
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก worldsportchicago.org , เฟซบุ๊ก Boccia
กลายเป็นที่กล่าวขานในวงการกีฬา เมื่อทัพนักกีฬาบอคเซียทีมชาติไทย ที่ประกอบด้วย วิษณุ ฮวดประดิษฐ์, พัธยา เทศทอง, มงคล จิตรเสงี่ยม และวัชรพล วงษา สร้างประวัติศาสตร์ผ่านเข้าชิงชนะเลิศประเภททีมได้เป็นครั้งแรก ด้วยการไล่ถล่มทีมแชมป์เก่าอย่างสหราชอาณาจักร ก่อนทะลุเข้าสู้รอบชิงเหรียญทองกับ ทีมชาติจีน และยังโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม จนสามารถคว้าเหรียญทองจากการแข่งขันพาราลิมปิก 2012 ที่จัดขึ้น กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ได้สำเร็จ
นอกจากการได้รับรางวัลสูงสุดในการแข่งขันดังกล่าวแล้ว ทีมนักกีฬาไทยยังได้รับเสียงชื่นชมจากสื่อมวลชนของต่างประเทศเป็นจำนวนมาก รวมทั้งคนไทยจำนวนไม่น้อยได้หันมาสนใจในกีฬาชนิดนี้กันมากขึ้น ดังนั้นเพื่อให้ทุกคนได้รู้จักกับ กีฬาบอคเซีย กันมากขึ้น กระปุกดอทคอมจึงได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับกีฬาบอคเซียมาฝากค่ะ
ประวัติ และความเป็นมา
สำหรับประวัติความเป็นมาของกีฬาบอคเซียนั้น เชื่อกันว่ามีต้นกำเนิดมาตั้งแต่สมัยกรีกโบราณ ก่อนจะมีการเผยแพร่ไปยังสหราชอาณาจักรในปี 1978 และมีการดัดแปลงรูปแบบการเล่น เพื่อให้เหมาะสมกับผู้พิการทางสมอง และพิการทางกายอย่างรุนแรง ซึ่งคาดว่า กีฬาดังกล่าวได้ถูกคิดค้นขึ้น เพื่อให้ผู้เล่นได้ผ่อนคลาย รวมทั้งยังเป็นประลองการวางแผนกลยุทธ์ รวมถึงฝึกการใช้ทักษะในการควบคุมกล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย โดยการแข่งขันกีฬาบอคเซียได้ถูกบรรจุรายชื่อเข้าสู่การแข่งขันพาราลิมปิก เกมส์ ตั้งแต่ปี 1984 จนกระทั่งแพร่ไปกว่า 50 ประเทศทั่วโลก
ทั้งนี้ ไม่มีปรากฏแน่ชัดว่ากีฬาบอคเซียได้เริ่มเข้ามาในประเทศไทยตั้งแต่สมัยใด ทว่า อาจารย์ดารณี คชสวัสดิ์ หัวหน้าผู้ฝึกสอน และผู้จัดการทีมนักกีฬาบอคเซียทีมชาติไทย ครูชำนาญการ สถาบันการพลศึกษา วิทยาเขตกรุงเทพ และผู้เชี่ยวชาญกีฬาบอคเซีย สมาคมกีฬาคนพิการแห่งประเทศไทยได้เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับกติกาการแข่งขันกีฬาบอคเซียไว้ โดยกล่าวว่า กีฬาบอคเซีย (BOCCIA SPORT) เป็นกีฬาชนิดหนึ่งที่ประสบความสำเร็จในการทดลองกับบุคคลพิการทางกาย เป็นเกมกีฬาที่อนุญาตให้คนพิการทางกายระดับเดียวกันได้แข่งขันกันเช่นเดียวกับคนปกติ
ขณะเดียวกัน กีฬาบอคเซียยังเป็นกิจกรรมที่นำไปสู่สังคมที่ดี สำหรับคนพิการทางสมอง และคนพิการทางร่างกายระดับรุนแรง โดยลักษณะการเล่นกีฬาบอคเซีย มีลักษณะการเล่นคล้ายกีฬาเปตอง คือ ต้องแบ่งผู้เล่นออกเป็น 2 ฝ่าย แต่ละฝ่ายพยายามโยน กลิ้ง ขว้าง เตะ หรือปล่อยลูกบอลสีแดงหรือสีน้ำเงินไปตามราง (ตามลักษณะความพิการ) เพื่อให้ลูกเข้าไปใกล้ลูกเป้าหมายสีขาว ให้มากที่สุดภายในเวลาที่กำหนด บนพื้นสนามเรียบ ฝ่ายใดบอลมีใกล้มากกว่า เป็นฝ่ายชนะ
ประเภทการแข่งขัน
สำหรับประเภทการแข่งขันนั้น จะไม่มีการแบ่งแยกชายหญิง แต่จะแบ่งกลุ่มการเล่นตามความพิการ ออกเป็น 7 ประเภท ดังนี้
1. ประเภทบุคคล BC1
2. ประเภทบุคคล BC2
3. ประเภทบุคคล BC3
4. ประเภทบุคคล BC4
5. ประเภทคู่ BC3 คู่ละ 2 คน มีนักกีฬาสำรองได้ 1 คน
6. ประเภทคู่ BC4 คู่ละ 2 คน มีนักกีฬาสำรองได้ 1 คน
7. ประเภททีม (BC1+BC2) ทีมละ 3 คน ขณะแข่งขันจะต้องมีนักกีฬาประเภท BC1 อย่างน้อย 1 คน มีนักกีฬาสำรองได้ 1-2 คน
ลักษณะการแบ่งกลุ่มตามความพิการ
ในการแบ่งกลุ่มการเล่นตามประเภทความพิการนั้น ได้มีการอธิบายไว้ดังนี้
1. ประเภท BC1 เป็นการเล่นสำหรับผู้พิการทางสมอง ผู้เล่นสามารถมีผู้ช่วยเหลือ 1 คน ซึ่งนั่งอยู่ทางด้านหลังเขตโยนประมาณ 2 เมตร ในที่กำหนดให้ ซึ่งสามารถมาด้านหน้าและช่วยเหลือนักกีฬาตามที่ผู้เล่นร้องขอ เช่น ปรับหรือจัดเก้าอี้ของผู้เล่นให้มั่นคงส่งบอลให้ผู้เล่น หรือคลึงบอลตามที่นักกีฬาร้องขอและได้รับอนุญาตจากผู้ตัดสิน
2. ประเภท BC2 เป็นการเล่นสำหรับผู้เล่นซึ่งพิการทางสมอง ซึ่งผู้เล่นไม่มีสิทธิมีผู้ช่วยเหลือในการเล่น
3. ประเภท BC3 เป็นการเล่นสำหรับผู้เล่นที่แขนขาทั้งสี่เคลื่อนไหวลำบาก และผู้เล่นไม่สามารถเข็นรถได้เอง และมีการช่วยเหลือด้วยรถเข็นไฟฟ้า ซี่งผู้เล่นจะไม่สามารถจับหรือปล่อยได้ สามารถเคลื่อนไหวแขนได้ แต่มีข้อจำกัดในการผลักดันบอลเข้าสู่สนาม ดังนั้นผู้เล่นแต่ละคนจะได้รับอนุญาตให้มีผู้ช่วยเหลือได้ แต่ผู้ช่วยเหลือจะต้องอยู่ในเขตโยน ของผู้เล่น และหันหลังให้สนาม ห้ามมองการเล่น
4. ประเภท BC4 เป็นการเล่นสำหรับผู้ที่แขนขาทั้งสี่เคลื่อนไหวได้ลำบาก ร่วมกับการควบคุมการเคลื่อนไหวลำตัวได้ยาก โดยผู้เล่นมีความสามารถพอที่จะแกว่งแขน เพื่อโยนลูกบอคเซียสู่เข้าสนาม ซึ่งอาจต้องใช้เวลามากในการจับและปล่อยบอล แต่ผู้เล่นจะไม่ได้รับสิทธิ์ใช้ผู้ช่วยเหลือได้
ขนาด และรูปแบบของสนาม
ในส่วนของขนาด และรูปแบบของสนามแข่งกีฬาบอคเซียนั้น ได้กำหนความกว้างของสนามที่ 6 เมตร ยาว 12.5 เมตร เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ส่วนท้ายสนามแบ่งเป็น 6 ช่อง สำหรับผู้แข่งขันใส่หมายเลขที่ช่อง 1 - 6 จากซ้ายไปขวา มีเขตรูปตัว (V) เป็นเขตห้ามลูกเป้าหมายอยู่บริเวณดังกล่าว และจะมีเส้นกากบาท ( + ) อยู่กึ่งกลางสนามสำหรับวางลูกเป้าหมาย

อุปกรณ์ที่ใช้ในการเล่น และการแข่งขัน
ได้มีการกำหนด อุปกรณ์สำคัญต่าง ๆ ที่ใช้สำหรับการแข่งขัน ดังนี้
1. ลูกบอลสีแดง สีน้ำเงิน และสีขาว ทำด้วยหนังแท้หรือหนังเทียมเย็บ ขนาดเส้นรอบวงขนาด 270 + 8 มิลลิเมตร น้ำหนัก 275 + 12 กรัม ขนาดใกล้เคียงลูกเปตอง (ลูกสีแดง และสีน้ำเงิน สำหรับผู้เล่นแต่ละฝ่าย ซึ่งมีฝ่ายละ 6 ลูก บอลขาว มีจำนวน 1 ลูก เรียกว่า ลูกเป้าหมาย)
2. ป้ายบอกสัญญาณสีแดง และสีน้ำเงิน ใช้สำหรับแจ้งให้ฝ่ายที่จะต้องส่งบอลเข้าสู่สนาม เริ่มการแข่งขันต่อไป
3. สายวัด สำหรับวัดระยะห่างลูกบอลสี จากลูกเป้าหมาย
4. กล่องหรือถาดสำหรับใส่บอลเสีย (บอลที่ออกนอกสนามื หรือเล่นผิดกติกา)
วิธีการแข่งขัน
เริ่มด้วยการเสี่ยงเหรียญ เมื่อฝ่ายใดชนะจะได้รับสิทธิ์ในการเลือกว่าจะเป็นฝ่ายโยนบอลเข้าสนามก่อนหรือหลัง ฝ่ายโยนบอลก่อนจะได้บอลสีแดง และประเภทบุคคล จะถูกกำหนดให้อยู่ในช่องหมายเลข 3 ขณะที่ช่องหมายเลข 2 และ 4 เป้นของประเภทคู่ และช่องหมายเลข 1, 3 และ 5 สำหรับประเภททีม ตามลำดับ ซึ่งผู้ได้รับสิทธิ์ในการโยนลูกเป้าหมาย (สีขาว) เข้าสนามก่อน จะต้องโยนให้ลูกเป้าหมายอยู่ในสนามเหนือเส้น V จากนั้นจึงโยนลูกสีแดง (ก่อนโยนลูกทุกครั้งจะต้องได้รับสัญญาณจากผู้ตัดสินก่อนทุกครั้ง)
ต่อมา ฝ่ายตรงข้ามจะได้รับสัญญาณให้โยนลูก ก่อนที่ผู้ตัดสินจะเป็นผู้ให้สัญญาณป้าย โดยพิจารณาว่าสีใดอยู่ห่างจากลูกเป้าหมายมากกว่ากัน โดยจะมีการโยนลูก จนกว่าจะครบฝ่ายละ 6 ลูก หรือหมดเวลาตามกำหนด เรียกว่าจบ 1 จบ จากนั้น จึงนับคะแนนในจบนั้น และเริ่มการแข่งขันจบใหม่ เมื่อสิ้นสุดการแข่งขัน จะมีการนับคะแนนรวม ฝ่ายใดได้คะแนนมากกว่า ฝ่ายนั้นจะเป็นผู้ชนะ
เวลาที่ใช้ในการการแข่งขัน
สำหรับเวลาที่ใช้ในการแข่งขันนั้น จะขึ้นอยู่กับลักษณะของกลุ่มผู้แข่งขันในแต่ละประเภท ดังนี้
1.ประเภทบุคคล BC1, BC2 และ BC4 ใช้เวลา 5 นาที/คน/จบ แข่งขันจำนวน 4 จบ
2. ประเภทบุคคล BC3 ใช้เวลา 6 นาที/คน/จบ แข่งขันจำนวน 4 จบ
3. ประเภทคู่ (BC3) ใช้เวลา 8 นาที/คู่/จบ แข่งขันจำนวน 4 จบ
4. ประเภททีม (BC1 และ BC2) ใช้เวลา 6 นาที/ทีม/จบ แข่งขันจำนวน 6 จบ

กติกาสำคัญในการแข่งขัน







จากข้อมูลที่นำเสนอไปข้างต้นนี้ จะเห็นได้ว่า ผู้แข่งขันแข่งขันกีฬาบอคเซีย จะต้องอาศัยความเพียรพยายามในการควบคุมร่างกาย รวมถึงต้องรู้จักวางแผนกลยุทธ์ต่าง ๆ เพื่อให้ได้คะแนนนำเหนือคู่แข่ง ซึ่งกว่าจะมีการแข่งขันจริง นักกีฬาจะต้องผ่านการฝึกฝนอย่างจริงจัง รวมถึงต้องมีการดูแล และให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด ดังนั้นหวังว่าชาวไทยทุกคน จะร่วมกันส่งแรงใจเพื่อเชียร์ให้ทัพนักกีฬาพาราลิมปิกของไทย ได้รับรางวัลเพื่อเป็นของขวัญตอบแทนความเหนื่อยยากที่ผ่านมาด้วยนะคะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก