x close

ว.วชิรเมธี ชี้คนไทยขาดที่พึ่ง จึงหันหาผู้วิเศษ



แม่ชีทศพร



เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ธรรมะไทยดอทคอม ,  youtube.com โพสต์โดย ladyEdnaMode และ คลิปรายการเจาะข่าวเด่น ช่อง 3


          กลายเป็นประเด็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ถึงความไม่เหมาะสม หลังมี คลิปแม่ชีทศพร หรือ แม่ชีทศพร เทวาพิทักษ์ แม่ชีชื่อดังแห่งวัดพิชยญาติการามวรวิหาร ได้แนะนำญาติโยมผู้หญิงคนหนึ่ง ที่เข้ามาปรึกษาในวัดให้ไปนอนกับเด็กหนุ่ม 2 ครั้ง เพื่อแก้กรรมในอดีตให้หมดไปนั้น

          ล่าสุดเมื่อวันที่ 30 เมษายน แม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต แห่งเสถียรธรรมสถาน กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า กรณีของ แม่ชีทศพร ขอให้ดูเจตนา ถ้ามีเจตนาที่ดี และปรารถนาที่จะช่วยเหลืออย่างบริสุทธิ์ใจ ก็ควรเคารพในเจตนาของการทำงานของท่าน ผู้หญิงที่เข้าไปขอคำปรึกษาท่าน แสดงว่าเขาทุกข์ท่านต้องการให้เขาพ้นทุกข์ แต่ท่านอาจต้องมีการส่งเสริม ในเรื่องของความเข้าใจในหลักธรรมคำสั่งสอนที่ถูกต้องโดยธรรม อย่าประนามโดยไม่ดูเจตนา ต้องช่วยกัน

          ขณะที่ พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี หรือ ว.วชิรเมธี ผู้อำนวยการสถาบันวิมุตตยาลัย กล่าวถึงเรื่องนี้ โดยระบุว่า สาเหตุที่ผู้คนในปัจจุบันเชื่อผู้รู้เรื่องกรรม และหมอดูเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะสังคมขาดที่พึ่ง รัฐบาลพึ่งไม่ได้ และประเทศไทยกำลังตกอยู่ในสภาวะการเมืองวิกฤต เศรษฐกิจตกต่ำ คนไทยจึงต้องหาที่พึ่ง เกาะอะไรได้ก็ต้องเกาะ ดังนั้น พอมีผู้วิเศษซึ่งเสนอตนหรืออวดอ้างว่าแก้กรรมได้ มองเห็นอนาคต ทำให้คนต้องเลือกหมอดู และผู้วิเศษที่บอกว่าเป็นผู้รอบรู้เรื่องกรรมมาเป็นที่พึ่ง ขณะนี้คนไทยกำลังสับสน และไม่เข้าใจคำว่า "กรรม" อย่างแท้จริง รวมทั้ง ยังเข้าใจเรื่องกรรมคลาดเคลื่อนอยู่มาก

          พระมหาวุฒิชัย ระบุอีกว่า หลักกรรมที่สอนอยู่ขณะนี้ไม่ใช่หลักกรรมเดียวกันของพระพุทธเจ้า เพราะพระพุทธเจ้าบอกไว้ว่า ลัทธิที่นอกคำสอนของพระองค์มีอยู่ 3 ลัทธิ ได้แก่...

          1. ลัทธิกรรมเก่า เป็นลัทธิที่เชื่อว่าความเป็นไปของชีวิตเป็นเรื่องของกรรมเก่า ชีวิตจะรุ่งโรจน์ และยากจนล้วนมาจากกรรมเก่า

          2. ลัทธิเทพเจ้าบันดาล เชื่อว่าทุกสิ่งทุกอย่างของชีวิตจะเป็นไปอย่างไร เทพเจ้าจะเป็นคนกำหนด และบันดาลไว้แล้ว

          3. ลัทธิบังเอิญ เชื่อว่าอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด เช่น คนจะโชคดีก็จะโชคดี ล้วนเกิดจากความบังเอิญ

          ดังนั้น หากทำความเข้าใจทั้ง 3 ลัทธิดี ๆ จะรู้ว่าแม่ชีรายดังกล่าวสอนผิดหรือว่าสอนถูก และจะรู้ว่าการสอนเรื่องกรรมเก่าไม่ใช่หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าเวลานี้ คนไทยกำลังถูก 3 ลัทธิครอบงำอย่างหนัก ปัจจุบันมีผู้ดูเรื่องกรรมเก่า และผู้วิเศษเกิดขึ้นมากมาย จึงอยากจะบอกว่าทุกสิ่งล้วนเป็นกฎแห่งกรรม ไม่ควรงมงาย หรือว่าหลงเชื่อ

          ทางด้าน สำนักงานพระพุทธศาสนา (พศ.) ออกมาระบุว่าอยากวอนสื่อมวลชนทุกแขนง ไม่ให้นำเสนอข่าวเกี่ยวกับ แม่ชีทศพร ที่มีพฤติกรรมแนะวิธีแก้กรรมไม่เหมาะสมอีก เพราะ แม่ชีทศพร ได้ขอโทษเรื่องที่ได้ทำผิดพลาดไปแล้ว จึงไม่อยากให้สื่อมวลมวลชนพิพากษา แม่ชีทศพร ไปมากกว่านี้

แม่ชีทศพร


[30 เมษายน] แม่ชีทศพรปิดเว็บแล้ว ชี้กรรมแก้ไม่ได้

          แม่ชีทศพรปิดเว็บไซต์ส่วนตัวแล้ว ขึ้นข้อความ "กรรม แก้ไม่ได้" ด้าน วธ.เล็งดำเนินคดีทางกฎหมาย ขณะที่ กสม.ชี้ คำแนะนำของแม่ชีเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน

          หลังจากถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก กรณีที่แม่ชีทศพร เทวาพิทักษ์ แนะนำให้ญาติโยมผู้หญิงแก้กรรมด้วยการให้ไปนอนกับชายหนุ่ม เพราะถือเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม และหมิ่นเหม่ต่อหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า ซึ่งหลังจากพระพรหมโมลี เจ้าอาวาสวัดพิชยญาติการาม กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) และเจ้าคณะหนใหญ่ได้ตักเตือนแม่ชีทศพรแล้ว ซึ่งแม่ชีทศพรก็รับปากจะปรับเปลี่ยนวิธีการสอนเสียใหม่ เพื่อให้ทุกฝ่ายสบายใจ

          และล่าสุด คลิปคำสอนต่าง ๆ ของแม่ชีทศพรในเว็บไซต์ thossaporn.com ไม่สามารถเปิดดูได้แล้ว เนื่องจากทางแม่ชีทศพรได้ปิดเว็บดังกล่าวแล้ว ขณะที่เว็บอื่น ๆ ที่มีการเผยแพร่คลิปก็ไม่สามารถดูได้เช่นกัน โดยก่อนหน้าที่เว็บไซต์จะปิดตัวลง ผู้ดูแลเว็บได้ขึ้นข้อความประกาศที่หน้าเว็บไซต์ว่า

          "รูปแบบการบรรยายธรรมในวิดีโอที่นำมาเผยแพร่นั้น วัตถุประสงค์เพื่อให้คนที่เข้ามาฟังได้รับรู้เรื่องของกรรมในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อให้เกิดความละอายในการทำบาป และส่งเสริมให้เกิดการทำดีต่อพ่อ-แม่บุพาการี การให้เกียรติกันของสามี-ภรรยา ไปจนถึงการไม่ลักทรัพย์ในเวลาทำงาน และอื่น ๆ ที่มีอีกมาก ตามจำนวนวิดีโอที่เอาลงไปนั้น เพื่อหวังจะให้เกิดการทำดีขึ้นต่อกัน ไม่ทำผิดซ้ำอีก หรือมีความละอายเกรงกลัวต่อบาปมากขึ้น มิได้มุ่งหวังให้เกิดการทำผิดซ้ำแล้วซ้ำอีก จึงอยากขอใช้พื้นทีนี้ อยากให้ทุกคน ใช้วิจารณญาณ ในการรับชมหรือรับฟัง สุดท้ายขอแจ้งในที่นี้อีกครั้งว่า "กรรม แก้ไม่ได้" แต่เราเลือกที่จะไม่ทำกรรมนั้นอีกได้"

          อย่างไรก็ตาม ด้านนางสาวลัดดา ตั้งสุภาชัย ผอ.ศูนย์เฝ้าระวังทางวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) กล่าวว่า แม้จะไม่สามารถดูคลิปคำสอนดังกล่าวได้ เพราะลิงก์ต้นทางถูกปิดไปแล้ว แต่ก็จะรวบรวมหลักฐานทั้งหมดส่งไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้ตรวจดูข้อมูลย้อนหลัง เพื่อดำเนินคดีทางกฎหมาย เพราะเห็นว่า คำสอนของแม่ชีไม่ถูกต้อง และผิดตามกฎหมาย และไม่ต้องการให้มีกรณีทำนองนี้เกิดขึ้นอีก พร้อมกับวิงวอนแม่ชีทศพร ไม่ให้นำคลิปดังกล่าวออกมาเผยแพร่ด้วย

          ขณะที่นางวิสา เบ็ญจะมโน กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ในฐานะประธานอนุกรรมการปฏิบัติการยุทธศาสตร์ด้านเด็ก สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการและความเสมอภาคของบุคคล กล่าวถึงกรณีนี้ว่า แม้ว่าความเชื่อเรื่องศาสนาจะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน แต่การที่แม่ชีสั่งให้สตรีเพศผู้มาแก้กรรมไปกระทำสิ่งที่ไม่เหมาะสมดังที่ปรากฎเป็นข่าวถือเป็นการละเมิดสิทธิทางเพศ สิทธิมนุษยชนในเรื่องศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และถือเป็นการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานในเนื้อตัวและร่างกายของผู้หญิงด้วย


พระพิศาลธรรมพาที (พยอม กัลยาโณ)
พระพิศาลธรรมพาที (พยอม กัลยาโณ)


[29 เมษายน] พระพยอมชี้ แม่ชีทศพร ทำไม่ตรงหลักชาวพุทธ

          พระพยอม ชี้พิธีแก้กรรมของแม่ชีทศพร นอกลู่นอกรอย เพราะอยากตั้งตัวเป็นเจ้าลัทธิ

          ประเด็นร้อนในวงการศาสนาขณะนี้คงไม่พ้นเรื่องที่มีคนวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างหนัก กรณีที่มีคลิปแม่ชีทศพร แม่ชีชื่อดังแห่งวัดพิชยญาติการามวรวิหาร ได้แนะนำญาติโยมผู้หญิงคนหนึ่งที่เข้ามาปรึกษาในวัดให้ไปนอนกับเด็กหนุ่ม 2 ครั้ง เพื่อแก้กรรมในอดีตให้หมดไป ซ้ำยังให้เด็กหนุ่มคนดังกล่าวเข้ามาจับแก้ม แสดงพฤติกรรมชู้สาวต่อหน้าธารกำนัลที่มาฟังธรรมจากแม่ชีเป็นจำนวนมาก แต่ทุกคนที่นั่งฟังธรรมอยู่กลับหัวเราะเห็นเป็นเรื่องสนุกสนาน

          นอกจากนี้ แม่ชีทศพร ยังได้แนะนำลูกศิษย์คนอื่น ๆ ที่มาฟังธรรมในวัดให้แก้กรรมในวิธีต่าง ๆ ซึ่งวิธีส่วนใหญ่ที่แม่ชีทศพรแนะนำกลับดูส่อไปถึงเรื่องทางเพศซึ่งดูไม่สมควรอย่างมาก จนทำให้พุทธศาสนิกชนหลายคนที่เห็นคลิปดังกล่าวถึงกับทนไม่ไหวร้องเรียนไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

          ล่าสุด พระพิศาลธรรมพาที หรือ พระพยอม กัลยาโณ พระนักพัฒนา เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว กล่าวถึงการแก้กรรมของ แม่ชีทศพร ว่า การแก้กรรมในพุทธศาสนานั้น มีอยู่จริง แต่ไม่ใช่แก้แบบแม่ชีทศพร โดยมองว่า พฤติกรรมของแม่ชีทศพร เป็นการสอนนอกหลักพระไตรปิฎก เป็นเรื่องนอกลู่นอกรอย คิดขึ้นมาเอง ทำตัวเป็นเจ้าลัทธิ เพราะอยากเป็นพระศาสดา อยากมีชื่อเสียง อยากมีศิษยานุศิษย์มากมาย

          ทั้งนี้ การทำให้คนที่เป็นทุกข์ รู้สึกสบายใจนั้น สามาถทำได้หลายวิธี ซึ่งทำไมไม่เลือกวิธีที่ถูกต้อง โดยยอมรับสังคมไทย ยังมีความเชื่อที่ผิด ๆ โดยอยากให้เปรียบเทียบคำสอนของแม่ชีทศพร กับ ท่านพุทธทาสภิกขุ และ ท่าน ว. วชิรเมธี (พระมหาวุฒิชัย)

          อย่างไรก็ตาม พระพยอม กล่าวยอมรับว่า แม่ชี ก็ทำประโยชน์ไว้มากมาย แต่ดูจะเพี้ยนไป มองว่าเป็นพวกเดียวกับ พระนิกร ที่ชอบทำพิธีสะเดาะเคราะห์ จนตัวเองได้รับเคราะห์ไปนอนอยู่ในคุก ส่วนคนที่คิดว่า ตัวเองมีกรรม ก็ต้องทำกรรมดี อย่าทำกรรมชั่ว 

 

แม่ชีทศพร

แม่ชีทศพร

 

[28 เมษายน] แม่ชีทศพร ขอโทษ สอนญาติโยมแก้กรรมพิสดาร
 

          ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 28 เมษายน นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.)  กล่าวว่า ได้รับทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว และรู้สึกไม่สบายใจกับเรื่องนี้ จึงได้เดินทางมาพบแม่ชีทศพร เพื่อสอบถาม เพราะเห็นว่าสิ่งที่แม่ชีทศพรพูดกลางที่สาธารณะเช่นนี้เป็นเรื่องที่ผิดหลักศาสนา การบอกให้ผู้หญิงไปนอนกับผู้ชาย ดูไม่ใช่การแก้กรรม แต่ยิ่งเป็นการเพิ่มกรรมมากกว่า จึงต้องการให้แม่ชีทศพรชี้แจงเรื่องดังกล่าว

          ทั้งนี้ แม่ชีทศพร ได้ชี้แจงว่า แต่ละวันมีคนมาปฏิบัติธรรมร่วมพันคน ซึ่งแม่ชีก็ได้สอนเรื่องกฎแห่งกรรม สอนให้ญาติโยมรักษาศีล ให้ทานมาถึง 14 ปีเต็ม และการที่พูดเช่นนี้ก็ไม่ได้มีเจตนาอื่น แต่เป็นการสอนระดับชาวบ้านจึงต้องพูดภาษาเช่นนี้ ทั้งนี้การแก้กรรมอาจทำไมได้ แต่เมื่อมาเปิดกรรมจะช่วยให้สบายใจขึ้นระดับหนึ่ง และยอมรับว่า ได้พูดเรื่องที่ให้ญาติโยมไปนอนกับผู้ชายแก้กรรมจริง เพราะผู้หญิงคนนี้วจีกรรมที่ไปว่าผู้ใหญ่ แต่ไม่ได้หมายความว่าให้ไปนอนกับผู้ชายจริง เพียงแต่บอกให้ลูกศิษย์ผู้ชายมาอยู่ใกล้ ๆ ญาติโยมที่มีกรรม และให้จับมือ กอด เท่านั้นเอง และในความจริงเขาก็ไม่ได้ไปนอนด้วยกัน แต่ถ้าหากสังคมกังวลเรื่องคำสอนของแม่ชี ก็รับปากว่าจะนำไปปรับปรุง

          แม่ชีทศพร กล่าวต่อว่า สำหรับคลิปคำสอนต่าง ๆ ที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ยูทูปกว่า 300 ตอน แม่ชีตัดต่อเอง เพื่อบอกเล่าชีวิตและความทุกข์ของชาวบ้านที่มายังวัดพิชยญาติการาม จึงอยากให้มองหลาย ๆ มุม เพราะที่ผ่านมาได้ทำงานเพื่อพระพุทธศาสนามาโดยตลอด และทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่มีเจตนาให้ใครเสียหาย ซึ่งถ้าหากแม่ชีพูดสิ่งใดผิดพลาดไป กระทบกระเทือนต่อพระพุทธศาสนา ทำให้ศาสนาเสื่อมเสียก็ยินดีออกจากศาสนา แต่ขอยืนยันว่า แม่ชีรักพระรัตนตรัยยิ่งชีวิต

