x close

เปิดใจ วีรพัฒน์ ปริยวงศ์ : ตัวตน กับ การเมืองไทย (ตอนที่ 2)


เปิดใจ วีรพัฒน์ ปริยวงศ์ : ตัวตน กับ การเมืองไทย (ตอนที่ 2)


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

            ต่อตอนที่ 2 วีรพัฒน์ ปริยวงศ์ นักกฎหมายอิสระ เจ้าของนานาทัศนะทางกฎหมาย-การเมือง ที่ถูกเหมาเป็น “นักวิชาการเสื้อแดง” ฟังมุมมองจากตัวจริง วีรพัฒน์ ปริยวงศ์ ที่หลายคนอาจไม่เคยรู้มาก่อน
           

ย้อนชมตอนที่ 1 ได้ที่นี่




ตอนที่ 2

คุณวีรพัฒน์สนใจจะผันตัวเข้าสู่แวดวงนักการเมืองหรือไม่ ?

            (หัวเราะ) ตอนที่ผมได้รับเชิญจากพรรคเพื่อไทยให้ไปบรรยายเป็นวิทยากร ที่งานสัมมนาพรรคที่เขาใหญ่ ก็มีเลียบ ๆ เคียง ๆ ถามนะครับว่าสนใจเป็น ส.ส. ในพรรคหรือไม่ ผมก็แซวกลับครับ ต่อหน้าท่านนายกฯ ยิ่งลักษณ์เลย บอกว่าสงสัยผมต้องไปตั้งพรรคการเมืองมาแข่งกับพรรคเพื่อไทยแล้วนะครับ ในขณะเดียวกันเคยมีรายการโทรทัศน์รายการช่อง 11 ก็ถามว่า คุณวีรพัฒน์จะไปช่วยพรรคประชาธิปัตย์หรือเปล่า ผมตอบว่าถ้าคุณอภิสิทธิ์ขอมาให้ผมเข้าไปช่วยพรรคประชาธิปัตย์ ผมยินดีจะช่วยนะ ไม่ได้ไปช่วยต่อสู้รัฐบาล แต่ไปช่วยปรับปรุงปฏิรูปพรรค 

            เพราะฉะนั้น ตอนนี้ผมไม่มีแรงบันดาลใจใด ๆ เลยที่จะไปร่วมกับพรรคเพื่อไทยหรือกับพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งสองพรรคหรือทุกพรรคก็มีปัญหาเหมือนกัน แต่ผมไม่ได้อยู่เฉย ๆ และผมก็ไม่ได้มองว่านักการเมืองจะต้องเลวชั่วทุกคน ผมคิดว่าผมช่วยเท่าที่ผมช่วยได้ในแง่ที่ว่าเป็นประชาชนคนหนึ่ง ที่อยากจะลุกขึ้นมาทำให้ประชาชน เพื่อน ๆ ของผม โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่รุ่นเดียวกับผม รู้สึกตื่นตัว โดยเฉพาะคนที่เข้ามาใช้บริการเว็บไซต์สื่อออนไลน์ต่าง ๆ เหมือนอย่างที่เรากำลังฟังคลิปนี้กันอยู่นะครับ รู้สึกตื่นตัวว่า แม้เราจะไม่ได้เข้าไปเป็นนักการเมืองในสภาแต่เราก็มีช่องทางที่จะใช้ในการตรวจสอบรัฐบาล ผ่านช่องทางสื่อ ผ่านช่องทางในการสนับสนุน หรือคนอย่างผม หรือคนอื่นที่ออกมาติดตามวิพากษ์วิจารณ์ตรวจสอบรัฐบาล ตรงนี้ต่างหาก คือ “การเมืองภาคประชาชน”

            เพราะฉะนั้น ถ้าถามว่าผมจะเข้าไปเล่นการเมืองในสภา ในฐานะรัฐมนตรี มีตำแหน่ง มีรายได้ มีเงินเดือน ผมคงไม่ครับ ไม่ใช่ตอนนี้ แต่ที่สำคัญคือ คนไทยทุกคน รวมถึงตัวผมด้วย เล่นการเมืองได้แต่เป็นการเมืองภาคประชาชน คือเราจะไม่อ่านข่าวข้างเดียว การที่เราจะไม่สนใจไยดีอะไรเลย เราตื่นมาวันหนึ่งแล้วเจอเขาปิดถนนไปแล้ว เราต้องติดตามตรวจสอบรัฐบาล และอีกทางหนึ่งเราต้องตั้งคำถามครับว่าวิธีการที่คนจะล้มรัฐบาลนำไปใช้อยู่ทุกวันนี้มันถูกต้องหรือเปล่า เชื่อไหมครับว่ายังมีคนในกรุงเทพฯ อยู่จำนวนมากที่ไม่ได้ออกไปร่วมชุมนุมกับคุณสุเทพหรือ กปปส. ตอนนี้ ไม่ใช่เพราะเขาชอบรัฐบาลนะครับ แต่เป็นเพราะว่าเขากำลังตั้งสติให้ดีว่า มันถูกต้องแล้วหรือการที่ไปปิดทางคนที่เขาจะไปเลือกตั้ง มันถูกต้องแล้วหรือที่มาจัดเวทีมหรสพเล่นคอนเสิร์ตกลางถนน คนอื่นเขารถติด ไปโรงพยาบาลไปโรงเรียนไม่ได้ คนอื่นเขาจะทำมาหากินก็รายได้ถดถอยลง

            เห็นไหมครับว่าคนในสังคมไทยเรายังมีคนที่ใจเป็นธรรมอีกเยอะ เขาไม่ได้ไว้ใจรัฐบาล แต่เขาก็ไม่ได้เห็นด้วยกับวิธีการคุณสุเทพ และรัฐบาลชุดนี้พูดตรง ๆ ว่าไม่สามารถจะดึงเสียงสนับสนุนจากคนเหล่านี้ออกมาได้ ผมก็หวังว่าผมอาจจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ที่จะดึงพลังของคนในการเมืองภาคประชาชน ออกมาเสนอเป็นทางเลือกเสริม นั่นคือผมไม่ได้เข้าไปเล่นการเมือง เราไม่ต้องมีอำนาจ ไม่ต้องมีอิทธิพลอะไร แต่เราพูดผ่านสื่อ เราพูดผ่านเวทีต่าง ๆ และดึงคนออกมาซึ่งเราก็สามารถจะรวมพลังต่อรองกับอำนาจของรัฐบาล ต่อรองกับอำนาจฝ่ายคุณสุเทพได้ในอนาคตครับ


คิดอย่างไรกับ คุณสุเทพ เทือกสุบรรณ และ กปปส. ?

            ผมก็อยากจะฝากให้คนที่คิดว่าผมต่อต้านคุณสุเทพกลับไปกรอเทปดูสมัยมีเวทีสามเสน มีเวทีผ่าความจริง ผมพูดออกกลางช่อง 11 ช่องของรัฐบาลเลยนะครับ ตอนนั้นผมขอบคุณและสนับสนุนคุณสุเทพ ที่ทำให้คนตื่นตัวออกมาต่อต้านกฎหมายนิรโทษกรรม ผมเองก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ออกมาเขียนบทความวิพากษ์วิจารณ์ต่อต้านรัฐบาลในเรื่องการสอดไส้นิรโทษกรรมยกเข่งมาโดยตลอด (ดูความเห็นย้อนหลังได้ที่ http://bit.ly/AboutVP)

            แต่ปรากฏว่าตอนนั้นมันต่างกับตอนนี้ครับ ตอนนั้นจำได้ไหมครับ ตอนเวทีสามเสนชุมนุมกันโดยสงบ รถไฟผ่านมาก็โบกมือให้รถไฟ ไม่ได้ปิดถนนใหญ่จนรถติด ไม่มีการไปปิดล้อมสถานที่ราชการ พอสามารถที่จะดึงคนออกมาเดินขบวนจนเกิดเวทีราชดำเนินได้แล้วรัฐบาลยอมแพ้โดยการยุบสภาแล้วให้เลือกตั้งใหม่ นั้นคือเขาสำเร็จแล้วนะครับ แต่ปรากฏว่าเขาต้องการที่จะปิดถนนต่อ ต่อรองรัฐบาลต่อ ไม่ให้คนเข้าไปเลือกตั้งต่อ นี่คือสิ่งที่ผมรับไม่ได้

            เพราะฉะนั้น อย่าสับสนนะครับว่าผมเข้าไปช่วยรัฐบาล ผมต่างหากที่ต้องออกไปสนับสนุนคุณสุเทพให้ออกมาต่อต้านรัฐบาล แต่ต่อต้านภายใต้หลักการของรัฐธรรมนูญก็คืออย่าไปละเมิดสิทธิเสรีภาพของคนอื่นเขา อย่าไปปิดถนนจนชาวบ้านเขาเดือดร้อน อย่าไปทำให้นักท่องเที่ยวหดหายแล้วโรงแรม คนที่เขาทำมาหากิน หาเช้ากินค่ำต้องไปจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเช่า เขาไม่ได้รวยเหมือนคนดีมีการศึกษาทั้งหลายที่ออกมาเดินขบวนกัน เห็นใจเพื่อนมนุษย์กันบ้าง นี่คือจุดยืนของผมที่ชัดเจนมากในเรื่องของคุณสุเทพ

            ซึ่งก็ตอบคำถามได้ว่า ประชาธิปไตยคืออะไรล่ะครับ ประชาธิปไตยตอบง่าย ๆ คือการที่เราอยู่ร่วมกันได้โดยที่เสียงข้างมากและเสียงข้างน้อยไม่เอาเปรียบซึ่งกันและกัน แน่นอนครับว่าเราไปเลือกรัฐบาลเราต้องยึดตามเสียงข้างมาก พรรคไหนชนะก็ได้พรรคนั้น แต่ในขณะเดียวกันไม่ใช่รัฐบาลจะไปกดขี่ข่มเหงเสียงข้างน้อยได้ มันก็มีหลักประกันที่อยู่ในรัฐธรรมนูญ เช่น ถ้าคุณสุเทพมองว่าตนเองเป็นเสียงข้างน้อยอยากจะออกมาชุมนุมที่สามเสนออกไปได้เลยครับ ถ้ารัฐบาลมาห้ามถือว่ารัฐบาลทำผิดแล้ว การที่คุณสุเทพออกมาเป่านกหวีดตามท้องถนนโดยไม่ได้ไปปิดถนนปิดสถานที่ราชการ ทำไปได้เลยครับมาห้ามคุณสุเทพทำไม่ได้ นั้นคือเสรีภาพที่เป็นหลักประกันว่าเราอยู่ร่วมกันได้ และที่สำคัญก็คือถ้าคุณอยากจะให้ประชาชนลุกฮือขึ้นมาต่อต้านรัฐบาลที่ทำผิดทำชั่ว

            ผมไม่ได้กำลังตัดสินว่าใครทำผิดทำชั่วนะ ผมกำลังจะบอกว่า สมมุติว่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์รัฐบาลทักษิณทำผิดทำชั่ว วิธีการที่ดีที่สุดที่จะต่อต้านรัฐบาลนี้ก็คือ ประชาชนต้องลุกมาสู้รัฐบาลตามกติกา เขาจะต้องเรียนรู้ด้วยประสบการณ์โดยตรงของตัวเขา เรื่องจำนำข้าวก็เป็นตัวอย่างที่ดี ที่บอกว่าประชาชนจะต้องเรียนรู้ด้วยตนเอง ถ้าสมมุติว่าโครงการรับจำนำข้าวมีปัญหาอย่างที่เป็นอยู่ในตอนนี้แล้วชาวนาไม่พอใจรัฐบาลชุดนี้ ถ้าเป็นไปตามปกติก็จะมีพรรคอื่นเสนอขึ้นมาเพื่อแย่งเสียงของชาวนาไป แต่ปรากฏว่าตอนนี้คุณสุเทพไปสร้างสถานการณ์ขึ้นมา ทำให้ชาวนากลุ่มนี้ไม่พอใจรัฐบาลแต่ก็โกรธคุณสุเทพเหมือนกัน โกรธพรรคประชาธิปัตย์เหมือนกันที่บอยคอตการเลือกตั้ง สุดท้ายก็ต้องไปเลือกพรรครัฐบาลหรือไม่ก็ไปลงคะแนนเสียงไม่เลือกใคร

            ตรงนี้มันน่าเสียดายครับว่าแทนที่เราจะใช้กลไกทางด้านประชาธิปไตย ต่อสู้รัฐบาลไปตามกลไก ถ้ารัฐบาลทุจริตไปฟ้อง ปปช. ถ้ารัฐบาลทำโครงการนี้ไม่ดีชาวบ้านไม่พอใจชาวบ้านก็จะลงโทษรัฐบาลเวลาไปเลือกตั้ง แต่ปรากฏว่าตอนนี้มันมีการแทรกแซงโดยปรากฏการณ์พยายามที่จะป้องกันไม่ให้ประชาชนไปเลือกตั้ง จะล้มรัฐบาลด้วยวิธีการนอกรัฐธรรมนูญ คือการที่จะไปปิดล้อมไปกดดันให้มีการลาออกจากการรักษาการ มันก็ทำให้กระบวนการที่จะไปจัดการกับรัฐบาลตามปกติมันสูญเสียไป

            เพราะฉะนั้น ประชาธิปไตยมันต้องใช้เวลา และให้ผมเปรียบเปรยแบบให้เห็นภาพง่าย ๆ ถ้าเราเปรียบการอยู่ด้วยกันในระบอบประชาธิปไตยเป็นกระบวนการเปรียบเหมือนการขับรถไปด้วยกัน เพื่อไปสู่จุดหมายด้วยกัน ถามว่าการที่เรามีการเลือกตั้งถือว่าเราเป็นประชาธิปไตยแล้วหรือ ? ถามย้อนกลับไปครับว่าการที่เราขับรถเป็นสอบใบขับขี่ได้แปลว่าเราขับรถได้ดีแล้วหรือ ? มันก็ไม่ใช่ถูกไหมครับ ประชาธิปไตยก็ต้องใช้เวลาเราต้องเรียนรู้ บางทีเราตัดสินใจพลาดเรารู้ว่าเราตัดสินใจพลาดเราก็ตัดสินใจใหม่ให้ดีขึ้น  เวลาขับรถแม้เราจะได้รถคันใหม่ ได้ใบขับขี่มา เราอาจจะขับเฉี่ยวบ้าง ขับเอียงบ้าง ขับผิดกฎจราจรบ้าง ถูกตักเตือนบ้าง เฉี่ยวจนรถเป็นรอยต้องไปซ่อมบ้าง เราก็ต้องพยายามขับรถให้ดีขึ้น เพราะฉะนั้น การที่เราอยู่ร่วมกันภายใต้ระบบของประชาธิปไตยนี้มันเป็นไปไม่ได้นะครับที่อยู่ดี ๆ คุณสุเทพหรือคนกรุงเทพฯ จะบอกว่าชาวบ้าน พวกคุณการศึกษาน้อย คุณต้องฟังพวกเรา คุณพูดอย่างนั้นเขาก็ไม่ฟังคุณหรอก เขาก็ไม่เชื่อคุณหรอก แล้วเค้าก็จะปักใจเชื่อคนที่เขาเลือกด้วย แต่ถ้าหากว่าคนที่เขาเลือกไม่ดีจริงอย่างที่คุณสุเทพว่า สุดท้ายเขาก็ต้องเปลี่ยนใจไปเลือกคนที่ดีขึ้น มันอาจจะต้องมีการเจ็บตัว มันอาจจะต้องมีการเรียนรู้ครับ แต่นั้นเป็นวิธีการเดียวในระบอบประชาธิปไตย ซึ่งทั่วโลกไม่มีประเทศไหนครับที่อยู่ดี ๆ ประกาศอิสรภาพแล้วก็สามารถเจริญรุ่งเรืองได้ทันที

            สหรัฐอเมริกาสองร้อยกว่าปี ใช้เวลานานมากนะครับกว่าผู้หญิงจะมีสิทธิ์ไปเลือกตั้งได้อย่างผู้ชาย ไปดูญี่ปุ่นก่อนหน้าสงครามโลกก่อนที่จะแพ้สงครามโลกก็ไม่ได้มีประชาธิปไตยอะไรมากหรอกครับ จนกระทั่งเขารู้สึกว่าประเทศชาติต้องถูกอาวุธนิวเคลียร์ลงโทษไปแล้ว เลยต้องพยายามมาปรับตัว อิตาลี เยอรมนี ฝรั่งเศส เหมือนกันครับเปลี่ยนหน้ามือเป็นหลังมือเลยจากฮิตเลอร์ มุสโสลินี เขาก็ต้องปรับตัวกัน

            หากคนไทยรู้สึกว่านักการเมืองคนนี้ชั่วนักการเมืองคนนี้เลว คนที่จะปรับปรุงประเทศได้คือประชาชนและต้องให้โอกาสประชาชนตัดสินใจครับ เชื่อสิครับว่าแม้รัฐบาลยิ่งลักษณ์กลับมา แม้เพื่อไทยจะชนะ แม้จะเปิดสภาได้มันก็ไม่ได้ทำให้เขาแข็งแกร่งหรอกครับ ยิ่งเขามีเสียงข้างมากเยอะขึ้น เพราะพรรคประชาธิปัตย์ไม่ลง มันจะยิ่งทำให้พรรคเพื่อไทยเหนื่อยนะครับไม่ใช่ว่าสบาย เสียงเขายิ่งมากมันยิ่งเหมือนเผด็จการหรือเปล่า เป็นแบบพวกมากลากไปหรือเปล่า เขาเลยยอมรับออกมานะครับว่า ถึงแม้ว่าเขาจะชนะเขาก็จะอยู่ในตำแหน่งเพียง 1 ปี สิ่งเหล่านี้ผมคิดว่าเป็นโอกาสที่ดีมากที่พรรคประชาธิปัตย์และคนอื่นที่อยากจะออกมาต่อสู้แข่งกับรัฐบาลควรจะออกมา แต่มันน่าเสียดายมากที่พรรคประชาธิปัตย์ก็ปฏิเสธที่จะลงเลือกตั้ง เพราะคิดว่าตนเองลงเลือกตั้งไปแล้วก็แพ้อยู่ดี มันก็ยิ่งทำให้ภาพของการเลือกตั้งดูไม่ดี  ผมก็ฝากความหวังไว้นะครับว่า พรรคประชาธิปัตย์น่าจะใช้ระยะเวลาช่วงนี้ไปปรับปรุงปฏิรูปพรรค

            คราวนี้ตอบคำถามสุดท้ายที่ว่า คิดว่าเดือนเมษาจะมีการเลือกตั้งหรือไม่ ผมคิดว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นหรือไม่ มันไม่ใช่ปัญหาที่ข้อกฎหมายหรอกครับ มันไม่ใช่ปัญหาที่ กกต. หรือรัฐบาลหรอก มันอยู่ที่ กปปส. และผู้ชุมนุมว่าจะมีน้ำใจให้เพื่อนคนไทยด้วยกันไปใช้สิทธิ์อย่างสงบสันติหรือไม่ ผมตั้งคำถามง่าย ๆ เวลาเขาออกมาชุมนุมกัน มาขับไล่รัฐบาลเราก็มีน้ำใจเอื้ออาทรกันครับอยากจะปิดถนนก็ให้อุตส่าห์ให้ปิด เดินขบวนเป่านกหวีดชัตดาวน์กรุงเทพฯ ปิดกรุงเทพฯ ก็ยังทำได้ ก็ยังเคารพว่าอาจจะอ้างว่าเป็นเสรีภาพได้หรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ในขณะที่คนอื่นขอใช้สิทธิ์ของเขาไปเลือกตั้ง ทำไมต้องไปปิดคูหา ทำไมต้องไม่ให้ กกต. ขนบัตรออกมา สิ่งเหล่านี้ไม่เป็นธรรมเลยต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน

            ผมเลยอยากจะฝากความปรารถนาดีไปยังมวลชน กปปส. โดยเฉพาะแกนนำ ถ้าท่านจริงใจท่านอยากจะประท้วงไม่เห็นด้วยไม่ได้ไปขัดขวางการเลือกตั้ง ท่านต้องไปอบรม ตักเตือน ต่อว่า มวลชนและแกนนำ กปปส. ภาคใต้ หรือในกรุงเทพฯ ที่ไปปิดกั้น หรือ ใครก็ตามที่ไปใช้อาวุธสงคราม ใส่ถุงปุ๋ย ถุงป๊อปคอร์นมายิงใส่กัน เพราะนั้นเป็นการพรากสิทธิขั้นพื้นฐานที่สุดของเพื่อนคนไทยด้วยกันไป ถ้าสมมุติว่าเรามีการเลือกตั้งมาแล้ว รัฐบาลสัญญาแล้วว่าจะอยู่ในตำแหน่งแค่หนึ่งปี ถ้าพรรคเพื่อไทยกลับมาและใช้เวลาหนึ่งปีนั้นวางโครงการตามที่คุณสุเทพอยากจะเห็น ตามที่ผมอยากจะเห็น ตามที่เราทุกคนอยากจะเห็น วันนี้ไม่มีใครบอกว่าเราไม่ต้องการปฏิรูป ทุกคนบอกว่าต้องการปฏิรูปหมด เพียงแต่เรารอเท่านั้นเอง ให้ กกปส. เปิดทางให้คนอื่นได้ไปเลือกตั้ง เราจะได้มีรัฐบาลกลับมาและเดินการปฏิรูป

            การปฏิรูปไม่ต้องรอการเลือกตั้งมันทำมาตั้งนานแล้ว สมัยปี 2540 ก็พยายามทำมา สมัยคุณอภิสิทธิ์ คุณยิ่งลักษณ์ ก็พยายามทำมา ฉะนั้น การปฏิรูปไม่ใช้สิ่งที่จะเกิดก่อนเกิดหลังการเลือกตั้ง มันเกิดขึ้นมาตลอดเวลาและมันก็ต้องเกิดขึ้นต่อไป แต่วันนี้การปฏิรูปจะเกิดขึ้นไม่ได้เลยถ้าเรายังมัวทะเลาะกันอยู่ และการทะเลาะกันมันจะยิ่งรุนแรงขึ้นครับ หากเราไปปิดขวางไม่ให้คนไทยไม่ได้ไปเลือกตั้งอย่างที่เราเห็นที่หลักสี่ที่มีคนยิงปืนใส่กัน ก็หวังอย่างยิ่งนะครับว่า เดือนมีนาคม เมษายน ที่จะถึงนี้ คนไทยน่าจะมีน้ำใจให้กันครับ เราอาจจะไม่ชอบรัฐบาลไม่เป็นไรแต่อย่าไปกดขี่ขัดขวางเพื่อนคนไทยด้วยกันที่จะไปเลือกตั้งนะครับ

เปิดใจ วีรพัฒน์ ปริยวงศ์ : ตัวตน กับ การเมืองไทย (ตอนที่ 2)


ปฏิรูปการเมืองไทยจะต้องทำอย่างไร ?

            การปฏิรูปไม่ใช่สิ่งที่จะทำเสร็จได้ภายในปีสองปีอย่างที่คุณสุเทพบอกหรอกครับ มันจะต้องเป็นสิ่งที่ทำต่อเนื่องเป็นระยะเวลายาวนาน เผลอ ๆ 10 ปีก็ยังไม่เสร็จ สิ่งสำคัญคือต้องมีความจริงใจและมีส่วนร่วมจากทุกฝ่าย ที่ผ่านมารัฐบาลเกือบทุกชุดครับ พยายามจะช่วงชิงการเป็นเจ้าของการปฏิรูป เช่น สมัยคุณอภิสิทธิ์ก็ไปตั้งคณะกรรมการที่คุณอภิสิทธิ์พอใจ สมัยคุณยิ่งลักษณ์ก็เป็นเจ้าภาพเปิดเวที วิธีการแบบนั้นคงเป็นไปไม่ได้แล้ว คงจะต้องมีเจ้าภาพที่ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมร่วมกันได้ สิ่งนี้คือโจทย์สำคัญ และสิ่งนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยถ้าเกิดว่าฝ่าย กปปส. ฝ่ายคุณสุเทพ ปฏิเสธที่จะเข้าร่วม

