ในขณะที่เรากำลังโศกเศร้ากั บการจากไปของนายทหาร 17 ชีวิต ซึ่งพลีชีพจากเหตุที่เกี่ยวเนื่ องกับการปกป้องผืนป่าของแผ่นดิ นไทย และยกย่องให้ท่านทั้งหลายเป็น "ฮีโร่" ของประเทศชาติที่คนไทยจะไม่ลื มเลือน ทว่า...ก็ยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่ งซึ่งอยู่เบื้องหลังภารกิจครั้ งนี้ และเราทุกคนก็ควรจะมอบเสี ยงปรบมือ ส่งกำลังใจ และคำชื่นชมไปให้พวกเขา "เหล่าทีมกู้ภัย" ที่เร่งบุกป่าฝ่าดงรกชัฏ เข้าไปกู้ภัยเฮลิคอปเตอร์ตกด้ วยความหวังที่จะพบผู้รอดชีวิต แม้ว่าในท้ายที่สุดแล้ว "ภารกิจช่วยชีวิต" จะกลับกลายเป็น "ภารกิจพาเพื่อนกลับบ้าน" หลังจากพบว่า ผู้โดยสารเฮลิคอปเตอร์เสียชีวิ ตยกลำ
โดยทีมกู้ภัยชุดนี้ ประกอบด้วยคณะเจ้าหน้าที่ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่ งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่ งกระจาน รวมทั้งเหล่าทหารอีกจำนวนนับร้ อยชีวิต มีนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หรือ พี่ชัยวัฒน์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่ งกระจาน เป็นหัวหน้าชุด ซึ่งหลังจากได้รับแจ้งว่า เฮลิคอปเตอร์ฮิวอี้ตกกลางป่า ณ วันที่ 16 กรกฎาคม พี่ชัยวัฒน์ ได้ตัดสินใจขึ้นเฮลิคอปเตอร์ฝ่ าเมฆหมอกที่มืดทึบไปตรวจดูเหตุ การณ์ด้วยตัวเองทันทีถึง 2 ครั้ง แต่ก็ไม่สามารถเข้าไปยังจุดที่ เฮลิคอปเตอร์ตกได้ เพราะสภาพอากาศเลวร้ายเป็นอย่ างยิ่ง
สุดท้ายแล้ว เจ้าหน้าที่ประมาณ 60 นาย ต้องมาตั้งฐานอยู่ที่เขาพะเนิ นทุ่ง ซึ่งอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุ ประมาณ 15 กิโลเมตร หากบินด้วยเฮลิคอปเตอร์จะถึ งภายใน 5 นาที แต่ทว่า เมื่อเฮลิคอปเตอร์ไม่สามารถเข้ าถึงได้ ทีมกู้ภัยจึงต้องเดินเท้าเข้ าไปแทน และแทบไม่น่าเชื่อว่า แม้แต่ผู้ชำนาญทางแล้ว ก็ยังต้องใช้เวลาเดินอย่างน้ อยถึง 3 วัน
พี่ชัยวัฒน์เองก็เป็นหนึ่งในที มเดินเท้าเข้าไปกู้ภัยในป่า ในฐานะทีมสนับสนุน โดยขนเสบียงอาหาร เวชภัณฑ์ เปลต่าง ๆ เข้าไปในป่าด้วย เพื่อหวังจะใช้ช่วยชีวิตผู้ ประสบเหตุ แต่ทว่า หลังจากใช้เวลาเดินทางหลายวั นเข้าไปถึงจุดเกิดเหตุ พี่ชัยวัฒน์ กลับได้รับรายงานอันน่าสลดว่า ทหารทั้้ง 5 นายเสียชีวิตแล้วทั้งหมด เขาจึงต้องนั่งเฮลิคอปเตอร์กลั บมาที่ฐาน เพื่อเปลี่ยนแผนใหม่เป็นการเตรี ยมอุปกรณ์นำร่างผู้เสียชีวิตกลั บบ้านแทน
จากนั้น ทางเจ้าหน้าที่ได้วางแผนภารกิ จพาเพื่อนกลับบ้านครั้งนี้ไว้ว่ า จะต้องกอบกู้ร่างผู้เสียชีวิตทั ้งหมดมาไว้ที่เนิน 1100 ให้ได้ก่อน เพื่อจะได้นำเฮลิคอปเตอร์เข้ าไปรับที่เนิน 1100 ต่อไป ซึ่งแม้ว่าเนิน 1100 อยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุเพียง 200 เมตร แต่หนทางข้างหน้าช่างยากลำบากนั ก เพราะเจ้าหน้าที่ต้องตัดไม้ไผ่ เป็นรางเลื่อนทำเป็นรอก เพื่อดึงคนและร่างผู้เสียชีวิ ตขึ้นมาด้วยกัน ในที่สุดภารกิจก็สำเร็จในระดั บหนึ่ง เมื่อเจ้าหน้าที่สามารถลำเลี ยงร่างผู้เสียชีวิตมายังเนิน 1100 ได้ แต่ทว่าด้วยสภาพอากาศที่ปิดทั้ งที่เนิน 1100 และเนิน 900 เฮลิคอปเตอร์ที่บินมาจึงไม่ สามารถลงไปรับร่างผู้เสียชีวิ ตได้เลย
และในเวลาต่อมา ในช่วงสายของวันที่ 19 กรกฎาคม เฮลิคอปเตอร์แบล็กฮอว์กนำโดย พล.ต.ตะวัน เรืองศรี ได้ขึ้นบินจากฐาน เพื่อจะเดินทางไปรับร่างผู้เสี ยชีวิตที่เนิน 1100 ขณะที่พี่ชัยวัฒน์กับลูกน้องได้ นั่งเฮลิคอปเตอร์ของกระทรวงทรั พย์ฯตามมาอยู่ห่าง ๆ เพื่อจะลงเนิน 900 แต่ระหว่างที่ฟังวิทยุสื่ อสารบนเฮลิคอปเตอร์ พี่ชัยวัฒน์ก็ได้ยินเสียงวิทยุ สื่อสารผ่านมาจากวิทยุของเครื่ องแบล็กฮอว์กว่า "ยกตัวสูงขึ้น ยกตัวสูงขึ้น" หลังจากสิ้นเสียงนั้นไม่ถึง 10 วินาที เจ้าหน้าที่วิทยุอีกทางก็แจ้ งมาทันทีว่า "แบล็กฮอว์กตกแล้ว" ทำเอาเจ้าหน้าที่ทุกนายรวมทั้ งพี่ชัยวัฒน์ตกใจเป็นอย่างมาก
"หลังจากได้ยินว่าแบล็กฮอว์กตก พี่ชาย (กัปตันเฮลิคอปเตอร์กระทรวงทรั พย์ฯ) วอบอกให้ ฮ.ของกระทรวงเกษตรฯ ที่ตามมากลับไปก่อน แต่ผมบอกให้พี่ชายพาผมลงที่เนิน 900 ให้ได้ เพราะหากเครื่องแบล็กฮอว์กตกแล้ วมีคนรอด ผมจะเป็นความหวัง เพราะลูกน้องของผมมาอยู่หลายวั นแล้ว สภาพร่างกายก็อ่อนล้าเต็มทีแล้ว แต่ถ้าผมอยู่ ผมว่าลูกน้องยังมีกำลังใจได้บ้ าง" พี่ชัยวัฒน์ เผยเหตุการณ์ในขณะนั้น
ในที่สุด เฮลิคอปเตอร์ของกระทรวงทรัพย์ฯ ก็สามารถส่งพี่ชัยวัฒน์ และลูกน้องอีก 2 คน ลงไปยังเนิน 900 ได้สำเร็จ และทันทีที่เท้าแตะพื้น พี่ชัยวัฒน์พร้อมด้วยลูกน้องต่ างเตรียมสัมภาระ เพื่อเดินเท้าไปยังเนิน 1100 ซึ่งห่างกันเพียงแค่ 900 เมตร แต่กลับต้องใช้เวลาเดินนานถึง 5 ชั่วโมงกว่า เนื่องจากภูมิประเทศเป็นหุ บเขาสูงชันกว่า 80-90 องศา โดยที่เนิน 1100 นี้ยังมีลูกน้องของพี่ชัยวัฒน์ และร่างของผู้เสียชีวิต 5 นายรอเฮลิคอปเตอร์มารับกลับอยู่
ทันทีที่ทุกคนทราบว่า แบล็กฮอว์กที่กำลังจะมารั บพวกเขากลับบ้านประสบอุบัติเหตุ ตก ทุกคนต่างใจหายกับเหตุการณ์ที่ เกิดขึ้นซ้ำสอง ณ ตอนนั้น พี่ชัยวัฒน์สั่งการว่า ภารกิจที่จะต้องทำเร่งด่วนขณะนี ้ก็คือ ต้องพาทหารทั้ง 5 นายที่เสียชีวิตกลับไปหาครอบครั วให้จงได้ ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ตาม ซึ่งลูกน้องของพี่ชัยวัฒน์ทุ กคนก็ตกลงจะรวมใจกันจะทำภารกิ จครั้งนี้ให้สำเร็จให้จงได้
ในวันที่ 20 กรกฎาคมนั้นเอง พวกเขาตัดสินใจพาร่างไร้วิ ญญาณของผู้เสียชีวิตทั้ง 5 ท่านแบกขึ้นหลังเจ้าหน้าที่ แบบตัวต่อตัว เดินทางไต่เขา และฝ่าหุบเขาในเส้นทางที่ แสนจะยากลำบาก มุ่งหน้าไปยังเนิน 900 ซึ่งก่อนออกเดินทางในช่วงเช้า พี่ชัยวัฒน์ก็ได้พูดกับร่ างของผู้เสียสละทั้ง 5 ชีวิตด้วยความรู้สึกที่กลั่ นออกมาจากใจว่า
"ขามาผมเดินมา 5 ชั่วโมงครึ่ง แต่ผมนัด ฮ.ไว้ช่วงเที่ยง ผมจะพาท่านกลับบ้าน ท่านต้องพาผมกลับ แต่ถ้าท่านไม่พาผมกลับ ลูกเมียท่านรออยู่นะ ผมจะเดินนำหน้า เบิกทางให้ เปิดเส้นทางใหม่ ดังนั้นขากลับต้องถึงเร็วกว่ าขามา"
และแทบไม่น่าเชื่อว่า หลังจากเริ่มออกเดินทาง ทีมของพี่ชัยวัฒน์กลั บสามารถนำร่างของผู้เสียชีวิ ตเดินทางมาถึงเนิน 900 ได้ภายในเวลาเพียงแค่ 3 ชั่วโมงครึ่งเท่านั้น ซึ่งเขาเชื่อว่า ผู้เสียชีวิตทั้ง 5 นายเป็นคนนำทางให้เขา
"ตลอดเวลาเดินทาง ผมและลูกน้องก็มีการนั่งพักสลั บกัน ซึ่งทุกครั้งที่จะนั่งพักก็ จะบอกกับร่างของผู้เสียชีวิตที่ แบกอยู่ว่า จะนั่งแล้วนะ เราคุยกันตลอดเวลาเหมือนว่ าเขามีชีวิต เขาเป็นเพื่อนเรา เขาเป็นคนหนึ่งที่เราตั้งใจอยู่ แล้วว่า เขาจะมีชีวิตเพื่อกลั บไปหาครอบครัวให้ได้ ความตั้งใจของผมมีแค่นั้น" พี่ชัยวัฒน์ เผย
ในที่สุด ทีมของพี่ชัยวัฒน์ก็ได้นำร่ างของผู้เสียชีวิตมายังเนิน 900 เพื่อรอเฮลิคอปเตอร์มารับ แต่กว่าที่เฮลิคอปเตอร์จะลงมารั บได้ก็ต้องวนอยู่หลายรอบ เพราะสภาพอากาศปิดตลอดเวลา โชคดีที่ยังมีสภาพอากาศเปิดให้ เห็นในช่วงสั้น ๆ และเมื่อโอกาสเช่นนั้นเปิดขึ้น เจ้าหน้าที่ทุกคนต้องทำงานแข่ งกับเวลา เพื่อลำเลียงร่างของผู้เสียชีวิ ตขึ้นเฮลิคอปเตอร์ให้บิ นออกไปให้ได้ ซึ่งก็ทำสำเร็จ เฮลิคอปเตอร์ทั้งสองลำสามารถรั บร่างของผู้เสียชีวิต และทีมของพี่ชัยวัฒน์ส่วนหนึ่ งกลับออกจากเนิน 900 ไปได้อย่างปลอดภัย แม้จะเจอกับกระแสลมหมุนอยู่บ้าง
