สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประวัติอดีตขุนคลัง สู่การนั่งที่ปรึกษา คสช.

สมคิด จาตุศรีพิทักษ์

สมคิด จาตุศรีพิทักษ์

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม 
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก thaipublica.org , สปริงนิวส์ ,วิกิพีเดีย

              สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประวัติอดีต รมว.คลัง หลายสมัยในรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร สู่การเป็นที่ปรึกษา คสช. ด้านต่างประเทศ

              เป็นที่จับตามองอย่างยิ่ง เมื่อคณะรักษาความสงบแห่งชาต (คสช.) ตั้ง นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรีสมัย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มาดำรงตำแหน่งที่ปรึกษา คสช. ด้านการต่างประเทศ ซึ่งแม้ว่าจากประวัติที่ผ่านมา นายสมคิด จะทำงานด้านเศรษฐกิจเป็นหลักเสียส่วนใหญ่ แต่เขาก็เคยมีประสบการณ์ในด้านการต่างประเทศมาบ้างแล้วเช่นกัน ลองย้อนไปดูประวัติส่วนตัว และประวัติการทำงานของอดีตขุนพลด้านเศรษฐกิจที่ได้รับการยอมรับคนหนึ่งของประเทศไทย

ประวัติ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ 

              สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เกิดเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2496 ที่กรุงเทพมหานคร ในครอบครัวคนจีน มีพี่น้อง 10 คน ศึกษาระดับมัธยมที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา จากนั้นเรียนต่อปริญญาตรีที่คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จนจบการศึกษาด้านเศรษฐศาสตร์การคลัง และเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศ ในปี 2515 ก่อนจะต่อปริญญาโท MBA สาขาบริหารการเงิน ที่สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ และจบการศึกษาในปี 2519 จากนั้นสอบชิงทุนได้ไปศึกษาต่อจนจบระดับปริญญาเอก สาขาบริหารธุรกิจ เน้นการจัดการด้านการตลาด ที่มหาวิทยาลัยนอร์ทเวสเทิร์น ประเทศสหรัฐอเมริกา จนจบการศึกษาในปี 2527

              ชีวิตการทำงานของ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ผ่านประสบการณ์มามากมาย อย่างเช่นการดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และกรรมการในอนุกรรมการพิจารณารับและเพิกถอนหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และเขายังเป็นนักวิเคราะห์ตลาดหุ้นที่เป็นที่รู้จักในวงกว้าง นอกจากนี้แล้ว สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ยังดำรงตำแหน่งกรรมการ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) และกรรมการ การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย

สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ กับชีวิตครอบครัว

              นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ มีพี่น้องทั้ง 10 คน ซึ่งคนที่มีชื่อเสียงได้แก่ ศาสตราจารย์สม จาตุศรีพิทักษ์ พี่ชาย ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ สมัยรัฐบาล พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ส่วนชีวิตสมรสนั้น นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ สมรสกับ นางอนุรัชนี จาตุศรีพิทักษ์ (สกุลเดิม "ภิงคารวัฒน์") มีบุตรชายด้วยกัน 3 คน

สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ กับเส้นทางสายการเมือง

              ในด้านการทำงานที่เกี่ยวข้องกับทางการเมืองนั้น นายสมคิด เคยดำรงตำแหน่ง เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง สมัยนายทนง พิทยะ จากนั้น ได้รับการชักชวนจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สมัยที่ยังอยู่พรรคพลังธรรม ให้มาเป็นที่ปรึกษาส่วนตัว นายสมคิดจึงได้เป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และเมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี นายสมคิดก็รับหน้าที่ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรีให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้ ศ.ดร.สม จาตุศรีพิทักษ์ ผู้เป็นพี่ชาย ในรัฐบาล พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ

              ต่อมา เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ออกไปตั้งพรรคไทยรักไทย นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ จึงกลายเป็นบุคคลหนึ่งที่มีบทบาทในการร่างกลยุทธ์และนโยบายของพรรค โดยเฉพาะนโยบายประชานิยม เอื้ออาทร ฯลฯ ที่โดนใจชาวรากหญ้า จนทำให้พรรคไทยรักไทยได้รับชัยชนะอย่างถล่มทลายในการเลือกตั้ง และได้จัดตั้งรัฐบาล

              เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ก็ได้ขึ้นนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แต่นั่งเก้าอี้ได้เพียง 8 เดือน ก็มีการปรับคณะรัฐมนตรีใหม่ ครั้งนี้ สมคิด เปลี่ยนมานั่งเก้าอี้รองนายกรัฐมนตรีแทน กระทั่งมีการปรับคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง เขาจึงได้กลับมาดำรงตำแหน่งขุนคลังเป็นครั้งที่ 2 หลังจากนั้นมีการปรับคณะรัฐมนตรีอยู่เรื่อย ๆ ทำให้ สมคิด สลับตำแหน่งระหว่างรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอยู่หลายครั้ง ก่อนที่ตำแหน่งสุดท้ายในรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ที่เขาได้รับก็คือ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์

              ในช่วงที่ดำรงตำแหน่งอยู่นั้น นายสมคิดเป็นบุคคลหนึ่งที่ถูกเสนอชื่อให้ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีแทน พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะเป็นผู้ที่มีภาพลักษณ์ดี และมีความสามารถ จึงเป็นที่คาดกันว่าน่าจะช่วยคลี่คลายสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มต่อต้านและขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ในช่วงปี 2549 ได้ แต่สุดท้ายเหตุการณ์ก็จบลงที่การก่อรัฐประหาร

              ภายหลังการรัฐประหารในปี 2549 นายสมคิดได้ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทย และได้เข้าเป็นหนึ่งในตัวแทนกลุ่มมัชฌิมา ก่อนที่รัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ จะแต่งตั้งให้ นายสมคิด ให้ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการประสานงานและกระชับความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ด้วยภารกิจการสร้างความเข้าใจเรื่องนโยบายเศรษฐกิจพอเพียงแก่ต่างประเทศ แต่ทว่าเขาต้องเผชิญแรงกดดันจากหลายฝ่ายที่ยังมองว่าเขาเป็นขุนพลคนสำคัญของ พ.ต.ท.ทักษิณ จนในที่สุดแล้ว นายสมคิด ต้องยอมลาออกจากตำแหน่งดังกล่าว

              กระทั่งในปี 2550 ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินยุบพรรคไทยรักไทย ทำให้กรรมการบริหารพรรคถูกตัดสิทธิเป็นเวลา 5 ปี หนึ่งในนั้นมีชื่อของ นายสมคิด อยู่ด้วย ภายหลังเขาจึงไปร่วมก่อตั้งพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา รวมกับกลุ่มรวมใจไทยของนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์, นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์, นายพิจิตต รัตตกุล” และกลุ่มชาติพัฒนาของนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ โดยนายสมคิดรับหน้าที่เป็นที่ปรึกษาพรรค แต่ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2550 พรรครวมใจไทยชาติพัฒนากลับได้ ส.ส. เพียง 9 ที่นั่งเท่านั้น

              จากนั้น นายสมคิด ตัดสินใจวางมือทางการเมือง และไปรับหน้าที่การเป็นกุนซือให้กับบริษัทยักษ์ใหญ่หลายแห่ง ทั้งกลุ่มสหพัฒน์ โอสถสภา รวมทั้งแสดงความคิดเห็นด้านเศรษฐกิจตามเวทีสัมมนาต่าง ๆ ไปพร้อม ๆ กับทำงานเพื่อสังคม

              กระทั่งล่าสุดในปลายเดือนพฤษภาคม 2557 ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ กลับมาเป็นข่าวอีกครั้ง เมื่อได้รับคำเชิญจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ให้มาดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการต่างประเทศ ซึ่งแนวทางการทำงานจะเป็นไปในทิศทางใดต้องติดตามต่อไป


สมคิด จาตุศรีพิทักษ์

สรุปประวัติการทำงาน

              - เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กระทรวงการคลัง (ดร.ทนง พิทยะ)
              - ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ (พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร)
              - ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี  (พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร)
              - ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงพาณิชย์ (ศ.ดร.สม จาตุศรีพิทักษ์)
              - กรรมการ การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย
              - กรรมการ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน)
              - ที่ปรึกษาตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
              - กรรมการในอนุกรรมการพิจารณารับและเพิกถอนหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
              - ประธานกรรมการ บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน)
              - นายกสภามหาวิทยาลัยกรุงเทพ
              - รองประธานคณะกรรมการกลาง มูลนิธิรามาธิบดี ในพระราชูปถัมภ์
              - กรรมการสภามหาวิทยาลัยกรุงเทพ ประเภทผู้ทรงคุณวุฒิ
              - ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร

ตำแหน่งสำคัญทางการเมือง

              - 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2544 - 9 ตุลาคม พ.ศ. 2544 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
              - 9 ตุลาคม พ.ศ. 2544 - 3 ตุลาคม พ.ศ. 2545 รองนายกรัฐมนตรี
              - 3 ตุลาคม พ.ศ. 2545 - 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2546 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
              - 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2546 - 9 มีนาคม พ.ศ. 2547 รองนายกรัฐมนตรี
              - 10 มีนาคม พ.ศ. 2547 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
              - 11 มีนาคม พ.ศ. 2548 รองนายกรัฐมนตรี
              - 11 มีนาคม พ.ศ. 2548 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
              - 2 สิงหาคม พ.ศ. 2548 รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์





อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก

thaipublica.org
positioningmag.com
 


เรื่องน่าสนใจอื่นๆ
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประวัติอดีตขุนคลัง สู่การนั่งที่ปรึกษา คสช. อัปเดตล่าสุด 29 พฤษภาคม 2557 เวลา 10:15:05 11,566 อ่าน
TOP
x close