          ด้านนายนิพิฏฐ์ กล่าวภายหลังฟังคำชี้แจงของแม่ชีทศพรว่า ตนได้ขอให้แม่ชีทศพรปรับวิธีสอน และการใช้คำ เพราะดูหมิ่นเหม่ สื่อไปทางลามกอนาจาร และขัดต่อหลักศาสนา ซึ่งหากยังเกิดขึ้นอีกก็ต้องหาดำเนินการลงโทษตามหลักต่อไป

          ขณะที่พระพรหมโมลี เจ้าอาวาสวัดพิชยญาติการามวรวิหาร  กล่าวถึงประเด็นนี้ว่า เรื่องที่เกิดขึ้นหากมองจากข้อเท็จจริงแล้วถือว่าไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง เพราะส่งผลกระทบต่อพระพุทธศาสนา ซึ่งจะได้ตักเตือนแม่ชีทศพรให้ระมัดระวังคำพูดต่อไป แต่เชื่อว่าเป็นความผิดพลาดที่เกิดขึ้นจากการขาดความยั้งคิดในการพูดจากับคนทั่วไป

          ด้านนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กล่าวว่า ตนได้กราบนมัสการพระพรหมโมลี เจ้าอาวาสวัดพิชยญาติการามวรวิหาร และได้หารือเรื่องนี้แล้ว ซึ่งเจ้าอาวาสได้ไปว่ากล่าวตักเตือนแม่ชีทศพรแล้ว ซึ่งแม่ชีก็ยอมรับผิด และขอโทษ ทั้งนี้ยอมรับว่า พฤติกรรมของแม่ชีไม่เหมาะสม เพราะไม่ใช่เรื่องของพระพุทธศาสนา แต่ยอมรับว่า มีคนไทยจำนวนมากยังมีความเชื่อเรื่องแบบนี้อยู่ ซึ่งการกระทำของแม่ชี เชื่อว่า เป็นกลอุบายที่ทำให้คนที่มีความทุกข์ ได้สบายใจและหันไปทำความดี

          ส่วนการที่แม่ชีแนะนำหญิงสาวคนหนึ่งนำหอยไปติดที่ประตู เชื่อว่าเป็นการแก้เคล็ด แต่ยอมรับว่า วิธีการสอนของแม่ชีหมิ่นเหม่ในเรื่องการมีเพศสัมพันธ์ อย่างไรก็ตาม เมื่อแม่ชีทศพรขอโทษแล้วก็ให้อภัยได้ เพราะที่ผ่านมา แม่ชีทศพรก็ได้สนับสนุนงานในด้านของพระพุทธศาสนาไว้มากมาย

          สำหรับแม่ชีทศพร มีชื่อเดิมก่อนบวชว่า มาลินี ชัยปกรณ์ ปัจจุบันอายุ 53 ปี ได้บวชชีพราหมณ์อยู่ที่วัดพิชยญาติการามวรวิหาร และมีญาติโยมที่เลื่อมใสศรัทธาแวะเวียนมาฟังธรรมจากแม่ชีทศพรที่วัดอยู่เป็นประจำ โดยเชื่อว่า แม่ชีสามารถสแกนกรรมและแก้กรรมเก่าของตัวเองให้ได้ ซึ่งเพราะเรื่องการแก้กรรมนี่เอง ทำให้แม่ชีทศพรมีผลงานหนังสือเกี่ยวกับเรื่องสแกนกรรมหลายเล่ม





คลิปจากรายการเจาะข่าวเด่น ช่อง 3




อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
       

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ว.วชิรเมธี ชี้คนไทยขาดที่พึ่ง จึงหันหาผู้วิเศษ อัปเดตล่าสุด 1 พฤษภาคม 2554 เวลา 11:57:02 243,942 อ่าน
TOP