สายที่ไม่ได้รับ..เรื่องราวสุดบีบคั้นหัวใจ ของคนที่เป็นลูก

สายที่ไม่ได้รับ..เรื่องราวสุดบีบคั้นหัวใจ ของคนที่เป็นลูก
สายที่ไม่ได้รับ..เรื่องราวสุดบีบคั้นหัวใจ ของคนที่เป็นลูก

เกริ่นนำโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ Wiilaasiinee สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม


            สายที่ไม่ได้รับ..เรื่องราวสุดบีบคั้นหัวใจ ของคนที่เป็นลูก เมื่อพลาดสายสำคัญซึ่งเป็นสายสุดท้ายที่แม่โทรหา

            เป็นเรื่องราวที่เตือนใจหลายคนให้เป็นอย่างดีเลยล่ะ สำหรับเรื่องราวของ คุณ Wiilaasiinee สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ที่ได้เล่าเรื่องราวอุทาหรณ์..ถึงการละเลย "คนสำคัญ" ซึ่งบางครั้ง "เวลา" ที่เขาต้องการเรา แต่เราอาจจะไม่ว่างไปหา ไม่ว่างรับสาย ทั้งนี้ก็ด้วยภาระหน้าที่การงานต่าง ๆ หรือไม่สะดวกจะไปจะคุยในช่วงเวลานั้น แต่กลับกัน เมื่อเรารู้ว่า "เวลา" ของเขาที่จะอยู่กับเราน้อยลงทุกที เราก็พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อจะยื้อทุกอย่างเพื่อที่จะให้เราอยู่กับเขาไปนาน ๆ แต่บางที..ทุกอย่างมันอาจจะช้าเกินไป

         สำหรับเรื่องราวที่จะเล่าต่อไปนี้ เป็นเรื่องราวที่ คุณ Wiilaasiinee ได้บอกเล่าผ่านกระทู้ "สายที่ไม่ได้รับ..." (13 พฤศจิกายน 2557) เมื่อเขาพลาดสายที่สำคัญที่สุดในชีวิต และสายนั้นก็กลายเป็นสายสุดท้ายที่ "แม่" ของเขาโทรหา ดังนี้..
 
          "ตั้งใจจะเขียนอุทาหรณ์สอนใจแก่เพื่อน ๆ ชาวพันทิป

          เริ่มเรื่องเลย เบอร์แม่..พูดถึงเบอร์นี้เชื่อว่าหลาย ๆ คนปฏิเสธที่จะรับสายแม่และเราก็เป็นหนึ่งในนั้น ตอนนั้นคิดว่าแม่จะโทรมาทำไมนักหนาเดี๋ยวก็ได้คุยแล้ว เป็นบ่อยเข้า ๆ แม่โทรมาเราก็เลือกที่จะไม่รับสายแล้วโทรกลับไปหาทีหลัง เป็นอย่างนี้มาตลอดจนมาถึงวันที่ 5 พฤศจิกายน ตอนสองทุ่มกว่า ๆ แม่ก็โทรมา เรากำลังทำงานของคณะอยู่เลยไม่ได้รับโทรศัพท์ สัก 10 นาทีเราเห็นว่ามีสายไม่ได้รับคือ "เบอร์แม่" แล้วเราก็โทรกลับไปหาแม่..

         แม่ก็โทรมาเล่าชีวิตประจำวันเล่าเรื่องเพื่อนมหาวิทยาลัยที่ไม่ได้เจอมา 30 กว่าปีให้ฟัง แล้วก็บอกว่าวันนี้รถล้มมา จอดหลบรถแต่รถล้มทับตัวเองปวดขาฝากบอกให้พ่อกลับบ้านด่วน แม่ป่วยหนัก (พ่อมาดูความเป็นอยู่เราที่หอที่มหาลัยชวนแม่มาแต่แม่ไม่มาพ่อก็เลยงอน) แล้วแม่ก็บอกว่าตั้งใจเรียนนะ รีบกลับหอ กินข้าวเยอะ ๆ ถึงหอก็อ่านหนังสือด้วย เราก็โอเค ๆ ๆ เดี๋ยวหนูขอทำงานที่ ม. ให้เสร็จก่อนนะ แม่ก็บอกว่าอย่าลืมกินข้าว เราก็บอกว่าจ้า ๆ ๆ คิดถึงแม่นะ (ไม่ค่อยบอกว่าคิดถึงแม่เลยวันนั้นไม่รู้ทำไมอยู่ดี ๆ ก็อยากบอก) แล้วสายก็วางไป

        เราก็ทำงานที่มอต่อจนถึง 5 ทุ่ม ก็ไปกินข้าวกับรุ่นน้อง กินเสร็จนั่งวินกลับหอถึงหน้าหอ เท่านั้นแหละลูกพี่ลูกน้องโทรมาบอกว่าแม่เข้า รพ. อาการหนักมาก รีบกลับเลย เราก็งงแบบเฮ้ย อะไรอำป่ะเนี้ย แม่เพิ่งโทรมายังคุยหัวเราะอะไรกันอยู่เลย เรื่องนี้ไม่ตลกนะ

         พี่ : แม่..อาการหนักส่งต่อไป รพ. แล้ว บอกพ่อ..ด้วย

        พอวางสายปุ๊บ โทรหาเบอร์แม่ก่อนเลย คราวนี้น้าเป็นคนรับสาย บอกว่าตอนนี้แม่อยู่ รพ. แล้วกำลังเอกซเรย์สมองว่ามีเลือดคั่งไหม เราก็เลยบอกว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้เรากลับนะ ฝากบอกแม่ด้วยวันนี้ไม่มีไฟลท์ เดี๋ยวไปตอนเช้า ๆ เข้าห้องเสร็จเห็นพ่อนอนอยู่เราก็บอกว่าพ่อ แม่เข้า รพ. นะอาการหนักตอนเช้าจะกลับนะ เราก็อาบน้ำร้องไห้ไป วันนั้นร้องไห้หนักมาก นอนใต้เตียงก็ร้อง ๆ ๆ (ให้พ่อนอนบนเตียง) ตี 4 น้าโทรมาบอกว่าแม่ใส่เครื่องช่วยหายใจแล้วนะ อาการทรุด ยังไม่ฟื้น นี้ก็บ่อน้ำตาแตก รีบปลุกพ่ออาบน้ำเก็บเสื้อผ้า เราเอาเสื้อผ้าไปไม่เยอะคิดว่าแม่ต้องไม่เป็นอะไร เสร็จปุ๊บโบกแท็กซี่ไปดอนเมือง "น้ำตาก็ไหลคิดแต่เรื่องที่ทำไม่ดีกับแม่ คำรักแม่ก็ไม่เคยบอก คิดว่าเดี๋ยวก็ได้บอก แม่ยังอยู่กับเราอีกนาน แม่ไม่เป็นอะไรหรอก"

         นั่งเครื่องบินประมาณชั่วโมงนึงก็ถึงช่วงนั้นร้องไห้อย่างเดียว พอถึงก็รีบโบกแท็กซี่ในสนามบินไป รพ. ทันที ถึง รพ. ประมาณ 10 โมง โทรหาน้าให้น้าออกมารับหน้า รพ. พอเดินไปหาแม่เท่านั้นแหละน้ำตาก็ไหล สายออกซิเจน สายน้ำเกลือ สายอาหาร สายสวน สายนั่นนี่เต็มไปหมด เราเดินไปกระซิบบอกแม่ว่ามาถึงแล้วนะพ่อก็มาด้วย หนูทำบุญโน่นนั้นนี้มาฝากแม่นะ จับมือแม่ไปพูดไปด้วย

         สักพักพยาบาลจะพาแม่ไปเอกซเรย์สมองอีกรอบ เอกซเรย์เสร็จกลับมาได้ประมาณ 10 นาที ช่วงนั้นเราจับมือแม่นั่งข้างเตียงก็มีเสียงติ๊ด ๆ ดังขึ้นมา พยาบาลก็มาจับชีพจรคอข้อมือ แล้วก็เรียกพยาบาล พยาบาลที่อยู่ในห้องก็รีบกรูกันออกมา เรารีบโทรตามน้า ๆ ที่ออกไปกินข้าวกลับมา ช่วงที่ปั๊มหัวใจ มันเป็นช่วงเวลาที่อึดอัดและบีบหัวใจมาก เป็นการปั๊มชีวิตที่ยาวนานปั๊มหลายคนมาก  เรายืนมองร้องไห้ว่าทำไมแม่ถึงเป็นหนักขนาดนี้ สักพักชีพจรก็กลับมา หมอเรียกญาติเข้าไปในห้องชี้แจงความเสี่ยงของการปั๊มหัวใจโน้นนั้นนี้ ตอนนี้แม่มีภาวะหัวใจโต น้ำท่วมปอด (ก่อนรักษาแม่บอกหมอว่าเพิ่งตรวจเจอสภาวะหัวใจกับปอดมีจุดทั้งสองข้างและกำลังรอฟังผลตรวจอีก) ความดันต่ำ ถ้าหัวใจหยุดเต้นจะให้ปั๊มหัวใจอีกไหม ต้องยอมรับผลเสี่ยงนะ ตอนนั้นยอมหมดเลยนะ อะไรก็ตามที่ทำให้แม่ฟื้นเรายอมหมด หัวใจแม่หยุดเต้น 5 รอบปั๊มหัวใจ 4 รอบ ครั้งสุดท้ายที่ปั๊มมันบีบหัวใจเรามาก ๆ ปั๊มจนเลือดออกทางปาก เราว่าแม่เราคงไม่ไหวแล้ว เราไม่อยากให้แม่ทรมานแล้ว เลยบอกกับน้าว่ารอบหน้าไม่ปั๊มแล้ว แม่ทนรอจนเพื่อนร่วมงานที่แม่สนิทมากมาหาเป็นคนสุดท้ายแล้วแม่ก็จากไป ตอนนั้นจะร้องไห้น้ำตามันก็ไม่ไหลมันบรรยายไม่ถูก ตลอดเวลาที่จัดงานเข้าใจคนน้ำตาตกในเลยว่าร้องไห้ไม่ออกมันเป็นยังไงพยายามเข้มแข็งมันอ่อนแอมากถึงมากที่สุด 

          เรื่องนี้ที่เราเขียนเราอยากให้เป็นอุทาหรณ์ เบอร์แม่ที่โทรเข้ามาถ้าพอมีเวลารับสายท่านบ้างเถอะค่ะบางทีสายนั้นอาจเป็นสายสุดท้ายที่ท่านได้คุยกับเรา คุณอาจจะเสียใจตลอดชีวิตที่ไม่ได้รับสายนั้น

         ป.ล. ผิดพลาดตรงไหนหรือสงสัยหลังไมค์หาเราได้ค่ะเรายินดีตอบ

         ไม่รู้ว่าต้องแท็กห้องไหนบ้าง เลยเลือกเตือนวัยรุ่นสมัยใหม่ที่มองข้ามคนในครอบครัวมัวแต่สนใจคนที่ทำร้ายจิตใจแล้วหอบน้ำตาไปฝากแม่ ถ้าไม่มีแม่แล้วคุณจะรู้สึก.."















เรื่องน่าสนใจอื่นๆ
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
สายที่ไม่ได้รับ..เรื่องราวสุดบีบคั้นหัวใจ ของคนที่เป็นลูก อัปเดตล่าสุด 14 พฤศจิกายน 2557 เวลา 11:54:21 476,049 อ่าน
TOP
x close