

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก Buriram International Circuit
บุรีรัมย์ เซอร์กิต สนามแข่งขันรถซูเปอร์ จีที พ.ศ. 2557-2558 ที่คาดว่า จะดึงนักท่องเที่ยวมาเที่ยวบุรีรัมย์ได้อย่างมหาศาล
จากการที่สโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด สามารถทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในการแข่งขันฟุตบอลภายในประเทศ และการแข่งขันระดับทวีป ซึ่งทำให้ชื่อเสียงของจังหวัดนี้เพิ่มพูนตามไปด้วย อย่างไรก็ตาม ใช่ว่า จ.บุรีรัมย์ จะโด่งดังเฉพาะฟุตบอลเพียงอย่างเดียว เพราะในปีหน้า (พ.ศ. 2557) จ.บุรีรัมย์ จะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบ ชื่อว่า บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ซูเปอร์ทีจี 2014 (Buriram United Super GT 2014) อีกด้วย
สำหรับการเซ็นสัญญาจัดการแข่งขัน ทางบริษัท จีทีเอ จำกัด ซึ่งเป็นผู้จัดการการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบที่ใหญ่ที่สุดของเอเชีย และเวียนแข่งตามประเทศต่าง ๆ ที่ได้เป็นเจ้าภาพ มีทีมเข้าร่วมแข่งขันกว่า 33 ทีม ได้เดินทางมาเซ็นสัญญาให้สิทธิ์กับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อินเตอร์ เนชั่นแนล เซอร์กิต (บีอาร์ไอซี) ให้เป็นสนามแข่งรถเก็บคะแนนประจำปี โดยทางประเทศไทยจะได้สิทธิ์ในการจัด 2 ปี คือ พ.ศ. 2557-2558 จ่ายค่าลิขสิทธิ์ปีละ 60 ล้านบาท
หลังจากที่เซ็นสัญญาแล้ว ทางบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อินเตอร์ เนชั่นแนล เซอร์กิต จึงลงทุนสร้างสนามแข่งขันมูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท คาดว่าน่าจะเสร็จภายในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2557 โดยสนามแห่งนี้อยู่ไม่ไกลจากสนามฟุตบอลไอ โมบายล์ สเตเดียม ของสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ อีกทั้งยังมีความใหญ่โตกว่า 1,000 ไร่ จุผู้ชมได้กว่า 50,000 คน นอกจากนี้ ภายในสนามยังมีโรงแรมระดับห้าดาวไว้รองรับแขกอีกด้วย ซึ่งจุดเด่นที่สุดของโรงแรมแห่งนี้ คือ สามารถมองเห็นพื้นที่สนามแข่งขันได้ทั้งหมดจากห้องพัก

สำหรับรายละเอียดสนามแข่งขัน ออกแบบโดยเฮอร์มานน์ ทิลเก นักออกแบบชาวเยอรมัน ผู้มีประสบการณ์การออกแบบสนามแข่งรถกว่า 60 สนามทั่วโลก และมีถึง 15 สนามที่ใช้จัดการแข่งขันรถสูตร 1 มาแล้ว โดยที่ระยะทางในสนามต่อรอบ มีความยาว 4.554 กิโลเมตร มีทางโค้งทั้งหมด 12 โค้ง สามารถขับได้เร็วสูงสุด 315 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และทำความเร็วเข้าโค้งมากกว่า 200-300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

(เนวิน ชิดชอบ และเฮอร์มานน์ ทิลเก)
ด้าน นายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในฐานะที่ปรึกษาโครงการดังกล่าว เปิดเผยว่า แม้ว่าโครงการนี้จะจ่ายค่าลิขสิทธิ์สูง แต่เชื่อว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เพราะจะทำให้คนทั่วโลกรู้จักประเทศไทยและจังหวัดบุรีรัมย์ และหลังจากนี้คาดว่าจะมีผู้เข้าชมหรือใช้สนามไม่ต่ำกว่าปีละ 1 ล้านคน
เพียงแค่ดูโปรเจคท์เบื้องต้น ก็รับรู้ถึงความยิ่งใหญ่ของการจัดโครงการดังกล่าวแล้ว คาดว่า ในปีหน้า จ.บุรีรัมย์ คงเป็นอีกจังหวัดหนึ่งที่น่าเดินทางไปท่องเที่ยว ไม่มากก็น้อย


อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก







