เจาะข่าวเด่น : แม่ใจสลาย พาลูกไปเรียนว่ายน้ำ จมสระดับทั้ง 2 คน







เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก รายการเจาะข่าวเด่น โพสต์โดยคุณ CiNNtv3 สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม

             จากเหตุการณ์อันเศร้าสลดของคุณแม่วิภาพร แสวงจรรยาสันติ ที่พาลูกสาวทั้งสองคนคือ น้องจีน สุภาพร อายุ 9 ขวบ และน้องญี่ปุ่น สุชาดา อายุ 7 ขวบ ไปเรียนว่ายน้ำย่านวังหิน เมื่อวันเสาร์ที่ 29 กันยายน ที่ผ่านมา แต่ก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เมื่อขณะที่คุณแม่เดินไปเข้าห้องน้ำเพียง 5 นาที กลับมาก็ไม่พบลูกสาวทั้งสองคนแล้ว และออกตามหาจนพบว่าลูกสาวทั้งสองคนจมน้ำอยู่ในสระลึก ด้านครูฝึกและพลเมืองดีก็ช่วยพาน้องทั้งสองคนไปส่งโรงพยาบาล แต่แพทย์ก็ไม่สามารถยื้อชีวิตของน้องทั้งสองคนไว้ได้... และในช่วงเย็นของวานนี้ (1 ตุลาคม) ทางรายการเจาะข่าวเด่น ได้สัมภาษณ์คุณแม่และคุณย่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น


             โดยคุณแม่เล่าว่า บ้านพักของครอบครัวตนอยู่ย่านดินแดง แต่ที่เลือกให้ลูกเรียนสระว่ายน้ำที่นี่นั้นเพราะว่าเป็นสระน้ำเกลือ และมีครูฝึกสอนแบบคนต่อคน ในวันนั้นลูกสาวของตนเรียนว่ายน้ำเลิกเวลาสี่โมงเย็น และได้ขออนุญาตตนเล่นน้ำต่อที่สระเล็ก โดยบอกว่า "แม่จ๋าหนูขอเล่นน้ำต่อหน่อยนะ วันนี้ฝนไม่ตก" ซึ่งตนก็นั่งรออยู่ตรงนั้น และอนุญาตให้เล่นได้ แต่แค่แป๊บเดียวเท่านั้น เพราะจะพาไปกินข้าวกันต่อ

             ทั้งนี้ คุณแม่ได้อธิบายถึงลักษณะของสระว่ายน้ำให้ฟังว่า สระว่ายน้ำเป็นสระขนาดมาตรฐาน ยาว 25 เมตร และกว้าง 12 เมตร ฝั่งขวาของสระจะลึก 90 เซนติเมตร และฝั่งซ้ายของสระจะลึก 1.10 เมตร และค่อย ๆ ลาดลงถึงจุดที่ลึกที่สุดของสระคือตรงกลาง ลึก 1.80 เมตร ส่วนสระที่ลูกของตนเล่นนั้นเป็นสระเด็กที่ยื่นออกมาลึกเพียง 60 เซนติเมตรเท่านั้น โดยสระเด็กดังกล่าว อยู่เยื้องกับสระน้ำใหญ่บริเวณจุดที่ลึกที่สุด และมีลูกคลื่นกระเบื้องเป็นตัวกั้นอยู่








             เมื่อถามว่าช่วงจังหวะที่ลูกสาวทั้งสองคนจมน้ำ คุณแม่ทำอะไรอยู่นั้น นางวิภาพร กล่าวว่า ตนปล่อยให้ลูกเล่นไปได้สัก 15 นาที ซึ่งเขาก็ลื่นลงสไลด์เดอร์กันอย่างสนุกสนาน และบริเวณรอบ ๆ สระก็มีครูฝึก และเด็กนักเรียนจำนวนประมาณ 20-30 คน กำลังเรียนว่ายน้ำอยู่ ส่วนตนก็ลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำที่อยู่ห่างจากสระเพียงนิดเดียวเท่านั้น และเมื่อตนออกมาก็ไม่เห็นลูกสาวทั้งสองคนแล้ว จึงคิดว่าลูกคงขึ้นจากสระไปเปลี่ยนเสื้อผ้าหรืออาบน้ำ ตนจึงเข้าไปตามหาลูก แต่หายังไงก็หาไม่พบ จนครูฝึกของลูกสาวตนตะโกนขึ้นมาว่า ลูกเรียนเสร็จแล้ว และครูก็ได้ส่งขึ้นฝั่งแล้ว ตนจึงตอบไปว่า ตนอนุญาตให้ลูกเล่นน้ำในสระเล็ก แต่ตอนนี้หายไปไหนแล้วก็ไม่รู้... จากนั้นตนก็เดินเข้าไปหาที่ห้องน้ำอีกครั้ง เพราะคิดว่าลูกอาบน้ำเสียงน้ำอาจจะกลบเสียงจนไม่ได้ยิน พอไปถึงตนก็ทั้งตะโกน และเคาะประตู แต่ก็ไม่มีใครตอบรับกลับมา

            คุณแม่กล่าวต่อว่า คราวนี้ตนเริ่มใจเสีย และมั่นใจเลยว่าลูกของตนต้องอยู่ที่สระว่ายน้ำแน่นอน และเมื่อเดินออกมาครูฝึกที่สอนลูกสาวคนโต และคนที่มาว่ายน้ำ ก็อุ้มลูกสาวของตนขึ้นมาพร้อมกัน จากบริเวณจุดที่ลึกที่สุดของสระ โดยลูกสาวของตนมือตกห้อยร่องแร่งทั้งสองคน จากนั้นครูฝึกและพลเมืองดีก็พยายามผายปอด ทั้งปั๊มหน้าอก และประกบปากเป่าลม ซึ่งลูกตนก็สำลักออกมา มีเศษอาหารและน้ำพุ่งออกมาด้วย ตอนนั้นตนก็ใจชื้นแล้ว เพราะอย่างน้อยลูกก็สำลัก คงไม่เป็นอะไรมาก แต่พลเมืองดีเห็นท่าไม่ดี เพราะลูกตนแค่สำลักแต่ไม่มีอาการอะไรตอบสนองอีก จึงตะโกนบอกให้ใครก็ได้เรียกรถพยาบาล สักพักเขาก็บอกว่าเดี๋ยวจะไม่ทันเลยอุ้มน้องทั้งสองคนไปที่รถของผู้ปกครองที่มีรถ แต่รถจอดอยู่ด้านในสุดมีรถขวางอีก จนครูฝึกและพลเมืองดีวิ่งไปที่ถนนจะเรียกรถแท็กซี่ แต่รถติดมาก ๆ เขาก็เลยข้ามฝั่งไปเรียกวินมอเตอร์ไซค์ และพาลูกของตนไปโรงพยาบาลสยามเปาโลทันที ส่วนตนก็เบาใจเพราะคิดว่าลูกตนถึงมือหมอ คงไม่เป็นอะไรแล้ว และได้นั่งรถของผู้ปกครองท่านอื่นตามไป

            เมื่อไปถึงโรงพยาบาล คุณแม่เล่าด้วยน้ำเสียงสะอื้นว่า เห็นหมอหลายคนกำลังล้อมเตียงช่วยน้องอยู่ สักพักผ่านไปประมาณ 10 นาที หมอก็เรียกตนเข้าไปคุยบอกว่าตอนที่น้องทั้งสองคนมาโรงพยาบาลก็ไม่รู้สึกตัวแล้ว ตอนนี้ฉีดยากระตุ้นทุก 3 นาที หัวใจน้องก็ยังไม่มา เลยจับชีพจรไม่ได้ และไม่รู้ว่าอาการเป็นอย่างไร แต่ก็จะช่วยปั๊มหัวใจให้ ซึ่งตนคิดว่ายังไงลูกของตนต้องฟื้นแน่นอน เพราะที่สระน้ำตนเห็นลูกตนสำลักออกมา และช่วงเวลาที่ลูกตนจมน้ำคงไม่เกิน 5 นาที คิดว่าน่าจะสลบไปเท่านั้น แต่พอหมอพูดแบบนั้นตนก็ช็อก ทำใจไม่ได้ และอ้อนวอนหมอให้ช่วยลูกของตน จากนั้นผ่านไปประมาณ 1 ชั่วโมง คุณหมอก็บอกว่า ปกติคนไข้คนอื่นถ้าปั๊มหัวใจแค่ครึ่งชั่วโมงก็ฟื้นแล้ว แต่นี่ปั๊มเป็นชั่วโมงยังไม่ฟื้นเลย ตนก็อ้อนวอนอีกบอกให้หมอปั๊มอีกรอบได้ไหม แต่คุณหมอบอกว่าสายไปแล้ว น้องไปแล้ว ซึ่งตอนนั้นลูกของตนอยู่คนละห้อง ตนก็ไม่รู้จะเดินไปหาใครก่อน แต่ในใจตนคิดว่าลูกสาวคนเล็กน่าจะฟื้น เพราะว่าน้องญี่ปุ่นเป็นคนขี้กลัว ไม่น่าจะจมน้ำนานกว่าพี่ ตนจึงเข้าไปกอดน้องญี่ปุ่น และบอกว่ากลับมาได้ไหม กลับมาสักคนก็ยังดี อย่าไปพร้อมกันแบบนี้ ตนไม่เหลืออะไรแล้ว พอคุณหมอนำน้องทั้งสองคนมานอนข้างกัน ตนจับตัวน้องจีนก็รู้เลยว่าลูกคงไปแล้ว เพราะตัวเริ่มเย็น แต่พอจับน้องญี่ปุ่นตัวน้องยังอุ่น ๆ อยู่ เลยขอให้หมอช่วยปั๊มให้อีก เผื่อจะมีปาฏิหาริย์...





           แต่ปาฏิหาริย์ก็ไม่เกิดขึ้น เมื่อคุณหมอยืนยันว่าน้องทั้งสองคนเสียชีวิตแล้ว ตนไม่รู้จะทำอย่างไร ตนสร้างทุกสิ่งทุกอย่างมาก็เพื่อลูก ตนดั้นด้นนั่งรถแท็กซี่มาเรียนตั้งไกล ก็เพื่อให้ลูกตนได้รับในสิ่งที่ดีที่สุด อยากให้เรียนกับครูตัวต่อตัวในสระน้ำเกลือลูกตนจะได้ไม่ระคายผิว และที่ให้เรียนว่ายน้ำนั้นก็เพื่ออยากให้ลูกป้องกันตัวเอง  เวลาโตขึ้นไปเที่ยวที่ไหนจะได้ช่วยเหลือตัวเองได้ ไม่ลำบาก แต่กลับกลายเป็นว่า... ตนส่งลูกมาตาย ตนพาลูกมาว่ายน้ำแล้วไม่ได้พากลับบ้าน ตนจะบอกแฟนของตน และบอกญาติ ๆ อย่างไร

             คุณวิภาพร กล่าวต่อว่า ถึงตอนนี้ลูกของตนก็ได้เสียชีวิตไปแล้ว คงจะเรียกร้องอะไรไม่ได้ แต่ก็อยากรู้ข้อเท็จจริงว่าลูกตนเสียชีวิตได้อย่างไร เพราะในสระน้ำมีคนเล่นน้ำอยู่เยอะแยะ แล้วทำไมไม่มีใครเห็นลูกของตนขณะจมน้ำ ทั้ง ๆ ที่ลูกของตนใส่ชุดว่ายน้ำสีส้มสะท้อนแสง แถมน้ำก็ใสมาก ๆ อีกด้วย และตนเชื่อว่าคนจมน้ำมันจะมีเฮือกสุดท้าย ก่อนที่จะหมดสติไป แต่ทำไมไม่มีใครเห็นเลย ทั้งนี้ตนอยากจะขอดูกล้องวงจรปิด เพื่อดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด



             ขณะที่ สุรพล อ่อนอุระ ผู้ดูแลสระว่ายน้ำ กล่าวว่า จากการสอบถามคนที่อยู่ในเหตุการณ์ ไม่มีใครเห็นเหตุการณ์ช่วงขณะนั้นเลย ส่วนเรื่องวงจรปิดจะประสานไปยังเจ้าของสระ ซึ่งตอนนี้อยู่ต่างประเทศ กำลังจะกลับมาเพราะไม่สบายใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก ซึ่งขณะนี้ทางเราไม่มีภาพจากกล้องวงจรปิด แต่ยืนยันว่าติดตั้งเอาไว้จริง เพียงแค่ไม่สามารถเปิดดูได้ เพราะบันทึกภาพเก็บไว้อีกที่หนึ่ง ซึ่งต้องรอให้เจ้าของสระกลับมาก่อน อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ต้องการภาพจากกล้องวงจรปิดเช่นกัน

            อย่างไรก็ดี กระปุกดอทคอมก็ต้องขอแสดงความเสียใจกับครอบครัว "แสวงจรรยาสันติ" ด้วยนะคะ ที่ต้องเสียลูกสาวไปพร้อม ๆ กันทั้งสองคน ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตของทั้งคู่นั้น แพทย์ระบุว่า เกิดจากระบบหายใจ และระบบไหลเวียนโลหิตล้มเหลว ซึ่งคุณแม่วิภาพรจะนำศพลูกไปบำเพ็ญกุศลที่ศาลา 1 วัดพรหมวงศาราม (วัดหลวงพ่อเณร) ซอยเพิ่มสิน ถนนประชาสงเคราะห์ แขวงและเขตดินแดง เป็นเวลา 3 คืน และจะมีพิธีฌาปนกิจในช่วงเย็นวันที่ 3 ตุลาคมนี้











เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เจาะข่าวเด่น : แม่ใจสลาย พาลูกไปเรียนว่ายน้ำ จมสระดับทั้ง 2 คน โพสต์เมื่อ 2 ตุลาคม 2555 เวลา 10:25:18 17,805 อ่าน
TOP
x close