
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ข่าวสด
พล.ต.ภานุ กานยะคามิน ยิง นิภากร รุ่งเรืองรัตนากุล น้องสาว เสียชีวิต และนายวัฒนา รุ่งเรืองรัตนากุล น้องเขย อาการสาหัส ปมแย่งมรดก เจ้าตัวไม่ยอมให้การใด ๆ ยืนยันว่าจะให้การในชั้นศาลอย่างเดียวเท่านั้น
วานนี้ (19 พฤษภาคม 2557) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองฉะเชิงเทรา รับแจ้งเหตุยิงกัน บริเวณปากทางเข้าโรงเรียนสอนดนตรีวิญญกานต์ ถนนมหาจักรพรรดิ ต.หน้าเมือง อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย จึงรุดไปตรวจสอบ
ทั้งนี้ เมื่อไปถึงยังที่เกิดเหตุ พบรถโตโยต้าวิช สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน ษร 9388 กรุงเทพมหานคร จอดอยู่ริมฟุตปาธ บริเวณประตูรถด้านซ้ายเปิดอ้าอยู่ ภายในรถพบร่างของ นางนิภากร รุ่งเรืองรัตนากุล อายุ 58 ปี อดีตอาจารย์ภาควิชาดนตรีสากล โรงเรียนดัดดรุณี นอนหายใจรวยริน พบบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืน 11 มม. เข้าที่ช่องท้องและที่ศีรษะอาการสาหัส นอกจากนี้ ในที่เกิดเหตุยังพบปลอกกระสุนปืนขนาด 11 มม. ตกกระจายอยู่ตามพื้นจำนวน 8 ปลอก
ส่วนผู้บาดเจ็บอีกรายคือ นายวัฒนา รุ่งเรืองรัตนากุล อายุ 57 ปี สามีของนางนิภากร นอนจมกองเลือดอยู่ในสำนักงานป่าไม้จังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 50 เมตร สภาพถูกตีที่ศีรษะและถูกยิงที่กลางหลัง 1 นัด อาการสาหัส เจ้าหน้าที่ได้ช่วยกันปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาลในเวลาต่อมา โดยแพทย์ได้ช่วยยื้อชีวิตทั้งคู่ แต่นางนิภากรอาการสาหัส จึงเสียชีวิตในที่สุด
สำหรับมือปืนที่ก่อเหตุนั้น ทราบชื่อคือ พล.ต.ภานุ กานยะคามิน อายุ 65 ปี นายทหารนอกราชการ ซึ่งเป็นพี่ชายแท้ ๆ ของนางนิภากร โดยเบื้องต้น พล.ต.ภานุ ไม่ให้การใด ๆ บอกเพียงสั้น ๆ ว่าเรื่องในครอบครัว
และจากการสอบสวนพยานในเหตุการณ์ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุนายวัฒนาขับรถมาจอดที่ปากทางเข้าโรงเรียนสอนดนตรีโดยมีนางนิภากรนั่งมาด้วย ต่อมา พล.ต.ภานุ ขับรถมาจอดเทียบ ต่อท้าย จากนั้นก็เปิดประตูถือปืนไปฝั่งคนขับ และยิงเข้าไปในรถจำนวน 2 นัด กระสุนไปโดนนางนิภากรซึ่งกำลังจะเปิดประตูลงรถ ส่วนนายวัฒนาเปิดประตูแล้วพยายามจะวิ่งหนี แต่ถูกไล่ยิงจนฟุบลงข้างทาง ก่อนที่ใช้ด้ามปืนกระหน่ำตีศีรษะจนกะโหลกแตกและแน่นิ่งจมกองเลือด จังหวะเดียวกันมีเจ้าหน้าที่ตำรวจผ่านมา จึงรีบวิ่งตามไปกระโดดล็อกคอและจับกุมตัว พล.ต.ภานุ เอาไว้ได้
อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่ตำรวจเปิดเผยว่า ผู้ต้องหาไม่ยอมให้การอะไร บอกเพียงว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องมรดกและเรื่องภายในครอบครัว และจะขอให้การในชั้นศาลเท่านั้น ส่วนด้านผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ปัญหาเรื่องมรดกดังกล่าว เกี่ยวข้องกับที่ดิน 1 ไร่ ที่มีมูลค่าหลายล้านบาท เนื่องจากอยู่กลางเมืองฉะเชิงเทรา ทางเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างสอบปากคำญาติพี่น้องถึงสาเหตุการสังหารที่แท้จริงต่อไป







