเด็กคนไหนเป็นเด็กดี ครัมปุส จะแจกช็อกโกเลต ท็อฟฟี่ และขนมหวานรวมทั้งของขวัญ แต่ถ้าเป็นเด็กดื้อ ก็จะโดนไม้เรียวที่ทำจากแส้เล็กๆ เฆี่ยน ที่จริง ครัมปุส ไม่ต้องถึงกับลงมือเฆี่ยน แค่เห็นรูปร่างหน้าตาของเขาเด็กๆ ก็วิ่งหนีกันกระเจิงแล้ว

          เรื่องการฉลองคริสต์มาสขาดไม่ได้คืออาหารและเครื่องดื่ม มาว่ากันในเรื่องของอาหารก่อน อาหารที่รับประทานในวันคริสต์มาสแต่ละประเทศ โดยเฉพาะในยุโรปอาจรับประทานแตกต่างกันออกไป แต่ที่เป็นสากลที่สุดก็หนีไม่พ้น "ไก่งวง" จะอบหรือจะย่างเลือกเอาตามใจชอบ

         
บางแห่งตั้งชื่ออาหารชนิดนี้เสียไพเราะเพราะพริ้งว่า ไก่งวงย่าง "คิงเดวิด" (Roast Tom Turkey "King David") อันนี้ว่าตามที่คุณนวรัตน์ว่าไว้ ถ้าเป็นสมัยก่อนเมื่อครั้งที่ความเจริญทางเทคโนโลยียังมาไม่ถึง คนอังกฤษเขาก็จะอบหรือย่างไก่งวงด้วยกองไฟจริงๆ

          ส่วนในตัวไก่งวงเขาจะยัดไส้ต่างๆ เช่น เนื้อผัด เกาลัด หัวหอม เห็ด เครื่องเทศบางอย่าง ที่ขาดไม่ได้คือจะต้องมีมันฝรั่งเผาหรือบด เป็นเครื่องเคียงรับประทานต่างข้าว บางแห่งจะหั่นไส้กรอกเป็นชิ้นเล็กๆ ใส่ลงไปด้วย เวลารับประทาน ชาวอังกฤษนิยมรับประทานกับ Mulled Wine ซึ่งเป็น "คริสต์มาสไวน์" สำหรับชาวอังกฤษโดยเฉพาะ

          สำหรับผู้ที่ชอบรับประทานเนื้อ ยังมีอาหารประเภทนี้อีกชนิดหนึ่งที่นิยมขึ้นโต๊ะในวันคริสต์มาสเหมือนกัน แม้จะไม่เป็นที่นิยมเท่าไก่งวง อาหารที่ว่านี้ คือสเต๊กเทนเดอร์ลอยน์ "ลอร์ดเวลลิงตัน" (Tenderloin of Beef "Lord Wellington" ฟังชื่อแล้วดูยังกะอาหารบนโต๊ะผู้ดีชาวอังกฤษก็ไม่ปาน

         
นอกจากไก่งวงจะเป็นอาหารไฮไลต์วันคริสต์มาสแล้ว ในบางประเทศอย่างประเทศเยอรมนี อาหารคริสต์มาสยอดนิยมของชาวเยอรมันที่ขาดไม่ได้ คือ "ห่านย่างจนกรอบแบบโบราณ" หรือที่เรียกในเมนูอาหารซะเพราะพริ้ง ว่า Old-Fashioned Roast Goose คนที่ชอบรับประทานห่านจะต้องชอบเมนูนี้ เพราะเขาจะเอาห่านไปย่างจนกรอบ ข้างในยัดไส้ด้วยผลไม้และผัก เช่น ลูกเกด เก๋าลัด และมีมันฝรั่งบดหัวผักกาดแดง รวมทั้งแอปเปิ้ลฝานมาเป็นเครื่องเคียงด้วย

          บางชาติอย่างอิตาลี นอกจากจะมีไก่งวงเป็นอาหารสากลแล้ว อาหารจานเด่นของเขายังมี "ปลา" สำหรับตั้งโต๊ะรับประทานกันระหว่างครอบครัวในวันคริสต์มาสอีฟ คือวันที่ 24 ธันวาคม พอสรวลเสเฮฮากันจนถึงเที่ยงคืน ก็จะชวนกันไปฟังมิซซารับพรที่โบสถ์ ปลาที่ว่านี้นัยว่าเป็นปลารสชาติฉมังกว่าปลาทั่วไป ไม่งั้นคงไม่ยอมให้ขึ้นโต๊ะในวันคริสต์มาส

          ในประเทศสหรัฐอเมริกาดินแดนแห่งโลกเสรี ก็ยังนิยมไก่งวงเป็นเมนูสำคัญบนโต๊ะเหมือนสากลนิยม จะมีแปลกอยู่ก็คือ ชาวอเมริกันนิยมรับประทานกับเครื่องดื่มแก้หนาวที่เรียกว่า เอ๊กน็อก (Egg-Nog) ซึ่งเป็นเครื่องดื่มที่เป็นครีม มีน้ำตาล นมสด และไข่ไก่ นำมาปั่นด้วยเครื่องปั่นจนทั่วและเหยาะด้วยเหล้ารัม หรือจะเป็นวิสกี้ หรือบรั่นดีก็ได้ตามใจชอบ

         
เวลาเสิร์ฟถ้าจัดในลักษณะงานปาร์ตี้เล็กๆ 20-30 คนขึ้นไป สามารถเสิร์ฟได้ในอ่างฟรุ้ตพั้นช์ ใครใคร่ดื่มก็ให้ตักเอาเอง เอ๊กน็อกเป็นเครื่องดื่มแก้หนาวแถมยังบำรุงกำลังอีกด้วย เพราะมีทั้งครีมทั้งไข่ แต่หากดื่มมากเกินไป หรือคอไม่แข็งพอ สามารถทำให้หัวทิ่มได้ เพราะฉะนั้นจึงต้องระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง

          นอกจากนี้ เครื่องดื่มพื้นบ้านยอดนิยมของเทศกาลสำคัญนี้ ถ้าเป็นของชาวทีโรลซึ่งอาศัยอยู่ทางตะวันตกของออสเตรีย หรือที่เขาเรียกตัวเองว่า "เป็นดินแดนแห่งเทือกเขาแอลป์" โดยเฉพาะชาวเมืองอินส์บรู๊ค เมืองหลวงของแคว้นทีโรล เมื่อใกล้ถึงวันคริสต์มาส บริเวณเขตเมืองเก่าหรือที่เรียกว่า Altstadt ตรงลานหน้า Golden Roof จะมีต้นคริสต์มาสสูงใหญ่ประดับประดาด้วยไฟหลากสีสวยงาม

          รอบๆ ต้นคริสต์มาสนี้ จะจำลองสถานที่ที่พระเยซูประสูติเมื่อเกือบสองพันปีมาแล้ว มีรูปพระนางมาเรียอา ฝูงแกะ ฟางหญ้า และอะไรต่อมิอะไรที่แสดงถึงนิมิตหมายอันดีของชาวคริสต์ แทนที่จะวางของขวัญ (เปล่า) ให้เกลื่อนเหมือนต้นคริสต์มาสทั่วๆ ไป บริเวณที่รายรอบต้นคริสต์มาสนี้ จะมีการออกร้านขายของ อาหาร และเครื่องดื่มเนื่องในเทศกาลนี้โดยเฉพาะ

         
นอกจากจะมีของที่ระลึกพวกของขวัญ อาหาร และขนมแล้ว สิ่งที่ขาดไม่ได้คือเครื่องดื่มยอดนิยมของชาวทีโรล นั่นคือ กลูไวน์ หรือ ฮ็อตไวน์ ถ้าเรียกแบบไทยๆ ก็ต้องไวน์ร้อนๆ เพราะในช่วงเทศกาลคริสต์มาสนี้เป็นฤดูหนาว มองไปทางไหนทั่วทุกหัวระแหงของยุโรปและอเมริกา จะขาวโพลนไปหมด ยิ่งทีโรลซึ่งถูกโอบด้วยเทือกเขาแอลป์ ทำให้พวกเขาพากันคิดค้นหาเครื่องดื่มร้อนๆ ที่สร้างความอบอุ่นให้ร่างกายไว้ดื่ม

          สูตรเครื่องดื่มใหม่ชนิดนี้จึงเกิดขึ้น และกลายมาเป็นที่นิยมจนถึงทุกวันนี้ สูตรอาจจะผิดเพี้ยนไปบ้างแล้วแต่คนปรุง แต่ก็ไม่หนีการเอาไวน์แดงมาทำให้พออุ่น แล้วเหยาะเครื่องเทศบางอย่างลงไป คนไม่เคยดื่มอาจคิดว่าเหมือนยาธาตุ เพราะรสทั้งหวานหอมและพอตกถึงท้องแล้วทำให้ร่างกายร้อนวูบวาบอบอุ่นดีแท้

          พูดถึงเรื่องไวน์ จะมองข้ามประเทศที่เป็นดงไวน์อย่างฝรั่งเศสไปไม่ได้ เพราะชาตินี้ถือว่าเป็นชาติที่ขาดไวน์ไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นไวน์ขาวหรือไวน์แดง บางแห่งจะฉลองกันด้วยแชมเปญก็ยังมี เครื่องดื่มผ่านไปแล้ว มาถึง ของหวาน ที่เป็นยอดฮิตของเทศกาลคริสต์มาส เห็นจะหนีไม่พ้น "คริสต์มาสพุดดิ้ง" (Christmas Pudding) นัยว่ามีความหมายสำคัญพอๆ กับขนมเข่งตอนตรุษจีน

