เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก คุณ แมลงเม่าบินเข้าดวงใจ , เพื่อน ๆ ในพันทิปทุกท่าน
จากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 16 มกราคม ที่กลุ่มเพื่อนชายของนางสาววรฐิกา พรหมณะ หรือ นุ่น หรือ ยุ้ย อายุ 29 ปี อ้างว่า น้องนุ่นได้หายไป ขณะไปเดินเล่นที่ริมแม่น้ำโจน ที่หน่วยรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ฝั่งตะวันตก อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี แต่ต่อมาครอบครัวและเพื่อน ๆ ของน้องนุ่น พบว่า กลุ่มเพื่อนชายให้การมีพิรุธ และก็มายอมรับภายหลังว่า น้องนุ่นหายไปกับกระแสน้ำ หลังแพแตก ขณะลงแพไปกับเพื่อน ๆ จึงทำให้เกิดข้อสงสัยว่า การหายตัวไปของน้องนุ่นจะไม่ใช่อุบัติเหตุ และเร่งติดตามค้นหาน้องนุ่นเรื่อยมานั้น
ความคืบหน้าในการติดตามตัวน้องนุ่น ล่าสุด แม้เวลาจะล่วงเลยไปเกือบหนึ่งเดือนแล้ว แต่ครอบครัวและเพื่อน ๆ ของน้องนุ่น ยังคงเดินหน้าติดตามหาตัวของน้องนุ่นต่อไป โดยมีหน่วยงานจากภาครัฐ และเอกชน ส่งกำลังเสริม ผู้เชี่ยวชาญด้านการดำน้ำ และสุนัขตำรวจเข้ามาช่วยเหลือติดตามตัวน้องนุ่นอย่างเต็มที่ โดยค้นหาตามเกาะแก่งหินที่อยู่ท่ามกลางกระแสน้ำเชี่ยวจุดต่าง ๆ แต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะพบตัวน้องนุ่น
ขณะที่ข้อสันนิษฐานที่ว่า ร่างของน้องนุ่นจะถูกน้ำที่เชี่ยวกรากพัดไปทางตอนใต้ของแม่น้ำ ก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะไม่พบร่องรอยฟองอากาศ เสื้อผ้า กระดูก หรือกลิ่นใด ๆ ที่สามารถยืนยันได้ว่า มีศพลอยไปในบริเวณดังกล่าว
แน่นอนว่า ระหว่างที่เจ้าหน้าที่ออกติดตามค้นหาร่างของน้องนุ่น อีกด้านหนึ่งความสงสัยก็พุ่งเป้าไปยังกลุ่มเพื่อนชายของน้องนุ่น ที่เดินทางไปท่องเที่ยวด้วยกัน เพราะมีหลายประเด็นชวนเคลือบแคลง เช่น ทำไมถึงให้การเท็จตั้งแต่แรก ว่าน้องนุ่นเดินไปเล่นน้ำ และจมน้ำหายไป ก่อนที่จะมากลับให้คำการว่า น้องนุ่นจมหายไปเพราะแพแตก ซึ่งประเด็นนี้ 1 ในกลุ่มเพื่อนชายของน้องนุ่นอ้างว่า เป็นเพราะกลัวเจ้าหน้าที่ป่าไม้ที่เดินทางเข้าไปด้วยกันจะเดือดร้อน จึงให้การเท็จตั้งแต่แรก และปัจจุบันได้ถูกดำเนินคดีข้อหาแจ้งความเท็จไปแล้ว
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังสงสัยประเด็นของแพไม้ไผ่ที่กลุ่มเพื่อนชายระบุว่า ทั้ง 4 คนได้นั่งแพไม้ไผ่ที่ต่อขึ้นมาออกไปในแม่น้ำ ก่อนแพจะแตกและตกน้ำกระจัดกระจายไปคนละทาง โดยจุดที่น่าสงสัยคือ แพดังกล่าวถูกผูกขึ้นมาด้วยไม้ไผ่เก่า ๆ 6 ลำและมัดด้วยเชือกฟาง ไม่น่าจะรับน้ำหนักคนถึง 4 คนได้ อีกทั้งหนึ่งในกลุ่มเพื่อนชายเป็นคนตัวใหญ่ด้วย จึงยิ่งไม่น่าเป็นไปได้อย่างแน่นอน
เช่นเดียวกับร่องรอยแผลฟกช้ำที่ใบหน้าของ "เชษฐ์" ซึ่งถูกระบุว่า เป็นแฟนของน้องนุ่นที่เดินทางไปด้วยกัน ก็ยังไม่ได้รับการยืนยันว่า ร่องรอยนี้ได้มาจากไหน เกี่ยวข้องอะไรกับการหายตัวไปของน้องนุ่นหรือไม่ และหลังจากแจ้งเจ้าหน้าที่ว่า น้องนุ่นหายตัวไปไม่นาน กลุ่มเพื่อนชายกลับรีบเดินทางออกจากป่าทันที แม้ขณะนั้นจะเป็นเวลา 5 โมงเย็น ซึ่งเป็นเวลาที่เดินทางออกมาจากป่าได้ลำบาก ก็ยิ่งจุดชนวนให้คนสงสัยมากยิ่งขึ้น
กอปรกับการออกติดตามค้นหาน้องนุ่นในหลาย ๆ พื้นที่ที่น่าสงสัยมานานร่วมเดือน แต่กลับไม่มีทีท่าจะว่าเจอตัว หรือร่างของน้องนุ่นเลย ก็เริ่มทำให้ญาติ และเพื่อน ๆ ของน้องนุ่นสงสัยว่า กลุ่มเพื่อนชายของน้องนุ่นเล่าเรื่องโกหกเป็นครั้งที่สองอีกหรือไม่ และจนถึงขณะนี้ กลุ่มเพื่อนชายก็ยังไม่เคยออกมาให้การ หรือให้สัมภาษณ์ใด ๆ เลย ซ้ำยังใช้ชื่อปลอมเข้าแจ้งความด้วย
แต่นับว่ายังโชคดี ที่เพื่อนสนิทของน้องนุ่นได้เจอหลักฐานชิ้นใหม่ จากโทรศัพท์มือถือของน้องนุ่นซึ่งเมื่อตรวจสอบเมมโมรี่พบว่า ถูกลบข้อมูลออกไปหมดแล้ว เพื่อน ๆ ของน้องนุ่นจึงนำมาให้ทีมงานรายการสายตรวจธันเดอร์ ของสปริงนิวส์ ซึ่งเข้าไปทำข่าวการหายตัวไปของน้องนุ่นพอดีช่วยกู้ข้อมูลให้ และได้พบรูปถ่าย และคลิปวีดิโอที่น้องนุ่นถ่ายไว้ตั้งแต่วันที่ 14 มกราคม-16 มกราคม ซึ่งการบันทึกภาพครั้งสุดท้ายของน้องนุ่นบันทึกไว้เมื่อวันที่ 16 มกราคม เวลา 14.03 น. ก่อนที่น้องนุ่นจะหายตัวไปหลังจากนั้น จึงเป็นอีกปมที่ชวนสงสัยว่า ทำไม? และใคร? ลบไฟล์ในโทรศัพท์มือถือของน้องนุ่นทิ้งไป
ณ วันนี้ เงื่อนงำมากมายเริ่มถูกขุดคุ้ยออกมามากขึ้น ตอกย้ำให้เห็นว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องเล็ก และอาจไม่ใช่อุบัติเหตุอย่างที่กลุ่มเพื่อนชายกล่าวอ้าง ซึ่งทุกคนที่ติดตามข่าวนี้ได้แต่หวังว่า น้องนุ่นจะได้กลับมาโดยเร็ว ไม่ว่าจะ "เป็น" หรือ "ตาย" เช่นเดียวกับพ่อแม่ของน้องนุ่น ที่ได้แต่ภาวนา และจุดธูปบนบานว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับน้องนุ่น หรือจะหาตัวเธอพบหรือไม่ ก็ขอให้มีสิ่งของติดตัวของน้องนุ่นกลับมาสักชิ้น เพื่อจะได้นำมาทำบุญอุทิศส่วนกุศล แค่นี้หัวอกคนเป็นพ่อเป็นแม่ก็พอใจแล้ว
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
- รายการสายตรวจธันเดอร์
- รายการเรื่องจริงผ่านจอ