            การปฏิรูปทุกฝ่ายต้องร่วมกัน วันนี้รัฐบาลเขายอมแล้ว เขายอมที่จะบอกว่ายินดีให้มีคณะกรรมการพิเศษชุดหนึ่งที่ประกอบไปด้วยฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล เช่น ผู้นำเหล่าทัพ ผู้นำของอธิการบดีมหาวิทยาลัย ผู้นำองค์กรเอกชนธุรกิจ ผู้นำในสายข้าราชการประจำ พูดง่าย ๆ คือ กลุ่มก้อนที่ไม่ได้อยู่ข้างเดียวกับรัฐบาล เผลอ ๆ จะพูดคุยกับคุณสุเทพได้สะดวกเสียด้วยซ้ำ มาร่วมกันช่วยเป็นตัวนำในการปฏิรูป ซึ่งผมเองก็ไม่ได้เห็นด้วยกับวิธีการที่คุณยิ่งลักษณ์เสนอนี้เท่าไหร่นะครับ ซึ่งผมก็วิจารณ์ว่าวิธีการนี้ไม่ถูกต้องสักเท่าไหร่ แต่ผมเข้าใจว่าคุณยิ่งลักษณ์เองก็พยายามเอาวิธีการนี้แสดงความจริงใจว่าเขาก็ยอมถอย ยอมพยายามอะลุ่มอล่วย พยายามจะอยู่ในตำแหน่งแค่ปีเดียว ผมหวังว่าการปฏิรูปถ้ามันจะต่อเนื่องและจริงใจได้ มันต้องมีส่วนร่วมจากคุณสุเทพ

            สิ่งที่จะทำให้คุณสุเทพเริ่มตระหนักถึงความจำเป็นในการที่จะมาคุยกันได้ก็คือ ภาพของคะแนนเสียงประชาชนยี่สิบกว่าล้านคนเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 ที่ผ่านมา (และอีกหลายล้านคนที่รออยู่) หลายเสียงในยี่สิบล้านนั้น เขาไม่ได้โหวตให้รัฐบาลนะครับ เขาไม่ได้โหวดเลือกพรรคเพื่อไทยนะครับ เขาไปกาช่องไม่ประสงค์ลงคะแนนเสียด้วยซ้ำ การที่เขากาช่องไม่ประสงค์ลงคะแนนนี่นะครับ มันชัดเจนนะครับว่า แม้ว่าเขาจะไม่ถูกใจรัฐบาล แม้เขาจะไม่พอใจนักการเมืองในสภา แต่เขายังต้องการการเลือกตั้ง เขาไม่ได้ออกไปร่วมกับคุณสุเทพ แต่เขาออกไปเลือกตั้งและกาช่องไม่ประสงค์ลงคะแนน ตรงนี้เป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าคุณสุเทพน่าจะหยุดได้แล้วกับวิธีการที่จะไปขัดขวาง หรือแม้แต่การใช้ยุทธศาสตร์ที่ทำให้คนกลัว ไม่กล้าออกไปเลือกตั้ง เลือกตั้งเถอะครับ และเรากลับมาคุยกัน รัฐบาลเขาอยู่ได้ไม่นานหรอกครับในสภาพแบบนี้






เป็น “ล็อบบี้ยิสต์” ให้กับรัฐบาล ?

            อันนี้ก็ขำมาก ที่บอกไปขุดคุ้ยประวัติผม แล้วสร้างเรื่องเท็จปลอม ๆ ขึ้นมา ใครอ่านก็รู้แล้วครับว่ามันไม่ใช่ความจริง แต่การที่ไปสร้างยกเครดิตให้ผมเป็น ล๊อบบี้ยิสต์ ระดับโลก สามารถไปควบคุมหนังสือพิมพ์ Washington Post สามารถไปควบคุมสภาคองเกรส สหรัฐอเมริกาได้ ผมว่าคนที่พูดอย่างนี้คงละเมอไปแล้วนะครับ ข้อเท็จจริงก็คือ ตอนที่ผมไปต่างประเทศที่เกิดข่าวขึ้นมานี่คือผมไปเที่ยวส่วนตัว วางแผนล่วงหน้ามาครึ่งปีแล้วครับ แล้วก็ไปอาศัยบ้านเพื่อนอยู่ บางคนบอก โอ้โห!! บิน First Class กินดีอยู่ดี ผมไม่ได้บิน First Class ครับ การบินไทยที่บินไปอเมริกามีแค่ Business Class และเวลาไปก็พักบ้านเพื่อน คือขออาศัยเขาอยู่ห้องเล็กๆ ก็อยู่กันอบอุ่นเพื่อนฝูงอยู่ด้วยกัน แต่พอผมไป ผมก็มีโอกาสได้คุยกับเพื่อนฝูงที่ทำงานในองค์การระหว่างประเทศ ในวงการเมืองระหว่างประเทศ เช่น ที่องค์การสหประชาชาติ ก็มีการนัดทานข้าวกันคุยกัน พอคนเขารู้ว่าผมซึ่งเคยวิภาควิจารณ์การเมืองที่ประเทศไทยไปเที่ยวที่ต่างประเทศ เขาก็ติดต่อมาอยากจะคุย คนบางคนเขาเคยอยู่ในวงการเกี่ยวกับด้านการเมือง เขาก็อยากจะแนะนำให้รู้จักนักการเมืองคนนั้นคนนี้ ก็พาไปเจอพาไปคุย เพราะตอนนี้ต่างชาติก็สนใจการเมืองไทยมากนะครับ ทันทีที่เขารู้ว่ามีคนที่เคยให้ความเห็นทางการเมืองไปเยือนบ้านเมืองเขา เขาก็อยากจะคุยด้วย มันก็มีแค่นั้นแหละครับ

