พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก Youtube.com โพสต์โดย CiNNtv1
เจาะข่าวเด่น...เจาะลึกกระบวนการของแก๊งคอลเซ็นเตอร์โกงเงินเหยื่อข้าราชการ สูญเกือบ 30 ล้านบาท เผยเครือข่ายคนร้ายมีถึง 85 คน
สืบเนื่องจากกรณีที่วานนี้ (10 มกราคม) มีเหยื่อข้าราชการบำนาญเข้าแจ้งความ หลังจากถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกเงิน โดยอ้างว่าเป็นเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ลวงเหยื่อว่ามีชื่อในบัญชีเครือข่ายฟอกเงินของแก๊งยาเสพติด ต้องโอนเงินไปตรวจสอบกับแบงก์ชาติ จนสูญเงินกว่า 30 ล้านบาท ซึ่งคดีดังกล่าวนี้ถือได้ว่าเป็นการหลอกลวงเงินของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ครั้งที่ใหญ่ที่สุดเลยก็ว่าได้
ล่าสุดเย็นวานนี้ (10 มกราคม) รายการเจาะข่าวเด่น จึงได้สัมภาษณ์ พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ รองเลขาธิการ ปปง. รักษาการแทนเลขาธิการ ปปง. เพื่อสอบถามรายละเอียดคดีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ดังกล่าว รวมถึงขั้นตอนกระบวนการของคนร้ายในการหลอกเงินจากเหยื่อ
โดย พ.ต.อ.สีหนาท ได้เปิดเผยว่า เหยื่อดังกล่าวเป็นคุณป้าวัยประมาณ 70 ปี สำหรับเหตุการณ์การฉ้อโกงเงินนี้ เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม มีโทรศัพท์ซึ่งเป็นเทปเข้ามา บอกคุณป้าว่าขณะนี้คุณเป็นหนี้ธนาคารกสิกรไทยอยู่ 30,000 บาท หากต้องการติดต่อพนักงานกด 0 ซึ่งคุณป้าก็กดตัวเลขติดต่อพนักงานเข้าไป และบอกว่า ไม่ได้ติดหนี้ธนาคาร เพราะเพิ่งจ่ายบัตรเครดิตไป แต่คนร้ายหลอกว่า มีคนเอาบัตรเครดิตคุณป้าไปรูดที่เซ็นทรัลสาขาพระราม 3 สองครั้ง ซึ่งพนักงานที่ลาออกไปแล้วเป็นคนรูด ขณะนี้ถูกจับคดีค้ายาเสพติด และข้อมูลของคุณป้าอยู่ในกลุ่มคนร้ายที่มีการนำเงินไปเปิดบัญชี เพราะฉะนั้นคุณป้าอาจถูกดำเนินคดี พร้อมทั้งกล่าวว่า เดี๋ยวจะมีหน่วยงานต่าง ๆ โทรติดต่อคุณป้าเข้ามา
นอกจากนี้คนร้ายยังได้นำคดีการจับกุมต่าง ๆ และอ้างชื่อบุคคลจากหน่วยงานให้ดูน่าเชื่อถือยิ่งขึ้น พร้อมทั้งบอกให้คุณป้าโอนเงินในบัญชีไปให้ธนาคารแห่งประเทศไทย มิฉะนั้นคุณป้าจะถูกจับและอายัติเงินในบัญชีทั้งหมด โดยสรุปก็คือ คุณป้าต้องไปถอนเงินทั้งหมดออกมาเพื่อเอาเงินไปให้รัฐบาลตรวจสอบ ทั้งที่จริงแล้วบัญชีเหล่านั้นไม่ได้เป็นของธนาคารแห่งประเทศไทยเลย
และสิ่งที่ทำให้คุณป้าเชื่ออย่างสนิทใจเลยนั่นก็คือ คนร้ายรู้ว่าคุณป้ามีเงินบำนาญอยู่ที่บัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง จึงคิดว่าคนร้ายน่าจะเป็นคนในองค์กรดังกล่าวจริง ซึ่งจริง ๆ แล้วคนร้ายอาจจะไม่รู้ก็เป็นได้ แต่คุณป้ามีเงินดังกล่าวอยู่จริง จึงเชื่อและยอมทำตามที่คนร้ายบอกทุกอย่าง
หลังจากนั้นคุณป้าไปถอนเงินจากสหกรณ์ของตนเองออกมา ทยอยถอนเป็นเงินสด และโอนเข้า CDM เครื่องฝากเงินอัตโนมัติ ตั้งแต่วันที่ 21 ธ.ค. 54 4 ม.ค. 55 ทั้งหมด 287 ครั้ง ใน 10 วัน รวม 85 บัญชี เป็นยอดรวมทั้งสิ้น 29 ล้านบาท ทั้งนี้คุณป้าบอกว่า ไม่รู้ตัวเลยว่าถูกหลอก เนื่องจากคนร้ายกระหน่ำโทรเข้ามาตลอดเวลา อีกทั้งยังบล็อคโทรศัพท์คุณป้าไม่ให้โทรออกไปหาใครได้เลย เพราะไม่ว่าจะโทรหาใครโทรศัพท์ก็หลุดตลอดเวลา ดังนั้นจะเห็นได้ว่าคนร้ายไม่ปล่อยให้คุณป้าได้มีสติที่จะคิดอะไรเลย
พ.ต.ต. สีหนาท กล่าวต่อไปว่า หลังจากที่ ปปง. ทราบเรื่องก็ตามอายัติบัญชีที่คุณป้าโอนไปทันที โดยมีเงินเหลืออยู่ประมาณล้านกว่าบาท โดย 85 บัญชีดังกล่าว เป็นเครือข่ายคนร้าย 85 คน ชื่อไม่ซ้ำกันเลย และพบว่ามีการถอนเงินทั้งไทยและไต้หวัน ขณะนี้กำลังขอรายชื่อจากธนาคารว่าใครเป็นผู้ขอเปิดบัญชี ซึ่งแน่นอนว่าคนร้าย 85 คนจะต้องถูกนำตัวมาดำเนินคดี นอกจากนี้ ปปง. ก็เตรียมตรวจสอบธนาคารที่มีการรับโอนว่าเหตุใดจึงไม่มีการรายงานธุรกรรมซึ่งมีจำนวนตัวเลขสูงให้ปปง.ทราบ
อย่างไรก็ตาม พ.ต.ต. สีหนาท กล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า แก๊งคอลเซ็นเตอร์ยังคงมีอยู่เช่นนี้เรื่อย ๆ โดยขณะนี้ ปปง.ก็มีมาตรการป้องกัน ทั้งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบ รวมถึงมีการจัดตั้งกรรมการธุรกรรม โดยจะจับกุมและยึดอายัติทรัพย์สิน ซึ่งเป็นมาตรการปราบปรามอย่างเข้มงวดแล้ว
คลิป รายการเจาะข่าวเด่น : แก๊งคอลเซ็นเตอร์ โกง 30 ล้านบาท 1/2
คลิป รายการเจาะข่าวเด่น : แก๊งคอลเซ็นเตอร์ โกง 30 ล้านบาท 2/2