แม้ว่าภารกิจกู้ร่างผู้เสียชีวิ ตฮิวอี้จะสิ้นสุดลงแล้ว เมื่อร่างของผู้เสียชีวิตทั้ง 5 นาย ได้กลับไปหาครอบครัวที่พวกเขารั ก แต่ภารกิจการกู้ภัยยังไม่จบ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ยั งหาซากเฮลิคอปเตอร์แบล็กฮอว์กที ่ตกในเขตพม่าไม่พบ พี่ชัยวัฒน์จึงได้ประสานไปยังฝั ่งพม่า และชาวกะเหรี่ยงผู้ชำนาญพื้นที่ เพื่อขอความช่วยเหลือ แต่ต้องพบกับความยากลำบากเพิ่ มขึ้นอีก เมื่อได้รับแจ้งว่า พื้นที่ที่จะเข้าไปยังฝั่งพม่ าเต็มไปด้วยกับระเบิด
โดยในวันที่ 21 กรกฎาคม พี่ชัยวัฒน์วางแผนสับเปลี่ ยนกำลังใหม่ เพราะกำลังเดิมที่เข้าป่าไป 4 วันอ่อนล้าเต็มทีแล้ว เนื่องจากต้องเผชิญกั บสภาพ ฝนตกสลับหยุดทั้งคืนกว่า 21 ครั้ง ไม่เห็นแสงแดด แม้แต่จะจุดไฟก็จุดไม่ติด ทานแต่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแห้ง ๆ ทางพี่ชัยวัฒน์จึงต้องนำกำลังชุ ดใหม่ขึ้นไปแทนที่กำลังชุดเดิ มที่รออยู่ที่เนิน 900
เมื่อกำลังชุดใหม่เดินเท้าขึ้ นไปถึงพร้อมกับพี่ชัยวัฒน์ ภารกิจกลับต้องเปลี่ยนแปลงอี กครั้ง เมื่อพี่ชัยวัฒน์ยังไม่ สามารถพาลูกน้องชุดแรกกลั บลง มาได้ เพราะเล็งเห็นว่า เนิน 900 ลงจอด ฮ.ยาก จึงต้องให้ช่วยกันสร้างลานจอด ฮ.ที่เนิน 860 ซึ่งจะหลบลมได้ดีกว่าแทน และให้ลูกน้องชุดแรกอยู่รอที่ เนิน 860 ก่อน ณ วันนั้น พี่ชัยวัฒน์เองก็ทราบดีว่า แม้ลูกน้องทุกคนจะมีหัวใจที่กล้ าแข็ง แต่ก็เหนื่อยล้าอ่อนกำลังเต็มที แล้ว เขาจึงเข้าไปกอดให้กำลังใจลูกน้ อง พร้อมกับยืนยันว่า จะไม่ทิ้งพวกเขาแน่นอน และจะกลับมารับที่เนิน 860 ภายหลัง ซึ่งลูกน้องทุกคนก็เข้าใจเป็ นอย่างดี เพราะเชื่อใจในหัวหน้าคนนี้
พี่ชัยวัฒน์จัดแบ่งหน้าที่ให้ กำลังชุดใหม่ต่าง ๆ กัน ทั้งสร้างลานจอด ฮ. แบกเสบียงอาหารเข้าไปในป่า เพื่อหวังจะให้ผู้รอดชีวิตได้กิ นประทังชีพ จนกระทั่งในวันที่ 23 กรกฎาคม มีรายงานว่า พบร่างผู้เสียชีวิตจากเหตุแบล็ กฮอว์กตกแล้ว และทั้ง 9 ชีวิตเสียชีวิตทั้งหมด คำพูดนี้ฉุดให้กำลั งใจและความหวังของทีมของพี่ชั ยวัฒน์ลดลงราวกับว่าทุกสิ่งที่ ทำมาล้มเหลว แต่เขาก็ยังเดินหน้าจะพาร่ างของผู้เสียชีวิตกลับบ้านให้ ได้เหมือนที่ทำสำเร็จมาแล้วกั บเหตุเฮลิคอปเตอร์ฮิวอี้
แต่ทว่าความยากลำบากของการกอบกู ้ร่างผู้เสียชีวิตครั้งนี้ก็คือ กำลังคนเริ่มร่ อยหรอและหมดสภาพไปมากแล้ว เพราะทั้งเจ้าหน้าที่และทหารอยู ่ในป่ามาหลายวัน ไม่ได้นอน และไม่มีเสบียงอาหาร แต่พี่ชัยวัฒน์เองกลับเป็นคนเข้ าไปปลุกใจทหารว่า "พวกเราต้องทำ ถ้าไม่ทำแล้วใครจะทำ" จากนั้นเขาก็เริ่มลงมือทำทุกอย่ างด้วยตัวเอง ทั้งกอบกู้ศพ แบกของ แบกร่างผู้เสียชีวิต เพื่อจะพาเพื่อนกลับบ้านให้ จงได้ แม้จะไม่เคยคาดคิดมาก่อนในชีวิ ตว่าจะต้องมาทำภารกิจนี้
พี่ชัยวัฒน์ เล่าเหตุการณ์ในช่วงที่ต้องพาร่ างผู้เสียชีวิตจากเหตุแบล็กฮอว์ กตกไปยังเนิน 1100 ว่า เส้นทางรอบนี้หนักหนาสาหัสกว่ าการเดินทางจากจุดที่ฮิวอี้ ตกไปเนิน 1100 เป็นสามเท่า เพราะไกลกว่ามาก อีกทั้งเขาก็สูงชันกว่ามาก แต่ในที่สุด ทุกคนก็สามารถพาร่างของผู้เสี ยชีวิตทั้ง 9 นายมาส่งยังเนิน 1100 และลำเลียงต่อไปยังเนิน 860 ก่อนที่เฮลิคอปเตอร์จะทยอยบิ นมารับร่างของพวกท่านทั้ง 9 คน กลับยังไปศูนย์การฝึกพิเศษแก่ งกระจาน
ในขณะพี่ชัยวัฒน์ และเจ้าหน้าที่ทุกคนกำลังลำเลี ยงร่างของผู้เสียชีวิตจากเหตุ แบล็กฮอว์กตกชุดสุดท้ายขึ้นเฮลิ คอปเตอร์จากเนิน 860 เพื่อจะกลับไปหาครอบครัวที่ศู นย์การฝึกพิเศษแก่งกระจาน พี่ชัยวัฒน์ก็ได้รับข่าวจากวิ ทยุสื่อสารว่า เฮลิคอปเตอร์เบลล์ 212 ตกเป็นครั้งที่ 3
"ตอนนั้นผมกับลูกน้อง และทหารอยู่ที่เนิน 860 กำลังลำเลียงร่างผู้เสียชีวิตขึ ้นเฮลิคอปเตอร์ ทหารทุกนายเมื่อเห็นร่างผู้เสี ยชีวิต ผ่านมาก็จะน้ำตาไหลทุกคน ผมก็บอกเขาว่า ภารกิจใกล้จะจบแล้ว จะหมดแล้ว ทุกคนเต็มที่แล้ว เราทุกคนก็หายเหนื่อย พอได้ยินเสียงว่า ฮ.ตกอีก ทุกคนอุทานขึ้นมาพร้อม ๆ กันว่า "อะไรวะ อะไรอีกวะ" คือทุกคนรับไม่ได้แล้ว มันไม่ไหวแล้วในตอนนั้น แม้แต่ผมเองก็เข่าอ่อน" ...นี่คือความรู้สึกของพี่ชัยวั ฒน์ในขณะนั้น
ขณะที่ ร.อ.สมเกียรติ ศุภวงศ์ ซึ่งเป็นนักบินของเฮลิคอปเตอร์ กระทรวงทรัพย์ฯ และกำลังเตรียมจะบินไปรับร่ างของผู้เสียชีวิตอีก 7 นายสุดท้ายที่ยังอยู่ที่เนิน 860 เมื่อได้ยินข่าวว่า เฮลิคอปเตอร์เบลล์ตกอีกครั้งเป็ นลำที่ 3 เขาก็รู้สึกเสียใจมาก
"ตอนนั้นผมกำลังเช็คเฮลิ คอปเตอร์เตรียมจะขึ้นบิน พอได้ยินข่าวก็เข่าอ่อนเลย ถามไปว่า ทำไมพวกเราต้องไปอีกแล้ว เสียใจมากแม้จะอยู่กันคนละหน่ วยงานก็ตาม แต่ด้วยหน้าที่ยังไงเราก็ต้องบิ นไป เราไม่ทำไม่ได้ ร่างผู้เสียชีวิตยังอยู่ด้านใน เราต้องปฏิบัติ เพราะญาติเขารออยู่" พี่สมเกียรติ บอกความรู้สึกขณะนั้น
ในที่สุด การเดินทางไปรับร่างของผู้เสี ยชีวิตอีก 7 นายที่เนิน 860 ก็ประสบความสำเร็จลงด้วยดี แม้ว่าทุกครั้งที่บินไปกลับล้ วนต้องเผชิญกับความเสี่ ยงจากสภาพอากาศทุกครั้ง ซึ่งก็ทำให้นักบินและผู้ โดยสารบนเฮลิคอปเตอร์ต้องเสี่ ยงตายไม่ต่ำกว่า 30-40 เที่ยว แต่เพราะความตั้งใจจริง ความร่วมมือของทุกฝ่าย และกำลังใจของคนไทยทั่วประเทศก็ ช่วยให้ภารกิจครั้งนี้ผ่านพ้ นไปได้
และหลังจาก "ภารกิจพาเพื่อนกลับบ้าน" เสร็จสิ้น เฮลิคอปเตอร์ก็เดินทางกลับมารั บเจ้าหน้าที่และทหารอีกเกือบร้ อยชีวิตที่ยังรออยู่ยังเนิน 860 เพื่อกลับไปหาครอบครัวของเขาเช่ นกัน ณ วันนั้น พี่ชัยวัฒน์ บอกให้ลูกน้องทุกคนขึ้นเฮลิ คอปเตอร์ไปก่อน ส่วนตัวเขาจะขอกลับออกจากป่ าไปเป็นคนสุดท้าย เพื่อจะไปบวงสรวงบอกลาเจ้าที่ เจ้าทาง ว่า ณ บัดนี้ได้นำร่างผู้เสียชีวิตกลั บทั้งหมดแล้วตามที่ได้ขอไว้ และขอให้ความสูญเสียครั้งใหญ่ เช่นนี้อย่าเกิดขึ้นอีกเลย พร้อมกับให้คำมั่นปฏิญาณด้วยว่า
"เจ้าหน้าที่ทุกนายขอสัญญาว่า จะดูแลป่า จะทำที่อยู่ของท่านให้สวยงาม ให้ป่าสวยสมบูรณ์ เราจะปกป้องป่าแห่งนี้จากภัยคุ กคามต่าง ๆ ตามพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็ จพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่ให้ดูแลรักษาผืนป่าแห่งนี้ ให้อยู่คู่คนไทย ไม่จำเป็นต้องเป็นมรดกโลก แต่ขอให้เป็นมรดกของแผ่นดิน" พี่ชัยวัฒน์ ทิ้งท้าย
และนี่ก็คืออีกหนึ่งฮีโร่ ของคนไทย ซึ่งเปรียบเสมือนบุคคลที่ทำหน้ าที่ "ปิดทองหลังพระ" ในเหตุการณ์อันน่าสลดครั้งนี้ พวกเราทุกคนจึงขอยกย่อง และขอสดุดีคุณชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่ งกระจาน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ และทหารทุกนายนับร้อยชีวิตที่ร่ วมแรงร่วมใจกันปฏิบัติภารกิ จพาเพื่อนกลับบ้านครั้งนี้ แม้ว่าระหว่างทางที่จะไปสู่จุ ดหมายจะต้องเผชิญกับความเสี่ ยงต่อชีวิต และอุปสรรคนานัปการ แต่ในที่สุดพวกเขาก็ทำหน้าที่ ได้อย่างประสบความสำเร็จด้วยหั วใจเกินร้อย
พวกเราจะจดจำคุณงามความดีครั้ งนี้ของพวกท่านไว้ในใจตลอดกาล และขอให้มีแต่สิ่งดี ๆ เกิดขึ้นในชีวิตของพวกท่านทุ กคนค่ะ
ภารกิจพาเพื่อนกลับบ้าน ตอนที่ 1
ภารกิจพาเพื่อนกลับบ้าน ตอนที่ 2
ภารกิจพาเพื่อนกลับบ้าน ตอนที่ 3
คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อน ๆ ได้ที่นี่