วันเช็งเม้ง 2567 ตรงกับวันศุกร์ที่ 5 เมษายน โดยประวัติวันเช็งเม้ง เป็นประเพณีไหว้บรรพบุรุษของชาวจีน ซึ่งวันนี้มีตำนาน ความหมาย ความสำคัญ วิธีทำความสะอาดฮวงซุ้ย หรือวิธีปฏิบัติอย่างไรบ้างในวันเช็งเม้ง เรามีข้อมูลมาฝาก
แต่ในเวลาต่อมาเมื่อเริ่มมีความนิยมสร้างหลุมศพโดยสร้างเนินสุสานด้วยในภายหลัง จึงทำให้ประเพณีการเซ่นไหว้ที่สุสานเกิดขึ้น จนกลายเป็นประเพณีที่ละเว้นไม่ได้มาจนถึงปัจจุบันนี้ และในวันเช็งเม้ง 2567 ตรงกับวันที่ 5 เมษายน
ส่วนความเป็นมาของ วันเช็งเม้ง ตลอดจนตำนานหรือการประกอบพิธีกรรมในวันเช็งเม้งจะเป็นอย่างไรบ้างนั้น ลองไปดู ประวัติวันเช็งเม้ง ประเพณีไหว้บรรพบุรุษของชาวจีน ที่เรานำมาฝากกันเลย
ตำนานการเกิดวันเช็งเม้ง
ในยุคชุนชิว องค์ชายฉงเอ่อแห่งแคว้นจิ้น หนีภัยออกนอกแคว้นไปมีชีวิตตกระกำลำบากนอกเมือง โดยมีเจี้ยจื่อทุยติดตามไปดูแลรับใช้
เจี้ยจื่อทุยมีจิตใจเมตตาถึงขนาดเชือดเนื้อที่ขาของเขาเป็นอาหารให้องค์ชายเสวยเพื่อประทังชีวิต ภายหลังเมื่อองค์ชายฉงเอ่อเสด็จกลับเข้าแคว้นและได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นเจ้าผู้ครองแคว้นนาม จิ้นเหวินกง และได้สถาปนาตอบแทนขุนนางทุกคนที่เคยให้ความช่วยเหลือพระองค์ แต่ลืมเจี้ยจื่อทุยไป นานวันเข้าจึงมีคนเตือนถึงบุญคุณเจี้ยจื่อทุย จิ้นเหวินกงเพิ่งนึกขึ้นได้จึงต้องการตอบแทนบุญคุณเจี้ยจื่อทุย โดยจัดหาบ้านให้เขาและมารดาเข้ามาอยู่อย่างสุขสบายในเมือง แต่ทว่าเจี้ยจื่อทุยปฏิเสธ
จิ้นเหวินกงได้คิดแผนเผาภูเขา โดยหวังว่าเจี้ยจื่อทุยจะพามารดาออกมาจากบ้าน แต่ผลสุดท้ายกลับไม่เป็นไปอย่างที่คิด สองแม่ลูกกลับต้องเสียชีวิตในกองเพลิง ดังนั้นเพื่อเป็นการรำลึกถึงเจี้ยจื่อทุย จิ้นเหวินกงจึงมีคำสั่งให้วันนี้ของทุกปี ห้ามไม่ให้มีการก่อไฟ และให้รับประทานแต่อาหารสด ๆ และเย็น ๆ จนกลายเป็นที่มาของเทศกาลวันกินอาหารเย็น หรือ เทศกาลหันสือเจี๋ย ซึ่งเป็นวันสุกดิบก่อนวันเช็งเม้ง 1 วัน
เนื่องจากคนโบราณนิยมถือปฏิบัติกิจกรรมตามประเพณีวันหันสือเจี๋ยต่อเนื่องไปจนถึงวันเช็งเม้ง นานวันเข้าเทศกาลทั้งสองก็รวมเป็นวันเช็งเม้งวันเดียว การไหว้เจี้ยจื่อทุยจึงค่อย ๆ เปลี่ยนมาเป็นการไปเซ่นไหว้บรรพบุรุษแทน
ความหมาย วันเช็งเม้ง
ชิงหมิง (qing-ming) หรือ เชงเม้ง หรือ เช็งเม้ง เป็นชื่อของสารท (1 ปี มี 24 สารท) โดยคำว่า "เช็ง" หมายถึง สะอาด บริสุทธิ์ และคำว่า "เม้ง" หมายถึง สว่าง เมื่อนำคำว่า "เช็งเม้ง" มารวมกันแล้วหมายความถึง ช่วงเวลาแห่งความแจ่มใส รื่นรมย์
ทั้งนี้ วันเช็งเม้ง ถือว่าเป็นประเพณีที่สำคัญมากที่สุดของชาวจีน เนื่องจากเป็นประเพณีไหว้บรรพบุรุษที่สุสาน เพื่อแสดงความกตัญญูต่อบรรพบุรุษ
ภาพจาก : Chaloemwut / Shutterstock.com
วันเช็งเม้ง
สำหรับวันเช็งเม้งในประเทศจีนนั้น จะเริ่มต้นช่วงวันที่ 4-5 เมษายน ไปจนถึงวันที่ 19-20 เมษายน ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวถือว่าเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ ที่อากาศจะเริ่มเข้าสู่ความอบอุ่น มีฝนตกปรอย ๆ มีบรรยากาศสดชื่น ท้องฟ้าใสสว่าง และด้วยบรรยากาศดังกล่าวนี้เองที่เป็นที่มาของชื่อ "เช็งเม้ง"
ขณะที่ประเทศไทย เทศกาลเช็งเม้งอยู่ในช่วงวันที่ 4-5 เมษายน ของทุกปี และช่วงเวลาในเทศกาลเช็งเม้งมี 7 วัน คือ ระหว่างวันที่ 2-8 เมษายน โดยให้นับวันก่อนถึงเทศกาลเช็งเม้ง 3 วัน และเลยไปอีก 3 วัน
แต่ในปัจจุบันเนื่องจากมีปัญหาการจราจร จึงทำให้มีการขยายช่วงเวลาเทศกาลเช็งเม้งในประเทศไทย ให้เร็วขึ้นอีก 3 สัปดาห์ คือ ช่วงระหว่างวันที่ 15 มีนาคม - 8 เมษายน ขณะที่ภาคใต้ อาทิ จังหวัดตรัง จะจัดเทศกาลเช็งเม้งเร็วกว่าที่อื่น 1 วัน คือ วันที่ 4 เมษายน ของทุกปี
ความสำคัญวันเช็งเม้ง
วันเช็งเม้ง ถือว่าเป็นประเพณีที่สำคัญมากที่สุดของชาวจีน เนื่องจากเป็นประเพณีที่แสดงถึงความกตัญญูกตเวทีที่มีต่อบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้วของชาวจีน โดยก่อนวันพิธีจะมีการทำความสะอาดหลุมฝังศพของบรรพบุรุษ
หลังจากนั้นในวันพิธีจะมีการเซ่นไหว้อาหารหวานคาวที่หลุมฝังศพ เพื่อเป็นการรำลึกถึงคุณงามความดีของบรรพบุรุษ และเป็นการส่งอาหารให้ทุกปี เพื่อมิให้อดอยากเมื่อไปอยู่อีกภพหนึ่ง คนจีนส่วนใหญ่จะหยุดงานมาร่วมพิธีกันพร้อมหน้าพร้อมตา หรือถือว่าเป็นวันพบญาติของคนจีนก็ว่าได้
ประเพณีการทำความสะอาดฮวงซุ้ย
เริ่มมาจากการที่พระเจ้าฮั่นเกาจู ปราบดาภิเษกและสถาปนาราชวงศ์ฮั่นขึ้นแล้ว เกิดระลึกถึงบุญคุณบิดา มารดาที่เสียชีวิตไปแล้วที่บ้านเกิด จึงเร่งรัดกลับบ้านเกิด แต่ทว่าป้ายชื่อของฮวงซุ้ยแต่ละที่เลือนรางเต็มทนจากสงคราม พระเจ้าฮั่นเกาจูจึงอธิษฐานต่อสวรรค์ด้วยการโปรยกระดาษสีขึ้นบนฟ้าแล้วให้ลมพัดปลิวไป ถ้ากระดาษตกที่ฮวงซุ้ยไหนถือว่าเป็นฮวงซุ้ยของบิดามารดาของพระองค์ และเมื่อดูป้ายชื่อชัด ๆ แล้วก็พบว่าเป็นฮวงซุ้ยของบิดามารดาพระองค์จริง ดังนั้น ประเพณีการทำความสะอาดฮวงซุ้ยและโปรยกระดาษสีบนหลุมศพก็เริ่มมาจากตรงนี้เอง
ประเพณีปฏิบัติในวันเช็งเม้ง
การทำความสะอาดสุสาน
ลงสีที่ป้ายชื่อให้ดูใหม่ โดยคนตายแล้วลงสีเขียวหรือสีทองขลิบเขียว ขณะที่ป้ายชื่อคนเป็นให้ลงสีแดง แต่ทั้งนี้ ห้ามถอนหญ้า เพราะอาจกระทบตำแหน่งห้าม เช่น ทิศอสูร ทิศแตกสลาย ทิศดาวเบญจภูติ เป็นต้น
สำหรับการตกแต่งสุสานนั้นอาจใช้กระดาษม้วนสายรุ้ง โดยสุสานคนเป็นให้ใช้สายรุ้งสีแดง ส่วนสุสานคนตายสามารถใช้สายรุ้งสีอะไรก็ได้ แต่ห้ามปักธงลงบนหลังเต่า เพราะถือว่าเป็นการทิ่มแทงหลุม และบางความเชื่อถือว่าเป็นการทำให้หลังคาบ้านของบรรพบุรุษรั่ว
กราบไหว้เจ้าที่ เป็นการให้เกียรติ และขอบคุณที่ช่วยคุ้มครองดูแล
การจัดวางของไหว้ (เรียงลำดับจากป้าย)
- เทียน 1 คู่ + ธูป 5 ดอก (อาจปักลงบนฟักได้)
- ชา 5 ถ้วย
- เหล้า 5 ถ้วย
- ของไหว้ต่าง ๆ เช่น ขนมอี๋ ผลไม้ (ควรงดเนื้อหมู เพราะเคยมีปรากฏว่าเจ้าที่เป็นอิสลาม)
- กระดาษเงิน กระดาษทอง
กราบไหว้ ระลึกถึงพระคุณของพ่อแม่ บรรพบุรุษ
การจัดวางของไหว้
- ชา 3 ถ้วย
- เหล้า 3 ถ้วย
- ของไหว้ต่าง ๆ เช่น ขนมอี๋ ผลไม้ (ของไหว้ ตามความเชื่อประเพณีของแต่ละท้องถิ่น ส่วนใหญ่เป็นขนมถ้วยฟู)
- กระดาษเงิน กระดาษทอง ฯลฯ
- เทียน 1 คู่ + ธูป ตามจำนวนบรรพบุรุษ ท่านละ 1 ดอก
หมายเหตุ : ห้ามวางของตรงแท่นหน้า เจี๊ยะปี (ป้ายหินที่จารึกชื่อบรรพบุรุษ) เพราะเป็นที่เข้า-ออกของวิญญาณบรรพบุรุษ ไม่ใช่เก้าอี้นั่งอย่างที่หลายคนเข้าใจผิด
อาหารที่ใช้ในการประกอบพิธีเช็งเม้ง มีรายละเอียดดังนี้
1. ไก่ต้ม 1 ตัว
2. หมูสามชั้นต้ม 1 ชิ้น (โดยประมาณขนาด 1/2 กิโลกรัมขึ้นไป)
3. เส้นบะหมี่สด
4. ขนม 3 อย่าง คือ เต่เหลี่ยว ข้าวเหนียวกวน ขนมเต่า (ขนมกู้)
5. ขนมถ้วยฟู (ฮวดโก้ย)
6. สับปะรด 2 ลูก (ใช้ทั้งก้านและหัวจุก)
7. น้ำชา
8. ธูปเทียน, กระดาษเงิน, กระดาษทอง, ประทัด
การทำพิธีเช็งเม้ง
ให้ผู้อาวุโสเป็นผู้นำกราบไหว้ และเมื่อเทียนใกล้หมดก้านก็ให้ลูกหลานตีวงล้อมด้วยหวาย เผากระดาษเงิน กระดาษทอง ฯลฯ เป็นการกำหนดขอบเขตว่าสิ่งเหล่านี้ลูกหลานส่งให้บรรพบุรุษของครอบครัวนั้น ๆ เป็นการเฉพาะ เพื่อป้องกันการแย่งชิง (ผู้ตีวงล้อมต้องเป็นลูกหลานเท่านั้น)
ซึ่งเมื่อเสร็จสิ้นพิธีแล้ว บางครอบครัวอาจจะมานั่งล้อมวงกินอาหารกันต่อ เพื่อแสดงความสมัครสมานสามัคคีแก่บรรพบุรุษ
ภาพจาก : minniemayme / Shutterstock.com
ประโยชน์ของการไปไหว้บรรพบุรุษวันเช็งเม้ง
1. เพื่อรำลึกถึงคุณความดีที่บรรพบุรุษของเราได้กระทำไว้ ได้ดูแลเรา ลำบากเพื่อให้เรามีความเป็นอยู่ที่ดี เป็นแบบอย่างการดำเนินชีวิต "เราสบาย เพราะพ่อแม่ บรรพบุรุษลำบาก"
2. เป็นศูนย์รวมตระกูล ผังตระกูล โดยทั่วไปการไหว้ที่ดีที่สุดต้องนัดหมายไปไหว้พร้อมกัน (วันและเวลาเดียวกัน) ทำให้ลูกหลานที่อยู่กระจายกันไปได้มาพบปะสังสรรค์กันพร้อมหน้า เป็นการสร้างความสามัคคี สร้างจุดศูนย์รวม กล่าวได้ว่าเป็น "วันรวมญาติ"
3. เป็นกรอบถนนชีวิตของลูกหลานทุกคน "พ่อแม่ตายแล้ว ยังกำหนดชะตาชีวิตลูกหลาน" เป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิต เน้นความกตัญญูที่มีต่อบุพการี และลูกหลานควรปฏิบัติตาม
4. เป็นการเตือนสติตน ความตายต้องเกิดขึ้นกับทุกคน และเป็นธรรมดาของมนุษย์ปุถุชน
อย่างไรก็ดี แม้ว่าปัจจุบันรูปแบบการไหว้วันเช็งเม้งของชาวจีนในแต่ละพื้นที่จะต่างกันออกไป แต่เชื่อว่า ความหมายของ "วันเช็งเม้ง" ยังคงไว้ในเรื่องของการรำลึกถึงบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว อีกทั้งยังเป็นการสร้างความตระหนักรู้แก่ลูกหลานรุ่นหลังให้เห็นถึงประวัติและคุณงามความดีของบรรพบุรุษที่ทำให้ลูกหลานมีชีวิตที่ดีเช่นทุกวันนี้