

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก รายการข่าวเช้า โพสต์โดย DuangAestheticII สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม
กระทรวงยุติธรรม สั่งสถาบันนิติวิทยาศาสตร์-ป.ป.ส. ศึกษาใบกระท่อม เล็งดึงออกจากบัญชียาเสพติด หวังนำมาใช้ทดแทนสารเสพติดชนิดรุนแรง แก้ปัญหาคนล้นคุก ชี้ฤทธิ์น้อยกว่ากาแฟและเครื่องดื่มชูกำลัง
เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2556 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชัยเกษม นิติสิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้หารือนอกรอบกับ นายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม, พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.), พ.ท.นพ.เอนก ยมจินดา ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ถึงแนวโน้มการปรับเปลี่ยนหรือแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับยาเสพติดในประเด็นเรื่องใบกระท่อม และได้มอบหมายให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ไปศึกษางานวิจัยในกรณีดังกล่าวว่ามีผลกระทบในเรื่องใดบ้าง ก่อนจะนำไปสู่การพิจารณาว่าจะปรับเปลี่ยนหรือแก้ไขกฎหมายหรือไม่อย่างไร
นายชัยเกษม กล่าวต่อว่า ส่วนตัวเห็นว่าพืชชนิดดังกล่าวไม่น่าจะเป็นยาเสพติด เพราะในอดีตพืชใบกระท่อมจะใช้ในกลุ่มใช้แรงงานเพิ่มความขยันในการทำงาน ใช้คลายเครียด เป็นพืชท้องถิ่น ต่อมามีการแก้ไขกฎหมายให้พืชชนิดนี้เป็นพืชที่ผิดกฎหมายยาเสพติด ในปัจจุบันสังคมไทยมีปัญหายาเสพติดและแนวโน้มจำนวนผู้ติดยาเสพติดเพิ่มขึ้น สืบเนื่องจากปัญหาครอบครัว ดังนั้น หากมีตัวเลือกอื่นที่สามารถเบี่ยงเบนจากการเสพยาบ้าหรือยาเสพติดที่รุนแรงกว่าได้ บางครั้งครอบครัวและสังคมอาจยอมรับได้ดีกว่า
ทั้งนี้ รัฐบาลมีนโยบายที่จะดูแลผู้เสพยาเป็นผู้ป่วย เน้นการบำบัด หากมีใบกระท่อมมาทดแทนการเสพยาเสพติดที่รุนแรงกว่า ก็เชื่อว่าจะผ่อนคลายปัญหาลงและแก้ปัญหาคนล้นคุกและที่สำคัญน่าจะเป็นการแยกผู้เสพออกมาบำบัดดูแลในลักษณะผู้ป่วยได้ดีขึ้น
นอกจากนี้ นายชัยเกษม ระบุด้วยว่า เรื่องนี้ตนต้องการให้สื่อเสนอความเห็นนี้เพื่อรับฟังเสียงตอบรับจากสังคมด้วย หากได้รับการยอมรับจากสังคมและมีผลวิจัยสนับสนุนว่าเป็นทางเลือกที่ดีกว่าตนก็จะเสนอให้รัฐบาลผลักดันต่อไป
อย่างไรก็ตาม ล่าสุด วันนี้ (28 สิงหาคม 2556) นายชัยเกษม นิติสิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงความเป็นไปได้ในการยกเลิกกระท่อมจากยาเสพติดประเภท 5 และนำมาใช้ทดแทนหรือบำบัดผู้ติดยาเสพติดว่า การแก้กฎหมายยกเลิกใบกระท่อม จาก พ.ร.บ.ยาเสพติด จะต้องมีข้อมูลงานวิจัยสนับสนุนถึงข้อดี-ข้อเสีย ที่ชัดเจน รวมไปถึงเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ ซึ่งหากได้รับการสนับสนุนจริงจังก็สามารถผลักดันให้เป็นจริงได้
นายชัยเกษม กล่าวต่อว่า เบื้องต้นตนได้พูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญพบว่า ใบกระท่อมมีสารอัลคาลอยด์ซึ่งเป็นสารเสพติดชนิดมีทราไกไน แต่ออกฤทธิ์น้อยเมื่อเทียบกับกาแฟหรือเครื่องดื่มชูกำลังที่มีคาเฟอีนผสมอยู่ แต่ทั้งนี้ตนก็ยังไม่แน่ใจว่าจะสามารถนำใบกระท่อมมาใช้ทดแทนยาบ้าหรือยาไอซ์ได้หรือไม่ ซึ่งเรื่องที่ตนนำเสนอไปนั้นเป็นเพียงการเสนอทางออกหนึ่งให้กับผู้ที่มีความเครียดหรือต้องการเลิกยาเสพติดเท่านั้น
รมว.ยุติธรรม ยังกล่าวอีกว่า หลังจากนี้ตนจะต้องเข้าไปตรวจสอบว่าเพราะอะไรทำไมถึงกำหนดให้กระท่อมเป็นยาเสพติด ส่วนตนคิดว่าการยกเลิกน่าจะเป็นประโยชน์มากกว่า เพราะตนคิดว่าน่าจะเอาใบกระท่อมมาแทนที่ยาบ้าหรือยาไอซ์ ก็จะทำให้คนไม่ไปพึ่งยาเสพติด ซึ่งเรื่องนี้มีผลทางจิตวิทยา เปรียบเทียบกรณีคนที่ดื่มกาแฟหรือเครื่องดื่มชูกำลังทุกเช้า เมื่อไม่ดื่มก็บอกว่าไม่สดชื่น หรือคนที่สูบบุหรี่บอกว่าสูบแล้วสบายใจ ถ้าผู้เสพยาบ้าหรือยาไอซ์มาใช้ใบกระท่อมแล้วสบายใจก็น่าจะดีกว่า แต่ทั้งนี้ตนก็ไม่รู้ว่าจะนำมาทดแทนได้หรือเปล่า
สำหรับข้อกังวลใจที่ฝ่ายมั่นคงเกรงว่าหากยกเลิกใบกระท่อมเป็นยาเสพติดแล้ว จะมีการนำไปผสมเป็นยาสี่คูณร้อยนั้น รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า แนวคิดในการยกเลิกใบกระท่อมมีมานานแล้ว แต่ต้องหยุดไปเพราะมีข้อคัดค้านของฝ่ายความมั่นคงในกรณีที่กลัวว่าจะนำใบกระท่อมไปผสมกับยาแก้ไอที่มีสารเสพติด ทั้งนี้ตนอยากชี้แจงว่า ลำพังตัวใบกระท่อมไม่ใช่ยาเสพติดแต่เมื่อนำไปผสมกับยาเสพติด ก็ทำให้ดูเหมือนใบกระท่อมเป็นยาเสพติด ทั้งที่จริงแล้ว หากนำยาชูกำลังไปผสมกับสารเสพติด ยาชูกำลังชนิดนั้นก็กลายเป็นสารเสพติดเช่นกัน
นายชัยเกษม กล่าวต่อว่า ในเรื่องของการนำใบกระท่อมมาทดแทนจะต้องมีการวิจัยอย่างจริงและใช้ระยะเวลา ส่วนตนนั้นเติบโตมาในสวนย่านฝั่งธนบุรี และเห็นการปลูก การใช้ใบกระท่อม แต่ก็ยังไม่เคยเห็นคนใช้แล้วเมาคลั่งเหมือนเสพยาเสพติดอื่น ๆ อย่างไรก็ดี ตนไม่ได้สนับสนุนให้คนเสพใบกระท่อม แต่อยากให้เอาประโยชน์จากใบกระท่อมมาใช้ให้เกิดผล อย่างเช่น ตามท้องถิ่นต่าง ๆ ก็ใช้ใบกระท่อมเพื่อเป็นยา เป็นต้น
อย่างไรก็ดี จากการตรวจสอบข้อมูล พบว่าพื้นที่ที่มีต้นกระท่อมมากที่สุดในประเทศ คือ พื้นที่ จ.สตูล โดยใบกระท่อมยังใช้กันกว้างขวางในผู้ที่ขับรถบรรทุกและผู้ใช้แรงงาน โดยกลุ่มผู้ใช้มองว่ากระท่อมไม่ใช่สารเสพติดแต่ออกฤทธิ์ให้ทำงานหนักได้เป็นเวลานาน ซึ่งเมื่อถามว่าทำไมพวกเขาถึงไม่ดื่มกาแฟหรือเครื่องดื่มชูกำลังแทน นั่นก็เป็นเพราะใบกระท่อมราคาถูกกว่า เพียง 1-3 บาทต่อใบ ส่วนเครื่องดื่มชูกำลังและกาแฟนั้น มีราคาแพงเฉลี่ยขวดละ 10-15 บาท นอกจากนี้ ในปัจจุบันตำรับยาแผนโบราณก็ได้นำใบกระท่อมมาเป็นส่วนผสมของยาบางชนิด หากใช้ให้ถูกวิธีก็ถือเป็นยาพื้นบ้านที่มีประโยชน์ โดยจะมีการขออนุญาตจากองค์การอาหารและยา (อย.) ก่อนทุกครั้ง



อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก








