เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก คุณ CiNNtv3A สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม
มรภ.อุตรดิตถ์ เผยผลสอบ คดีขายควายเผือกบุญมา พบไม่ผิด พ.ร.บ.มหาวิทยาลัยราชภัฏ พ.ศ. 2547 เนื่องจากผู้รับผิดชอบมีเจตนาบริสุทธิ์และทางเจ้าของไม่ได้ตั้งเงื่อนไขใดไว้ตั้งแต่แรก
สืบเนื่องจากกรณีที่ น.ส.นันทวรรณ เทพรักษา อาจารย์อัตราจ้างสอนคณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏ (มรภ.) อุตรดิตถ์ ออกมาเรียกร้องให้ทางมหาวิทยาลัยชี้แจง เรื่องที่ควายเผือกบุญมา ซึ่ง น.ส.นันทวรรณ บริจาคให้กับศูนย์อนุรักษ์กระบือไทย ของ มรภ.อุตรดิตถ์ ได้หายตัวไป โดยคาดว่าอาจจะถูกขายไปแล้ว ซึ่งในเวลาต่อมา ทาง มรภ.อุตรดิตถ์ ออกมายอมรับเรื่องดังกล่าว และได้เสนอแนวทางการตั้งคณะกรรมการเพื่อสอบสวนข้อเท็จจริง โดยจะให้ น.ส.นันทวรรณ ร่วมเป็นหนึ่งในคณะกรรมการสอบสวนด้วย แต่ทางครอบครัวของ น.ส.นันทวรรณ ได้ปฏิเสธไป และจนบัดนี้ก็ยังหาตัวควายเผือกบุญมาไม่พบนั้น
ล่าสุด วันนี้ (14 พฤษภาคม 2556) รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ทางช่อง 3 รายงานว่า น.ส.นันทวรรณ เผยถึงผลการสอบสวนของทาง มรภ.อุตรดิตถ์ โดยคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงสรุปว่า การที่ น.ส.นันทวรรณ บริจาคควายเผือกบุญมาให้กับศูนย์อนุรักษ์กระบือไทย โดยแจ้งวัตถุประสงค์ว่า เพื่อเปิดโอกาสให้เกิดการเรียนรู้ในนักศึกษาและบุคคลทั่วไป เพราะฉะนั้น คณะกรรมการของ มรภ.อุตรดิตถ์ เห็นว่า การนำเจ้าควายเผือกบุญมาไปแลกกับควายเพศเมีย คู่แม่ลูก ทุกคนย่อมรู้ดีกว่า สามารถนำมาแพร่พันธุ์และขยายจำนวนได้มากกว่าควายเผือก 1 ตัว จึงถือเป็นประโยชน์ต่อการเรียนรู้ตามวัตถุประสงค์ที่ได้วางเอาไว้
ทั้งนี้ ผู้รับผิดชอบไม่ได้นำควายบุญมาไปฆ่าหรือไปเชือดแต่อย่างใด คณะกรรมการจึงเห็นว่า ผู้รับผิดชอบโครงการมีเจตนาบริสุทธิ์ มุ่งประโยชน์ของทางราชการเป็นสำคัญ ส่วนการนำควายเผือกบุญมา ไปแลกกับควายเพศเมีย คู่แม่ลูก โดยไม่แจ้งเจ้าของก่อน ทางคณะกรรมการเห็นว่า เจ้าของไม่ได้สร้างเงื่อนไขใด ๆ ไว้กับ ศูนย์อนุรักษ์กระบือไทย ตั้งแต่ต้น ว่าห้ามไม่ให้ซื้อขายหรือแลกเปลี่ยน หรือต้องแจ้งเจ้าของหากมีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ดังนั้น ผู้รับผิดชอบจึงไม่จำเป็นต้องแจ้งเจ้าของ ถ้าการกระทำนั้นเป็นประโยชน์กับทางราชการ สรุปว่า การกระทำดังกล่าวไม่ขัดต่อ พ.ร.บ.มหาวิทยาลัยราชภัฏ พ.ศ. 2547
ขณะเดียว ทางด้าน น.ส.นันทวรรณ ได้กล่าวว่า ไม่พอใจที่ผลสรุปออกมาในรูปแบบนี้ แต่จริง ๆ ก็ทำใจไว้ตั้งนานแล้วว่า ผลการพิจารณาน่าจะเป็นเช่นนี้แน่นอน ซึ่งตนก็ไม่อยากทำเรื่องนี้ให้เป็นเรื่องยาว ถึงแม้ว่าตอนนี้จะยังคงมีข้อสงสัยอยู่หลายประการ
นอกจากนี้ น.ส.นันทวรรณ ยังกล่าวสั้น ๆ ทิ้งท้ายกับผู้สื่อข่าวว่า ส่วนตัวแล้วเชื่อว่า เวรกรรมมีจริง ใครทำอะไรย่อมได้สิ่งนั้น ต่อให้การกระทำดังกล่าวจะไม่ผิดกฎหมายของทางมหาวิทยาลัย แต่คนเราไม่สามารถโกหกตัวเองได้ตลอดชีวิต