            เพียงแต่ว่าสุดท้ายแล้ว Washington Post จะออกมาแสดงความเห็น ต่อต้าน กปปส. สนับสนุนประชาธิปไตย นั่นไม่ใช่ฝีมือผมครับ นั่นเป็นฝีเมือของ กปปส. เอง เพราะ กปปส. สร้างประเด็นสร้างปัญหาจนฉาวโฉ่ไปทั่วโลก และขอโทษนะครับ การที่บอกว่าผมสามารถไปล๊อบบี้ ไปควบคุม Washington Post ได้ และผมถามนะครับ ผมให้สัมภาษณ์สื่อทั่วโลก BBC ของอังกฤษ ให้สัมภาษณ์ Aljazeera ของตะวันออกกลาง ให้สัมภาษณ์ CCTV ของจีน ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์และโทรทัศน์ของญี่ปุ่น ให้สัมภาษณ์ ให้สัมภาษณ์สื่อยักษ์ใหญ่อย่าง New York Times และ Wall Street Journal ของอเมริกา และผมก็วิจารณ์ กปปส. ชัดเจน ถามว่าสื่อเหล่านี้ผมควบคุมได้ทั่วโลกเลยใช่ไหม ?

            ผมก็ตอบสั้น ๆ ว่า ผมไม่ได้ควบคุมอะไรเลยครับ เพียงแต่ว่าเรื่องนี้มันเป็นประเด็นขึ้นมาเพราะ กปปส. ที่กำลังเรียกร้องให้มีการล้มรัฐบาลและไม่ต้องมีการเลือกตั้ง มันเป็นสิ่งที่ทั่วโลกไม่เข้าใจ พอทั่วโลกเขาไม่เข้าใจก็อยากจะหาคนมาอธิบาย ผมแค่อธิบายมุมมองของผมไปว่า สิ่งที่เขาทำอยู่มันคืออะไร ส่วนถ้า กปปส. ไม่สบายใจว่า ผมจะอธิบายในสิ่งที่เป็นเท็จก็ขอโทษครับ แต่ กปปส. ก็มาแถลงเป็นภาษาอังกฤษทุกวัน แต่สื่อต่างชาติเขาไม่ฟัง กปปส. ไงครับ สื่อต่างชาติเขาไม่เชื่อสิ่งที่คุณแถลงอยู่ เขาเลยต้องมาขอความเห็นจากผม เพราะฉะนั้น หากคุณอยากแก้ปัญหานี้ กปปส. ต้องไปแก้ปัญหาที่เวทีภาษาอังกฤษของคุณแล้ว เพราะพูดเท่าไหร่เขาก็ไม่ฟังคุณ เพราะมันไร้สาระ


มีข้อเสนอแนะถึงรัฐบาลรักษาการณ์ กลุ่ม กปปส. รวมถึงนักวิชาการที่ออกมาแสดงความคิดเห็นทางการเมืองในขณะนี้อย่างไร ?

เริ่มต้นง่าย ๆ อย่างน้อยสองอย่าง

            อย่างแรกเลยนะครับ ทุกคนต้องลดอคติ เวลาผมพูดถึงคุณสุเทพ ผมจะไม่มองข้ามแง่ดีของเขา คือ การที่เราจะมาพูดถึงเหตุบ้านการเมืองในวันนี้ คนไทยพูดคุยกันได้น้อยลง มีอารมณ์กันอย่างยิ่ง พูดเรื่องการเมืองกันเมื่อไหร่แล้ว แบ่งเป็นกลุ่ม เป็นก้อน เป็นสี เราต้องเลิกมีอคติ เหมารวม สวมกรอบให้คนครับ การมาบอกว่าเธอเสื้อแดง เธอขี้ข้าทักษิณ ฯลฯ

            ผมคิดว่าคนที่พูดในลักษณะนี้เป็นคนที่จนตรอก คือไม่รู้ว่าจะโต้แย้งว่าอย่างไร ก็เลยต้องมาหยิบคำพูดสั้นๆ ว่า ขี้ข้า ทักษิณ เสื้อแดง ขึ้นมา แต่ถามว่า คำว่า “เสื้อแดง” แปลว่าอะไร อธิบายให้ชัด ๆ ได้ไหมว่าเสื้อแดงแปลว่าอะไร เสื้อแดงเขาทะเลาะกันเองเรื่องกฎหมายนิรโทษกรรม คุณอธิบายได้ไหม เวลาคนมาหาว่าผมเป็นเสื้อแดง ผมถามกลับนะครับว่าเสื้อแดงของคุณนี้แปลว่าอะไรล่ะ อธิบายให้ชัดนะแล้วผมจะตอบว่าผมเป็นหรือไม่เป็น เพราะเสื้อแดงที่ต่อต้านคุณทักษิณก็มี เสื้อแดงที่ชอบคุณทักษิณก็มี เพราะฉะนั้นทุกวันนี้เราต้องมองว่าคนไทยก็คือคนไทยด้วยกันนี่แหละ อย่าไปใส่ภาพเขาว่าเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ ถ้าเกิดคุณเห็นไม่ตรงกันก็ว่าเห็นไม่ตรงกันก็จบ แต่อย่าไปสร้างความเท็จมาโจมตีเรื่องส่วนบุคคล เพราะถ้าคุณบอกว่าเหตุผลของคุณไม่ดี คุณก็บอกว่าคนนั้นไปเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ นั่นคือคุณจนตรอกแล้ว คุณไม่รู้จะพูดอะไรแล้วซึ่งเป็นเหตุเป็นผล ก็เลยต้องเอาเรื่องส่วนตัวมาว่า เพราะฉะนั้นพูดกันด้วยเหตุผลและอย่าไปสวมสีสวมเสื้อให้กัน

            และย้ำว่า คนที่ไม่เห็นด้วยกับคุณสุเทพ เขาไม่ได้จำเป็นต้องเห็นด้วยกับรัฐบาลนะครับ แต่เขาต้องการกติกา เลิกมีอคติ และเลิกเหมารวมได้แล้ว

             อย่างที่สองก็คือ เมื่อลดอคติได้แล้ว เราต้องทำให้ผู้นำกลุ่มต่าง ๆ มีการพูดคุยและเจรจากัน ระหว่างแกนนำของทั้งสองฝ่ายที่ขัดแย้งกัน ผมคิดว่าวันนี้ฝ่ายรัฐบาลพยายามอย่างยิ่งที่สุดแล้ว เขายอมหมด คุณอยากจะคุยอะไรกับรัฐบาลมาคุยได้เลย  กกต. อยากจะนัดคุย รัฐบาลก็ไปคุยกัน คุณอยากให้เลือกตั้งและรัฐบาลมีอำนาจในเวลาที่จำกัด รัฐบาลก็จะอยู่ในเวลาที่จำกัด ถ้าชนะ เขาก็จะอยู่แค่ปีเดียว แล้วก็จะไปยุบสภา เลือกตั้งใหม่

            แต่ฝ่าย กปปส. ไม่คุยมากัน ผมว่าตรงนี้เป็นสิ่งสำคัญที่ผมอยากจะให้มีการหันหน้ากลับมาคุยกัน ผมว่าประชาชนสามารถส่งสัญญาณได้ครับ การเรียกร้องให้มีการเลือกตั้ง เราไม่ได้เลือกตั้งเพื่อสนับสนุนคุณยิ่งลักษณ์ครับ พรรคเพื่อไทยเขาประกาศแล้วนิครับว่า แม้เขาจะชนะ เขาก็อยู่ไม่ได้ถึงสี่ปี เขาก็อยู่ได้ปีเดียว เพราะเขารู้สถานการณ์ เขามาเขาก็ร่อแร่ ๆ ครับ ยิ่งไม่มีพรรคประชาธิปัตย์อยู่ในสภาก็ยิ่งถูกโจมตีเข้าไปใหญ่ เพราะฉะนั้นเวลานี้เราจะเลือกตั้ง ไม่ใช่เพื่อให้มีรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ไม่ใช่เพื่อมีรัฐบาลเพื่อไทย แต่เลือกตั้งเพื่อให้คนไทยได้มีเวทีรัฐสภากลับมาพูดคุยกัน วางกลไกปฏิรูป มีคุณสุเทพและทุกฝ่ายมาเข้าร่วมกัน แล้วก็เดินหน้าประเทศไทยต่อไป

            ผมว่าวันนี้คนไทยเหนื่อยพอแล้วครับกับการมาปิดถนน กับการมาทะเลาะกัน (และเจ็บปวดพอแล้วที่คนไทยรวมถึงเด็กน้อยต้องมาตาย) เราอยากจะกลับไปรักกันเหมือนเดิม ก็ออกไปเลือกตั้ง พาประเทศไทยต่อไปผ่านสันติภาพครับ ไม่ใช่การใช้กำลัง


ย้อนชมตอนที่ 1 ได้ที่นี่


---
วีรพัฒน์ ปริยวงศ์ นักกฎหมายอิสระ
www.facebook.com/verapat
Twitter @NewVerapat


(คุณวีรพัฒน์ได้ฝากบอกแฟนเว็บกระปุกด้วยว่า คุณวีรพัฒน์ได้อ่าน comment โหด ๆ แล้ว และฝากบอกมาดังนี้ http://bit.ly/AboutVP)




เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เปิดใจ วีรพัฒน์ ปริยวงศ์ : ตัวตน กับ การเมืองไทย (ตอนที่ 2) อัปเดตล่าสุด 26 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา 10:29:16 32,195 อ่าน
TOP