เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก รายการคนอวดผี โพสต์โดย คุณ LAKORNHD ThaiTV สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม
คดียศพล แหก้าน ยิงว่าที่เจ้าสาว-แม่ยาย ที่เกิดขึ้นเมื่อ 2 เดือนก่อน เป็นคดีสะเทือนขวัญไปทั่วประเทศ วันนี้ รายการคนอวดผี ขออาสาคลายทุกข์ให้วิญญาณผู้ล่วงลับ และครอบครัวที่ยังอยู่
เหตุการณ์ที่ นายยศพล แหก้าน ยิง นางสาวเกวลิน หงษ์ทอง ว่าที่เจ้าสาว และนางวิมล หงษ์ทอง ว่าที่แม่ยาย เสียชีวิตเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2556 เป็นเหตุฆาตกรรมสะเทือนขวัญที่ผู้ติดตามข่าวยังคงจำได้ดี เพราะภาพการฆาตกรรมครั้งนั้นถูกบันทึกไว้ได้ด้วยกล้องวงจรปิดและถูกนำมาเผยแพร่ตามสื่อต่าง ๆ แสดงให้เห็นถึงความโหดเหี้ยมของฆาตกร
วันนี้ แม้ว่า นายยศพล แหก้าน จะถูกจับกุมตัวได้แล้ว แต่ดูเหมือนว่าวิญญาณของผู้เสียชีวิตยังไม่สงบสุข เพราะคุณณรงค์ หงษ์ทอง พ่อเลี้ยงของนางสาวเกวลิน ยังเห็นลูกสาวตัวเองมานั่งร้องไห้อยู่ในบ้าน ภาพการฆาตกรรมที่เกิดขึ้นจึงยังคงตามหลอกหลอนครอบครัวนี้มาโดยตลอด รายการคนอวดผี จึงอาสาคลายทุกข์ให้ครอบครัวนี้ ซึ่งออกอากาศให้ได้ชมกันไปเมื่อคืนวันพุธที่ 9 ตุลาคม 2556
ทั้งนี้ คุณณรงค์ ได้เล่าให้ฟังว่า ตนเองเป็นสามีคนที่ 3 ของคุณวิมล แต่งงานกันมา 9 ปีแล้ว แต่ไม่มีลูกด้วยกัน และตนก็รับดูแลลูกติดทั้ง 4 คนของคุณวิมลด้วย และตั้งแต่ที่รู้จักกันมา คุณวิมลเป็นคนใจบุญมาก ส่วนเกวลิน หรือน้องวิว เป็นคนเงียบ ๆ ไม่ค่อยพูด เรียนหนังสือเก่ง ไม่เคยทำให้พ่อแม่ต้องเสียใจ และกำลังจะแต่งงานกับนายยศพล แห่ก้าน
ถ้าถามว่าความสัมพันธ์ของ นายยศพล กับน้องวิว เป็นอย่างไร คุณณรงค์ บอกว่า ช่วงแรก ๆ ก็ดี แต่พอมาช่วงหลัง ๆ เห็นทะเลาะเบาะแว้งกันมากขึ้น โดยฝ่ายชายจะเป็นคนชอบหาเรื่องน้องวิว และมีนิสัยชอบคิดและจินตนาการไปเองโดยเฉพาะเวลาดื่มเหล้า ที่เคยทะเลาะกันหนักที่สุดก็วันที่น้องวิวไม่ยอมไปกับเขา เขาก็เอากระถางต้นไม้มาทุ่มใส่รถน้องวิวเลย ตอนนั้นญาติผู้ใหญ่ของน้องวิวที่มีหน้ามีตาก็อยู่ด้วย ตนก็เตือนน้องวิวไปว่าให้คิดดี ๆ ถ้ายังจะคบกันอยู่ เพราะเขากล้าทำถึงขนาดนี้เลย และตั้งแต่วันนั้นตนกับนายยศพลก็แทบไม่ได้คุยกันเลย
และก็มาถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันฆาตกรรม คุณณรงค์ เล่าว่า วันนั้นน้องวิวกลับมาอยู่ที่บ้าน แล้วตอนเที่ยง นายยศพลเข้ามาหาและนั่งคุยกันถึงบ่ายโมง จากนั้นนายยศพลก็ไปพูดกับนางวิมลว่า เดี๋ยวตอนเย็นจะมารับน้องวิวกับแม่ไปอู่รถนะ แล้วพอตอนเย็นเขาก็เข้ามารับน้องวิวกับแม่ไปที่อู่รถ ซึ่งตนก็จะไปด้วย แต่น้องวิวห้ามไว้ บอกให้อยู่รอรับน้องอีก 2 คนที่กำลังจะกลับบ้าน
แต่แล้วหลังจากน้องวิวกับแม่ออกจากบ้านไปกับนายยศพลแล้ว อีกประมาณครึ่งชั่วโมงให้หลังก็เกิดเหตุดังที่เป็นข่าว เรื่องนี้ทำให้คุณณรงค์รู้สึกเสียใจมาก และเชื่อว่าถ้าวันนั้นตัวเองออกไปกับทั้งสองคนด้วย ภรรยาของเขาก็คงไม่ตาย เพราะเขาคงสามารถวิ่งมากันกระสุนให้ภรรยาได้ และตนก็เป็นอดีตทหาร ต้องสู้นายยศพลแน่นอน
เมื่อถามว่าคิดว่าเหตุการณ์ครั้งนี้เกิดจากอะไร คุณณรงค์ ก็เชื่อว่า น้องวิวอาจจะรู้เรื่องอะไรบางสิ่งบางอย่างของนายยศพล อย่างในหนังสือพิมพ์บอกว่าเกี่ยวกับเรื่องยาเสพติด แต่ตนก็ไม่ทราบว่าจริงหรือไม่อย่างไร ทั้งนี้ หลังจากเกิดเรื่องก็ไม่เคยเจอนายยศพลเลย และถ้าถามว่าอยากจะเจอไหม ตนคิดว่าถ้าเจอแล้วทำให้นายยศพลมีโทษหนักขึ้น หรือมีอันเป็นไป ตนก็อยากเจอ แต่ถ้าเจอแล้วไม่มีประโยชน์อะไร ตนก็ไม่อยากเจอ เรื่องนี้มันชดใช้กันไม่ได้ เอาเงินทองมาชดใช้ก็ไม่คุ้ม ตอนที่เจอศพทั้งสองคน ตนพูดได้แต่ว่า ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร น้าจะดูแลน้องทั้งสองคนเอง
คุณณรงค์ บอกด้วยว่า เขารักน้องวิวเหมือนลูกแท้ ๆ ของตัวเอง ในงานศพ 7 คืน เขาก็นอนเฝ้าที่วัดทุกคืน แล้วมีคืนหนึ่งได้ยินเสียงสุนัขเห่าเกรียวกราวมาก ทำให้มัคนายกที่เป็นญาติของคุณวิมล รู้สึกถึงความผิดแปลก กระทั่งตี 2 สุนัขก็ยังเห่าหอน แล้วมัคนายกก็มาปลุกตน เพราะได้ยินเสียงน้องวิวมาตะโกนเรียกแม่ หลังจากนั้นในตอนเช้าก็ได้ยินพระรูปหนึ่งพูดว่า เมื่อคืนเห็นผู้หญิงคนหนึ่งใส่เสื้อสีฟ้ามายืนเกาะลูกกรงอยู่ ซึ่งเสื้อสีฟ้าตัวนั้น ตนเป็นคนเอาไปเปลี่ยนให้น้องวิวเองวันที่ไปรับศพ ตนเชื่อทันทีเลยว่าผู้หญิงคนนั้นคือน้องวิว
นอกจากเหตุการณ์นี้แล้ว ก็ยังมีอีกเหตุการณ์หนึ่งที่เกิดขึ้นหลังจากจับนายยศพลได้ โดยคืนวันหนึ่งที่คุณณรงค์นอนเฝ้าศพอยู่ จู่ ๆ ก็มีกลิ่นธูปลอยมาอยู่ที่จมูก ทั้งที่นอนห่างจากโลงพอสมควร แต่กลิ่นกลับอยู่ใกล้มาก และยังได้กลิ่นกายของภรรยาด้วย ตนก็พูดในใจบอกวิมลว่า ไม่ต้องห่วงเพราะจับคนร้ายได้แล้ว ส่วนลูก ๆ อีก 2 คน ตนจะดูแลให้ จากนั้นกลิ่นธูปก็หายไปทันที
และหลังจากงานศพ วันที่เอากระดูกเข้ามาในบ้านแล้ว คุณณรงค์ก็ได้ยินเสียงภรรยามาเรียกตัวเอง แล้วเขย่าประตูบ้านเหมือนหนีอะไรมาสักอย่าง ตอนเช้าเขาก็เลยจุดธูปบอกเจ้าที่ว่า ทั้งสองคนเกิดที่นี่ ถ้าพวกเขาอยากจะกลับเข้าบ้านก็ขอให้ท่านเปิดทางให้ด้วย และหลังจากนั้น มีวันหนึ่งเขาก็ได้ยินเสียงร้องไห้มาจากห้องของน้องวิว แต่ยังไม่เห็นตัว มาเห็นตัวจริง ๆ ก็วันที่ 10 กันยายนที่เห็นน้องวิวนั่งอยู่บนเก้าอี้หน้าบ้าน เป็นลักษณะเงาดำ ๆ แต่ใช่น้องวิวแน่นอน แล้วยังได้กลิ่นยาของโรงพยาบาลอยู่ตรงที่รวบรวมกระดูกของน้องวิวด้วย
เรื่องนี้ ทำให้คุณณรงค์รู้สึกทุกข์ใจมาก เพราะไม่รู้ว่าป่านนี้ภรรยาและลูกเลี้ยงเป็นอย่างไรบ้าง แล้วยังต้องการอะไรอยู่ เพื่อจะได้ทำบุญไปให้...ทางรายการจึงได้เชิญ ริว จิตสัมผัส มาร่วมพูดคุยในรายการ และก็รับรู้ได้ว่า วิญญาณของคุณวิมลยังอยู่กับคุณณรงค์ แล้วเฝ้ามองลูกอีก 2 คนอยู่ด้วยความเป็นห่วง
ส่วนวิญญาณของน้องวิวก็ยังอยู่เช่นกัน และพูดว่า "อย่ายอม" เพราะปกติแล้วเป็นคนที่ต้องสู้ให้ถึงที่สุด และสิ่งที่ทำให้ น้องวิว เสียใจที่สุดก็คือ พ่อเลี้ยงและแม่ได้พยายามห้ามและเตือนไม่ให้เธอคบกับนายยศพลแล้ว แต่เธอไม่ฟัง จนมาเกิดเหตุสลดขึ้น ดังนั้น สิ่งที่คุณณรงค์ทำได้ก็คือต้องปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการของศาลให้คดีถึงที่สุด และดูแลลูกทั้ง 2 คนต่อไป
นอกจากนี้ ริว ได้แนะนำให้คุณณรงค์นำเถ้ากระดูกของทั้งสองคนออกไปลอยอังคาร ไม่ควรนำมาเก็บไว้ในบ้าน เพราะการยึดติดตรงนี้ทำให้วิญญาณไม่สามารถไปไหนได้ และยังวนเวียนเป็นทุกข์อยู่ในสถานที่นั้น อย่างไรก็ตาม ก็ขอให้คุณณรงค์ใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจเรื่องนี้ด้วย หากจะเก็บไว้ในบ้านก็เก็บไว้เพียงชิ้นเดียว แต่ไม่ควรเก็บทั้งหมดไว้เป็นเครื่องผูกพัน ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะทรมานเพราะไปไหนไม่ได้
และสิ่งที่ทำให้ผู้ชมรู้สึกซาบซึ้งจนอดประทับใจไปกับเรื่องราวความรักของคุณณรงค์และคุณวิมลไม่ได้ ก็คือ คุณณรงค์ ได้สื่อสารถึงภรรยาและลูกเลี้ยงว่า ขอให้ไม่ต้องห่วงอะไร เขาจะดูแลน้อง ๆ ทั้ง 2 คนให้ดีเหมือนกับที่ภรรยาและน้องวิวเคยดูแล ซึ่งทางวิญญาณของคุณวิมลก็บอกว่า "ไม่ต้องห่วง ฉันรักเธอมากนะ ถึงจะอยู่กันไปจนตายไม่ได้เหมือนที่เคยคุยกันไว้ แต่อยากบอกเพียงคำเดียวว่ารักเธอมากนะ"
เรื่องนี้ทำให้คุณณรงค์น้ำตาไหล เพราะปกติเขากับภรรยาบอกรักกันทุกเช้า และรักกันมากตลอด 9 ปีที่อยู่กินกันมา เขาจึงได้พูดบอกรักภรรยาเป็นครั้งสุดท้ายในรายการ ซึ่งหลังจากนั้น ริวก็ได้เขียนอีกหนึ่งประโยคลงบนกระดานว่า "ขอบใจนะ ลาก่อน" ซึ่งเป็นความในใจที่ริวรับรู้ได้จากคุณวิมล และเป็นการปลดพันธนาการสุดท้ายให้วิญญาณคุณวิมลได้ไปสู่สุคติ