x close

ภรรยาฝรั่ง ถูก รปภ.บีทีเอส ทำร้าย แจ้งความมีคนโทรขู่


จอห์น บีฮัน


เมียฝรั่งโร่แจ้งความถูกชายลึกลับโทรขู่ (ไอเอ็นเอ็น)


          ภรรยาฝรั่ง ถูก รปภ.บีทีเอส ทำร้ายร่างกาย เดินทางเข้าแจ้งความตำรวจ หลังถูกมือมืดโทรขู่ ขณะที่ต้องการให้ บีทีเอส เผยคลิปภาพทั้งหมด
 
          เมื่อวันที่ 24 มีนาคม น.ส.พัชรมาศ ภู่ศรี ภรรยา นายจอห์น บีฮัน ครูสอนภาษาชาวไอร์แลนด์ ที่เกิดเหตุกระทบกระทั่งกับพนักงานรักษาความปลอดภัยของสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสพร้อมพงษ์ เนื่องจาก รปภ. พยายามขัดขวางและเข้าแย่งลูกโป่งสวรรค์ 4 ลูก เดินทางเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สน.บางโพงพาง เพื่อเป็นหลักฐาน หลังจากที่มีโทรศัพท์จากชายลึกลับคนหนึ่งโทรศัพท์ โดยพูดเป็นภาษาอังกฤษสำเนียงคนไทยข่มขู่ว่าถ้าหาก นายจอห์น เดินทางกลับมาประเทศไทยจะมาทำร้ายตนและสามี โดยชายคนดังกล่าวได้โทรศัทพ์เข้ามาที่โรงเรียนสาทรอินเตอร์เนชั่นแนลสคูล ในช่วงบ่ายวันที่ 23 มีนาคม

          โดย น.ส.พัชรมาศ กล่าวว่า ที่เข้าแจ้งความในวันนี้ เนื่องจากผู้อำนวยการโรงเรียนสอนภาษา ที่สามีทำงานอยู่โทรศัพท์ มาบอกว่า เมื่อช่วงเวลา 14.00 น. วานนี้ มีชายลึกลับโทรข่มขู่ เนื่องจากเกรงว่าจะไม่ปลอดภัยจึงมาแจ้งความไว้ ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยมีเรื่องกับใครมาก่อน แต่หลังจากปรากฏเป็นข่าว ก็ตกเป็นจำเลยของสังคม ส่วนกรณี รปภ. ที่ถูกไล่ออกตนก็รู้สึกไม่สบายใจเช่นกัน นอกจากนี้ ยังต้องการให้ผู้บริหารของรถไฟฟ้าบีทีเอส ออกมาเปิดเผยภาพที่บันทึกเหตุการณ์ทั้งหมด เพราะว่าคลิปที่ปรากฏเป็นเพียงแค่ช่วงหนึ่งของเหตุการณ์ ทั้งนี้ที่ผ่านมาไม่เคยได้รับการเยียวยา และคำขอโทษของทางบีทีเอสเลย พร้อมต้องการรคุยกับผู้บริหารเพื่อเจรจาในเรื่องดังกล่าว






[23 มีนาคม] ภรรยาฝรั่ง ยัน สามีไม่ได้ต่อย รปภ.บีทีเอส ก่อน


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุุกดอทคอม

          วอนสังคมเห็นใจ! ภรรยาฝรั่งยันสามีไม่ได้ต่อย รปภ.บีทีเอสก่อน บอกคลิปถ่ายแค่ รปภ.ถูกทำร้าย แต่ที่จริงคือสามีถูกทำร้ายก่อนแล้วโมโหจึงลงมือกลับ

           จากเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทกันระหว่าง นายประสาน ถาวงษ์กลาง พนักงานรักษาความปลอดภัยของรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีพร้อมพงษ์ และ นายจอห์น บีฮัน อายุ 37 ปี ครูสอนภาษาชาวไอร์แลนด์ กรณีที่นายจอห์น ได้นำลูกโป่งเข้ามายังสถานีบีทีเอส ซึ่งเป็นหนึ่งในของต้องห้ามที่ห้ามนำเข้ามาในสถานี เนื่องจากลูกโป่งเป็นวัตถุไวไฟ อาจจะก่อให้เกิดอันตรายได้ แต่ทั้งนี้ นายจอห์น อ้างว่า ได้นำลูกโป่งเข้าสถานีอื่น ๆ แต่ไม่ได้ถูกห้ามแต่อย่างใด เมื่อมาถึงที่สถานีพร้อมพงษ์ กลับถูกห้าม จึงเกิดบันดาลโทสะลงไม้ลงมือทำร้ายร่างกายกันท่ามกลางผู้คนมากมาย จนนายจอห์นได้รับบาดเจ็บ ซึ่งมีคนสามารถบันทึกภาพได้ และกลายเป็นคลิปที่ถูกวิจารณ์อย่างกว้างขวาง ตามที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น 

           ล่าสุด วานนี้ (22 มีนาคม) นายจอห์น พร้อมนางพัชรมาศ ภู่ศรี ภรรยา ได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.รัฐศักดิ์ รักสลาม ผกก.สน.ทองหล่อ โดยนำหลักฐานเป็นเสื้อผ้าที่สวมในวันเกิดเหตุ และเอกสารการศึกษาของลูกสาวมามอบให้ด้วย  โดยนางพัชรมาศ กล่าวว่า ตนอยู่ในเหตุการณ์วันนั้นด้วย ยอมรับว่าวันเกิดเหตุสามีและ รปภ.มีปากเสียงกันจริง แต่สามีของตนไม่ได้ลงมือทำร้ายใครก่อนแน่นอน ส่วนที่เหตุจากวิดีโอคลิป ที่ดูเหมือนว่า สามีของตนพยายามทำร้ายเจ้าหน้าที่ แต่ความเป็นจริงแล้ว เป็นภาพของสามีตนโมโหที่ถูก รปภ.ตีจนเลือดออกก่อน จึงอยากให้สังคมเข้าใจด้วย 

           นางพัชรมาศ กล่าวต่อว่า ตั้งแต่เกิดเรื่องวันนี้เพิ่งได้รับการติดต่อจากผู้บริหารของบีทีเอส โดยผู้บริหารได้กล่าวขอโทษ และพร้อมที่จะเยียวยาสภาพจิตใจให้ครอบครัว โดยเฉพาะลูกสาวที่เห็นเหตุการณ์พ่อถูกทำร้ายตั้งแต่ต้น แต่ทั้งนี้ ผู้บริหารกลับไมได้บอกว่าจะรับผิดชอบเรื่องที่ได้บาดเจ็บแต่อย่างใด ทั้งที่สามีของตนถูกทำร้ายจนเย็บที่คิ้ว 4 เข็ม กลางศีรษะอีก 6 เข็ม รวมทั้งหมด 10 เข็ม

           ส่วนทางด้าน นายจอห์น ได้โชว์ร่องรอยและบาดแผลการถูกทำร้าย พร้อมกับกล่าวว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนไม่ได้ทำผิด เนื่องจากไม่ทราบว่า การนำลูกโป่งขึ้นมายังสถานีไม่ได้ เพราะสถานีก่อนหน้าที่จะถูกทำร้าย เจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้ห้าม จึงรู้สึกว่า เจ้าหน้าที่บีทีเอสพร้อมพงษ์กระทำการรุนแรงเกินกว่าจะเป็นการรักษาความปลอดภัย นอกจากนี้ เหตุการณ์ดังกล่าว ยังทำให้ตนได้รับบาดเจ็บ ต้องหยุดงานหลายวัน แต่ที่สำคัญมากที่สุดก็คือ ลูกสาวของตนได้รับความกระทบกระเทือนทางด้านจิตใจ เพราะเห็นตนถูกทำร้ายและร้องไห้เสียงดังตลอดเวลา ถึงแม้ว่า ทางบีทีเอสจะติดต่อมาเพื่อแสดงความเสียใจ พร้อมมอบกระเช้า แต่ก็ไม่สามารถชดเชยความรู้สึกที่เสียไปได้

           อย่างไรก็ตาม ผกก.สน.ทองหล่อ กล่าวว่า เบื้องต้นตำรวจจะทำการสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง พร้อมให้ผู้เสียหายดูภาพจากกล้องวงจรปิด ส่วนการแจ้งข้อกล่าวหานั้น ต้องรอผลการสอบปากคำและผลตรวจร่างกายจากแพทย์ เพื่อที่จะสามารถแจ้งข้อหาว่าเป็นการทำร้ายร่างกายในระดับใด ยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย พร้อมระบุว่า เรื่องดังกล่าวเกิดจากการสื่อสารไม่เข้าใจกันมากกว่า เพราะต่างฝ่ายต่างต้องการทำหน้าที่ของตนเอง และอาจจะเจรจาเพื่อยอมความกันได้





คลิป ฝรั่งยันรปภ BTS ตี - รปภ.แฉด่าหยาบ



คลิป เอกสารชี้แจงจาก BTS ฝรั่งถูกตี



คลิป BTS ย้ายยกชุด รปภ แฉสุดทน ด่าหยาบ



อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
  



[22 มีนาคม] ตำรวจเล็งแจ้งข้อหา รปภ. ทำร้ายร่างกายชาวต่างชาติ





 เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

          ผู้บริหารบีทีเอส สั่งย้าย รปภ.คนก่อเหตุทำร้ายชาวต่างชาติ พร้อมเตรียมเอาผิดเจ้าหน้าที่ปล่อยปละละเลยยกชุด ด้านตำรวจเตรียมนัด 2 ฝ่ายคุย เล็งแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายกับ รปภ. เพราะทำเกินกว่าเหตุ

          วันนี้ (22 มีนาคม) ดร.อาณัติ อาภาภิรม กรรมการบริหารบริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ บีทีเอส กล่าวถึงกรณีเหตุทะเลาะวิวาท ระหว่าง นายประสาน ถาวงษ์กลาง พนักงานรักษาความปลอดภัยของรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีพร้อมพงษ์ และครอบครัวของนายจอห์น บีฮัน ครูสอนภาษาชาวไอร์แลนด์ ว่า จากการตรวจสอบในเบื้องต้น ทราบว่า ครอบครัวของชายชาวต่างชาติไปฉลองลูกสาวจบการศึกษา ชั้นอนุบาล 3 และในมือถือช่อตุ๊กตาและลูกโป่ง 5 ใบ ขึ้นมาจากสถานีสุรศักดิ์ และมาเปลี่ยนรถที่สถานีสยาม เพื่อไปสายสุขุมวิท ไปลงที่สถานีพร้อมพงษ์ เพื่อไปรับประทานอาหาร จากนั้นก็ได้ขึ้นมาอีกรอบ เมื่อพนักงานรักษาความปลอดภัย เห็นว่ามีการถือลูกโป่งเข้ามา เกรงว่าจะเป็นอันตรายกับผู้โดยสารท่านอื่น จึงเข้าไปห้ามปราม แต่ก็มีการทะเลาะวิวาทกันตามที่ปรากฏในคลิป

          จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทางบีทีเอส จะดำเนินการใน 3 ด้าน คือ ทางด้านคดีก็เป็นหน้าที่ของตำรวจ เพราะทั้ง 2 ฝ่าย มีสิทธิ์ที่จะแจ้งความดำเนินคดี เนื่องจากเป็นผู้เสียหายทั้งคู่ ส่วนที่ 2 คือ การตรวจสอบทางวินัยของพนักงาน ซึ่งทางบริษัทก็จะลงโทษทางวินัย และส่วนสุดท้าย คือ บีทีเอส พร้อมที่จะเยียวยา เพื่อให้ฝ่ายผู้โดยสารเกิดความสบายใจขึ้น แต่ไม่เกี่ยวกับรูปคดี

          ดร.อาณัติ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ได้สั่งย้ายพนักงานรักษาความปลอดภัยคนดังกล่าว ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ ที่รับจ้างภายนอก ให้ออกจากระบบของบีทีเอสแล้ว ขณะที่บริษัทจะได้สอบสวนพนักงานที่ปล่อยปละละเลย และมีส่วนร่วมทำให้ผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บ เพื่อลงโทษทางวินัยขั้นสูงสุดต่อไป

          ด้าน พ.ต.อ.รัฐศักดิ์ รักสลาม ผู้กำกับการ สน.ทองหล่อ กล่าวว่า ล่าสุดทางคู่กรณีทั้ง 2 ฝ่าย ได้แจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สน.ทองหล่อ แล้ว ขั้นตอนต่อไปเตรียมจะเรียกคู่กรณีทั้ง 2 ฝ่ายมาสอบปากคำเพิ่มเติม รวมถึงเตรียมประสานกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือ ICT เพื่อติดตามคนที่โพสต์คลิปในยูทูบ มาสอบสวนในฐานะพยานที่เห็นเหตุการณ์ในที่เกิดเหตุด้วย โดยในตอนนี้ กำลังอยู่ระหว่างรอผลการตรวจร่างกายของนายจอห์น จากโรงพยาบาลตำรวจ และตนจะนัดคู่กรณีทั้งสองมาพบพร้อมกัน เพื่อจะได้พูดคุยทำความเข้าใจกัน ซึ่งตนจะเป็นคนกลางให้ แต่ในส่วนของคดีก็ต้องดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

          อย่างไรก็ตาม ผู้กำกับการ สน.ทองหล่อ เปิดเผยอีกว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น ซึ่งตนได้เห็นคลิปทางยูทูปแล้ว เข้าใจว่าน่าจะเป็นการสื่อสารที่ผิดพลาดกันมากกว่า จนทำให้เกิดปัญหาขึ้น

          ด้าน พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวจะให้พนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ เรียกคู่กรณีทั้ง 2 ฝ่าย มาสอบปากคำเพิ่มเติม โดยคดีนี้ไม่มีอะไรซับซ้อน เป็นเพียงคดีทำร้ายร่างกายกันตามธรรมดา

          ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ยังระบุว่า อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ หรือ รปภ. ก็ไม่มีสิทธิไปทำร้ายใคร แม้ว่าอีกฝ่ายจะทำผิดกฎ ก็ทำได้เพียงกล่าวตักเตือน ห้ามปราม เเละไม่ให้เข้าไปใช้บริการเท่านั้น ดังนั้น เบื้องต้นจะให้เจ้าหน้าที่เรียก รปภ.คนดังกล่าว มารับทราบข้อกล่าวหาทำร้ายร่างกายไว้ก่อน และต้องรอผลการตรวจร่างกายของชายชาวต่างชาติจากแพทย์ด้วยว่า ได้รับบาดเจ็บมากน้อยเพียงใด




คลิป ชายต่างชาติทะเลาะกับ รปภ. บน BTS พร้อมพงษ์





อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
    



[21 มีนาคม] วิจารณ์แซ่ด ฝรั่งทะเลาะ รปภ.บน BTS ใครผิด-ถูก?







เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก Youtube.com โพสต์โดย DrummondinBangkok

           ชาวเน็ตวิจารณ์แซ่ด! ใครผิดใครถูก? คลิปชายต่างชาติทะเลาะ รปภ. บน BTS พร้อมพงษ์ เหตุถูกห้ามไม่ให้นำลูกโป่งเข้าในสถานี ด้านภรรยาชาวไทยโพสต์ข้อความแจง รปภ.ทำเกินกว่าเหตุ เพราะรุมทำร้ายสามีจนเลือดอาบ

           ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ได้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในอินเทอร์เน็ต หลังจากมีผู้ใช้นามแฝงว่า DrummondinBangkok โพสต์คลิป "Bloodied foreigner at BTS" ความยาว 3.30 นาที ในเว็บไซต์ยูทูป ปรากฏให้เห็นภาพของชายชาวต่างชาติคนหนึ่งถูก พนักงานของสถานีรถไฟฟ้า BTS เรียกตัวไว้ไม่ให้เข้าไปภายในสถานี แต่ชายคนดังกล่าวพยายามอาละวาด กระทั่งทะเลาะกันถึงขั้นลงไม้ลงมือกับ รปภ. จนชายชาวต่างชาติได้รับบาดเจ็บ และมีพนักงาน รวมทั้งเพื่อนของชายชาวต่างชาติเข้ามาห้ามไว้

         ทั้งนี้ คลิปดังกล่าวได้สร้างความสงสัยให้กับผู้ที่เห็นเป็นอย่างมากว่าแท้จริงแล้วเกิดอะไรขึ้นในสถานีรถไฟฟ้าพร้อมพงษ์วันนั้น จนมีคนนำเรื่องดังกล่าวไปสอบถามใน เว็บบอร์ดของรถไฟฟ้า BTS ในหัวข้อ "เกิดอะไรขึ้นที่ BTS พร้อมพงษ์เวลาประมาณ 2 ทุ่มครึ่ง"

           จากนั้น ได้มีผู้ใช้ชื่อล็อกอินว่า "หนูด่วน" ซึ่งคาดว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรถไฟฟ้า BTS เข้ามาโพสต์ข้อความชี้แจงว่า

           "เนื่องจากในช่วงเวลาดังกล่าวมีผู้โดยสารชาวต่างชาติถือลูกโป่งหลายใบ ต้องการเข้าระบบและไม่จ่ายเงินซื้อตั๋วโดยสาร โดยลักลอบเดินเข้าไปข้างในระบบ เนื่องจากเป็นการฝ่าฝืนระเบียบข้อห้ามที่ไม่อนุญาตให้ผู้โดยสารนำลูกโป่งทุกชนิดเข้าสู่ระบบได้ไม่เกินท่านละ 1 ใบ และต้องเป็นลูกโป่งที่ไม่มีขนาดใหญ่จนกีดขวางหรือเป็นอุปสรรคต่อการเดินทางของผู้โดยสารท่านอื่น ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยและไม่กีดขวาง หรือเป็นอุปสรรคต่อการเดินทางของผู้โดยสารท่านอื่น ดังนั้นเจ้าหน้าที่จึงตัองเข้าไปชี้แจงและตักเตือน แต่ผู้โดยสารชาวต่างชาติไม่ยอมรับฟัง และทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ เพื่อเป็นการควบคุมสถานการณ์ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะมา ดังนั้นรปภ.จึงจำเป็นจะต้องรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่และป้องกันตนเองครับ โดย หนูด่วน"

           ขณะที่ในเว็บไซต์หลายแห่ง ก็ได้มีผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้น ได้เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยระบุว่า เห็นชายชาวต่างชาติซึ่งมากับภรรยา ลูกสาว และเพื่อนอีกคน ยืนเถียงอยู่กับพนักงานที่กำลังอธิบายว่า ไม่อนุญาตให้นำลูกโป่งเข้าไปภายในสถานีได้ แต่ชายชาวต่างชาติกลับไม่ฟัง และอาละวาดอย่างรุนแรง ด้วยแววตาและน้ำเสียงดุดัน กระทั่งจะทำร้ายพนักงานผู้หญิง ทำให้ รปภ.ของสถานีรถไฟฟ้าใช้กระบองตีชายต่างชาติคนนั้น พร้อมกับยืนยันด้วยว่า ก่อนที่ชายชาวต่างชาติจะมีเรื่องกับพนักงานบนสถานีรถไฟฟ้าก็ได้รับบาดเจ็บที่ดวงตามาก่อนหน้านั้นแล้ว ไม่ใช่เป็นเพราะ รปภ.ทำร้ายชายต่างชาติจนเลือดอาบอย่างที่คนวิจารณ์กัน

           อย่างไรก็ตาม เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ก็ได้มีผู้ใช้ชื่อล็อกอินว่า Zvezdy โพสต์กระทู้ จากใจภรรยาและแม่ ที่สามีถูกรปภ.BTS รุมทำร้ายต่อหน้าลูก! ในเว็บไซต์พันทิป อธิบายถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น ดังนี้

มาโพสแทนพี่สาวเจ้าของเรื่องค่ะ

           ขออภัยถ้าผิดห้อง เพราะอยากให้ทุกคนรับทราบ และถ้าใครมีรูปถ่ายที่เห็น หรืออยู่ในเหตุการณ์ หรือรู้จักผู้อยู่ในเหตุการณ์ ขอความกรุณาท่านติดต่อมาเผื่อขอรูปถ่ายเหล่านั้นไว้เป็นหลักฐาน ขอบคุณมากค่ะ

           ด้วยดิฉัน พัชรมาศ ภู่ศรี เป็นภรรยาของนาย จอห์น บีฮัน (Mr. John Behan) สัญชาติไอร์แลนด์ และมารดาของเด็กหญิง เขตมณี บีฮัน อายุ 7 ปี ซึ่งเป็นผู้โดยสารรถไฟฟ้า BTS ในวันที่ 16 มีนาคม 2555 และได้เห็นเหตุการณ์ที่สถานีพร้อมพงษ์ ขณะไปที่เกิดเหตุหลังจากได้รับโทรศัพท์แจ้ง

           - สามีในสภาพเลือดไหลโชกที่ศีรษะ หัว และเสื้อเชิ้ต แต่มือยังถือช่อตุ๊กตาหมีสีชมพู และลูกโป่งจำนวน 4 ลูก กระเป๋านักเรียนของลูกสาวและกระเป๋าตัวเอง พื้นของสถานีเลอะไปด้วยเลือด

           - ลูกสาวในชุดนักเรียนอนุบาลที่เปื้อนเลือด ร้องไห้ สีหน้าตกใจและเสียขวัญอย่างที่สุด

           - เพื่อนของสามีซึ่งเป็นอาจารย์สอนที่โรงเรียนเดียวกัน (และได้อุ้มลูกสาวของดิฉันไว้ในขณะที่สามีถูกรุมทำร้าย)

           - ชายชาวต่างชาติได้มายืนอยู่เป็นเพื่อนสามี โดยที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่ได้เห็นเหตุการณ์โดยตลอด (ให้ E-mail ไว้และยังติดต่อมาถามถึงอาการบาดเจ็บด้วยความห่วงใย) ได้ช่วยเรียกรถแท็กซี่เพื่อไปโรงพยาบาลสมิติเวชให้

           - รอบตัวรายล้อมด้วยเจ้าหน้าที่และรปภ.ของ BTS พร้อมพงษ์ จำนวน 8-10 คนมีผู้โดยสารที่อยู่ในบริเวณรถไฟฟ้าบางท่านเห็นเหตุการณ์และถ่ายรูปไว้ เมื่อไปถึงได้สอบถามว่าเกิดอะไรขึ้น พนักงานของรถไฟฟ้าผู้หนึ่งแจ้งว่าชายชาวต่างชาติคนนี้อาละวาด ทำลายข้าวของ ทำร้ายพนักงานรปภ. และได้แจ้งตำรวจแล้ว ตำรวจก็มาแล้ว บอกให้กลับไปก็ไม่ไป ถ้าไม่ไปจะแจ้งตำรวจมาจับ ติดคุกนะ ตำรวจก็บอกให้กลับไปเห็นมั้ย! มีคนมุงดูกันใหญ่

           - สามีจะพูดอธิบาย แต่ดิฉันได้ขอร้องให้เขาไปโรงพยาบาลก่อนเพื่อห้ามเลือด ซึ่งมองเห็นรอยแตกชัดเจน รอยแตกบวมจนเป่งปิดนัยตา แทบมองไม่เห็น ฉันช่วยเขาถือกระเป๋านักเรียนของลูก ช่อตุ๊กตาหมี ลูกโป่ง แต่เขายังยืนยันจะถือกระเป๋าตนเอง และเมื่อไปถึงโรงพยาบาล เขาอุ้มลูกและปลอบใจลูกสาวว่าไม่เป็นไร พ่อไม่เป็นไร ลูกสาวได้พูดบอกเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลว่า พ่อถูกรุมทำร้าย พ่อสู้ไม่ได้ ตั้งหลายคนรุมตีพ่อ หนูตกใจมาก ร้องไห้ ร้องบอกให้หยุด หยุดตีพ่อ ช่วยด้วย ช่วยพ่อด้วย เรียก daddy ซ้ำ ๆ.. เลือดสามีไหลมากๆ ลูกสาวจะไม่ยอมห่างพ่อเลย แม้นางพยาบาลจะไม่อยากให้เข้าห้องปฐมพยาบาล แต่ก็ใจด่อนให้เข้าไปส่งพ่อได้และให้ออกมารออยู่ด้านนอก

           - จากนั้นทำเรื่องย้ายขากโรงพยาบาลสมิติเวช มาโรงพยาบาลตำรวจ วันที่ 17 มีนาคม 2555 จึงได้มาลงบันทึกประจำวันที่สถานีตำรวจนครบาลทองหล่อ และได้ทราบว่ารปภ.ของรถไฟฟ้า BTS ได้มาแจ้งความว่าถูกชาวต่างชาติทำร้ายร่างกายไว้แล้วเมื่อ 16 มีนาคม 2555 เวลา 19.30 น.

           - ดิฉันจึงขอแจ้งความเพื่อขอดู CCTV ที่บก.สยาม

           - ไปดู CCTV ที่บก.สยาม กับสามี (Mr. John Behan) ลูกสาว (เด็กหญิง เขตมณี บีฮัน) คุณแม่ดิฉันและเพื่อนรวม 5 คน ซึ่งได้ดูการขึ้นลง-เข้าออก BTS ของสามีกับลูกสาว ตั้งแต่สามีไปรับลูกสาวที่โรงเรียน พามาขึ้นรถไฟฟ้าที่สถานีสุรศักดิ์ – เปลี่ยนเส้นทางที่สถานีสยาม ขึ้นรถที่สถานีสยาม มาลงที่สถานีพร้อมพงษ์ ออกไปร้านอาหารเพื่อแสดงความยินดีกับลูกสาวในวันจบการศึกษา ชั้นอนุบาลสาม โดยทานอาหารกับลูกสาวและเพื่อนของสามีซึ่งเป็นครูชาวต่างประเทศที่สอนอยู่ในโรงเรียนเดียวกันกับสามี 

           จากนั้นพาลูกมาขึ้นรถที่สถานีพร้อมพงษ์ เพื่อกลับบ้านที่สถานีอารีย์ แต่รปภ.บอกว่าเอาลูกโป่งไปไม่ได้ ห้ามเอาลูกโป่งขึ้นรถไฟฟ้าเกิน 1 ใบ สามีได้พยายามอธิบายว่าวันนี้เป็นวันจบการศึกษาชั้นอนุบาล 3 ของลูกสาว เป็นของขวัญ ของแสดงความยินดีที่คุณครูและผู้ปกครองของเพื่อนให้ลูกสาวมา มีความสำคัญมากต่อจิตใจของลูก ขอความกรุณาให้นำไปด้วย แต่รปภ.ไม่ยินยอม ไม่เข้าใจถึงความสำคัญของลูกโป่ง ถึงอย่างไรก็ให้ผ่านไปไม่ได้

           สามีพยายามอธิบายว่าผ่านขึ้นลงมาตั้งหลายสถานีไม่เห็นมีอะไร ก็ผ่านมาได้ จนจะเดินทางกลับบ้านแล้ว ทำไมจึงจะเอาลูกโป่งไปไม่ได้? พนักงานสถานีออกมาบอกว่าจะผ่านไปต้องเอาลูกโป่งทิ้งถังขยะ สามีไม่ทิ้งและพยายามจะผ่านเข้าทางพิเศษสำหรับผู้พิการ แต่เจ้าหน้าที่ก็ไม่ยอม มีการฉุดดึง เสียงดัง และสามีเหวี่ยงลูกโป่งลงถังขยะ และเตะถังขยะสีดำล้มคว่ำ ลูกโป่งลอยเข้าไปในสถานี แม่บ้านโยนออกมา ผ่านเข้ามาได้ และขึ้นบันได

           ตอนกำลังจะเข้าไปในตัวรถไฟฟ้า ถูกกระชากออกมาจากตัวรถไฟฟ้า มีลูกสาวยืนอยู่ติดกัน เห็นรปภ.และเจ้าหน้าที่รถ BTS พร้อมพงษ์ รุมทำร้ายร่างกาย กระหน่ำตี!!

ขอถามว่า :

         1. มาตรฐานการรักษาความปลอดภัยของคุณ (รถไฟฟ้า BTS) มีอย่างไร? ทำไมแต่ละสถานีไม่เหมือนกัน ทำไมถ้าลูกโป่งเอาขึ้นรถไฟฟ้าเกิน 1 ลูกไม่ได้ แต่สถานีสุรศักดิ์ เดินสวนกับรปภ. ก็ไม่เห็นมาอธิบายหรือห้ามแต่อย่างใด จนมาถึงสถานีสยาม และขาออกสถานีพร้อมพงษ์ ก็ไม่ถูกห้าม สามารถออกได้เหมือนผู้โดยสารปกติ
 
         2. มาตรฐานการระงับเหตุในแต่ละระดับความร้ายแรง

            2.1 สามีไม่มีอาวุธใด ๆ ไม่ได้เมาสุรา มากับลูกสาวในวันแห่งความยินดี

            2.2 การระงับเหตุหากคุณเพียงล็อกตัว หรือถ้าอาละวาดไม่หยุด คุณใส่กุญแจมือ แล้วเรียกตำรวจมาเพื่อแจ้งข้อกล่าวหา ถ้าทำลายข้าวของหรือทรัพย์สินของ BTS ก็จะสมควรแก่เหตุ แต่ทำไมต้อง

                      • ทุบตีด้วยเครื่องตรวจอาวุธที่เป็นโลหะ มิใช่กระบองที่เป็นอุปกรณ์ประจำตัวของรปภ.ในการรักษาความปลอดภัย

                      • ทุบตีเกินสมควรแก่เหตุ ต่อหน้าต่อตาลูกสาว ซึ่งเป็นการกระทำที่รุนแรงต่อจิตใจของลูกสาวอย่างที่สุด ถ้าคุณเห็นใครรุมตีบุพการีของคุณ คุณจะรู้สึกอย่างไร?

           (โปรดอธิบาย ขอคำอธิบายถึงสภาพจิตใจของคุณด้วยอย่างละเอียด เพื่อคุณจะได้เข้าใจถึงจิตใจลูกสาวของดิฉันที่เห็นพ่อถูกรุมทุบตีจากรปภ.และเจ้าหน้าที่ของคุณว่าเจ็บปวด ทรมาน เพียงใด ร้องไห้ขอให้คนช่วยพ่อ ห้ามให้หยุดตีพ่อ พ่อที่ทำหน้าที่พ่อถือดอกไม้แสดงความยินดี ช่อลูกหมี ลูกโป่งให้ลูก แล้วพ่อผิดมากมายถึงขั้นต้องทุบตีขนาดนี้เลยหรือ? (ช่วยตอบคำถามของเด็กหญิงอนุบาล 3 อายุ 7 ปีด้วยค่ะ ว่าพ่อหนูทำผิดมากขนาดนั้นเลยหรือ?)

           หนูรู้สึกเสียใจและรู้สึกผิดมาก ๆ ที่ให้พ่อช่วยถือให้ ทำให้พ่อถูกรุมตี หนูกลัวพ่อเจ็บ กลัวพ่อตาย และคิดว่าถ้าหนูถือเองเขาจะรุมตีหนูไหม? Daddy จะช่วยเขตมณีสู้ได้มั้ย เขาจะตีหนูแบบที่ตีพ่อไหม?! หรือว่าพ่อหนูผิดยิ่งกว่าผู้ก่อการร้ายที่แม้แต่ตำรวจยังป้องกันในการทำแผนไม่ให้โดนประชาชนรุมทำร้าย แล้วพ่อหนูทำอะไร? มีวาวุธอะไร? ทำไมถึงทำกับ daddy แบบนี้?

           บาดเจ็บร่างกายรักษาแล้วหายได้ บาดเจ็บจากจิตใจจะทำอย่างไร? และถ้าการตีหรือเครื่องตรวจโลหะนั้นพลาดมาตีโดนลูกสาวดิฉัน คุณจะทำอย่างไร? ใครจะรับผิดชอบ?

           2.3 หากสามีของดิฉันต้องพิการหรือตาย เพราะการรักษาความปลอดภัยของคุณ ใครคือคนที่จะต้องรับผิดชอบ เพราะสามีของดิฉันเป็นผู้นำของครอบครัว คำพูดที่เจ้าหน้าที่พูดว่าสามีทำร้ายร่างกายรปภ.ก็เป็นการโกหกต่อหน้าเด็ก และยังรายงานเท็จต่อผู้บริหาร แจ้งความเท็จต่อสถานีตำรวจ เช่น

           - ผู้โดยสารอาละวาด ทำลายข้าวของ

           - ผู้โดยสารทำร้ายรปภ. บีบคอ รปภ.

           - ผู้โดยสารไม่ชำระค่าโดยสาร

           ฯลฯ

           ที่แจ้งเท้จเพื่อให้สถานีพร้อมพงษ์เป็นฝ่ายถูก ผู้โดยสารเป็นฝ่ายผิด และยังไร้มนุษยธรรม ไม่เรียกหน่วยปฐมพยาบาลมาช่วยห้ามเลือด ทำแผลให้ในระหว่างรอภรรยามาที่สถานี (ถ้าดิฉันไม่ได้อยู่ในกทม. สามีคงเลือดไหลไม่หยุด และอาจเป็นอันตรายถึงเสียชีวิต)

           ดิฉันเห็นแล้วสงสารสามี สงสารลูกสาวมาก สงสารสุดใจ ไม่คิดว่าการตัดสินใจพาครอบครัวเดินทางกลับมาอยู่ประเทศไทย (บ้านเกิด) จะทำให้สามีต้องมาเจอกับเหตุการณ์แบบนี้ แบบที่ไม่คิดว่าจะเกิดได้กับการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าบีทีเอส ที่เป็นผู้โดยสารแบบซื้อตั๋วโดยสารรายเดือน เป็นผู้โดยสารมาตั้งแต่มาอยู่ประเทศไทย มีใบอนุญาตทำงาน เป็นอาจารย์สอนที่โรงเรียนนานาชาติแห่งหนึ่ง ที่ต้องเดินทางไปกลับด้วยรถไฟฟ้าประจำจากบ้านที่สถานีอารีย์ สถานีสุรศักดิ์ ฯลฯ แต่กลับมาถูกกล่าวหาจากสถานีพร้อมพงษ์ว่าผ่านโดยไม่ชำระค่าโดยสาร ซึ่งนอกจะถูกทำร้ายร่างกายแล้ว ยังมาหมิ่นประมาทดูถูกว่าค่าโดยสารก้ไม่จ่าย ซึ่งขอชี้แจงว่า ขอให้ทำการตรวจสอบตั๋วเดือน และตั๋วโดยสารของลูกสาวที่ซื้อผ่านเข้าสถานีพร้อมพงษ์ก็ยังไม่ได้ผ่านออก (ตอนนี้ก็ยังเก็บไว้เป็นที่ระลึก 16 มีนาคม 2555 รถไฟฟ้ามหาโหด)

           ทั้งนี้ คุณ Zvezdy ได้ระบุในตอนท้ายด้วยว่า จำเป็นต้องออกมาชี้แจงเรื่องดังกล่าว เพราะในเว็บบอร์ดของ BTS มีการชี้แจงถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นอย่างผิด ๆ

           อย่างไรก็ตาม ได้มีชาวเน็ตจำนวนมากเข้ามาตอบกระทู้ดังกล่าว โดยส่วนใหญ่ให้กำลังใจ พร้อมกับระบุว่า หาก รปภ.รุมทำร้ายชายชาวต่างชาติจริง ก็เป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ แต่ถึงกระนั้น ก็เป็นคนละประเด็นกับกฎระเบียบที่ห้ามนำลูกโป่งเข้าภายในสถานีรถไฟฟ้า เนื่องจากลูกโป่งเป็นแก๊ส และถือเป็นสิ่งของอันตราย ที่อาจทำให้เกิดอันตรายขึ้นได้ ส่วนกรณีที่ รปภ. สถานีอื่น ไม่ได้ห้ามนำลูกโป่งเข้าไปนั้น ถือเป็นความบกพร่องของ รปภ.ประจำสถานีนั้นที่ไม่รักษามาตรฐานความปลอดภัย

           นอกจากนั้นแล้ว ผู้ตอบกระทู้หลายคนยังได้เรียกร้องให้พิสูจน์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ด้วยการไปดูภาพจากกล้องวงจรปิดภายในสถานีรถไฟฟ้าพร้อมพงษ์ เพื่อความชัดเจน เนื่องจากทั้งสองฝ่ายต่างให้ข้อมูลที่ขัดแย้งกัน แต่ภายหลัง คุณ Zvezdy ได้โพสต์ข้อความว่า ทางสถานีรถไฟฟ้าปฏิเสธที่จะให้ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด



เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ภรรยาฝรั่ง ถูก รปภ.บีทีเอส ทำร้าย แจ้งความมีคนโทรขู่ อัปเดตล่าสุด 25 มีนาคม 2555 เวลา 10:45:12 166,440 อ่าน
TOP