          พุดดิ้ง สำหรับเทศกาลนี้จะต้องมีเครื่องเคราแปลกกว่าพุดดิ้งที่รับประทานกันยามอื่น คือมีการปรุงเน้นเป็นพิเศษ เวลาเสิร์ฟพุดดิ้งเขาจะใส่มาอย่างสวยงามบนจานเงินวาววับ พร้อมด้วยบรั่นดี บัตเตอร์ และครีม บางทีก็เรียกว่า พุดดิ้งเนยบรั่นดี และจะมีการจุดไฟให้ตื่นเต้นด้วย บางแห่งแม่บ้านที่ทำขนมนี้อยากจะเซอร์ไพรส์แขกก็จะใส่เพชรนิลจินดา หรือเหรียญเงินลงไป ใครได้ชิ้นที่มีของพวกนี้ก็จะโชคดีทั้งปี เขาเชื่อกันอย่างนี้

          นอกจากพุดดิ้งแล้ว ขนมคริสต์มาสยังมีอีกหลายอย่าง เช่น มินซ์พาย (Mince Pie) ซึ่งทำ จากแป้งพายยัดไส้น้ำผึ้งกับแอปเปิ้ลกวนผสมน้ำตาลและลูกเกด รับประทานตอนคริสต์มาสยามบ่าย "เค้กคริสต์มาสแบบอังกฤษ" รสชาติเหมือนเค้กผลไม้ เพราะใส่พวกผลไม้แห้งพวกลูกเกด ลูกพลับ ลูกพรุน ฯลฯ ลงไปเยอะมาก จนแทบไม่ได้ลิ้มรสแป้ง

         
ส่วนในเยอรมนี ของหวานที่ขึ้นหน้าขึ้นตาคือ สโตลลันเค้ก (Stollen Cake) โดยแม่บ้านจะทำล่วงหน้าเป็นเดือนๆ พอถึงเทศกาลจะได้มีเวลาสนุก สนานกันเต็มที่

          สโตลลันเค้กที่เห็นในมืองไทย เมื่อมองดูแล้วหลายคนอาจรู้สึก "ไม่อยาก" รับประทาน เพราะเหมือนก้อนอะไรก็ไม่รู้ แบนๆ เอามาคลุกกับ น้ำตาลไอซิ่ง แต่จริงๆ แล้วสโตลลันเค้กเป็นขนมที่อร่อยมาก เขาทำจากแป้งขนมปัง ใส่พวกผลไม้แห้งต่างๆ เช่น ลูกเกด ลูกพรุน ลูกพลับ นัท อัลมอนด์ ฯลฯ นมเนยมีใส่เพียบ หมักจนได้ที่จึง เอาไปอบ พอสุกก็เอาไปแช่ตู้เย็นช่องแข็งเก็บไว้รับประทานได้เป็นเดือนๆ ยิ่งนานยิ่งอร่อย ตอนจะรับประทานก็เอามาคลุกกับไอซิ่งแล้วสไลด์เป็นชิ้นเล็กๆ พอคำ รับประทานเป็นของหวาน หรือกับชากาแฟอร่อยมาก การฉลองคริสต์มาสในประเทศไทยยังเป็นที่นิยมอยู่มาก เพราะคนไทยมีนิสัยชอบสนุกสนานทุกฤดูกาลอยู่แล้ว

          ฉะนั้น วันคริสต์มาสปีนี้หากจะฉลองกับครอบครัวในแบบอบอุ่นทำกันเอง อาหารและเครื่องดื่มเหล่านี้สร้างบรรยากาศคริสต์มาสได้ไม่แพ้งานฉลองของชาวคริสต์ ปัจจุบันเครื่องเคราในการปรุง การทำก็หาไม่ยาก มีขายตามซุปเปอร์มาร์เก็ตทั่วๆ ไป ซึ่งเดี๋ยวนี้ไม่ว่าซุปเปอร์มาร์เก็ตร้านเล็กร้านใหญ่ จะมีพวกไก่งวง ขนมเค้ก คุกกี้ ขายกันเกลื่อน

          ถ้าเป็นซุปเปอร์มาร์เก็ตชั้นดี ก็อาจมีเครื่องเคียงและไวน์ชั้นดีสั่งตรงจากนอกมาไว้บริการด้วย สนนราคาแพงนิดหน่อย ถ้าหากอยากรับประทานอย่างฝรั่งก็ต้องไปหารับประทานตามโรงแรมชั้นหนึ่ง หรือตามห้องอาหารฝรั่งซึ่งมีอยู่เยอะแยะ ราคาถูกแพงขึ้นอยู่กับสถานที่ ใครมีรสนิยมวิไลแบบไหนเปิดดูข่าวโปรโมชั่นตามหน้าหนังสือพิมพ์ได้

          ที่สำคัญอย่างมากในงานฉลองเทศกาลคริสต์มาส เรื่อยไปจนถึงวันขึ้นปีใหม่ คือ อย่าสนุกมากเกินไปจนหมดเรี่ยวหมดแรง และสำคัญมากๆๆ ขึ้นกว่านั้นคือ เมาแล้วอย่าขับ

 

    คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อนๆ ได้ที่นี่ค่ะ





ขอขอบคุณข้อมูลจาก

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
กิน ดื่ม เที่ยว เทศกาลคริสต์มาส อัปเดตล่าสุด 22 ธันวาคม 2552 เวลา 14:34:37 9,937 อ่าน
TOP