เลขาธิการไซเตส ติดตามแผนปราบปรามค้างาช้างในไทย


เลขาธิการไซเตส ติดตามแผนปราบปรามค้างาช้างในไทย

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

          เลขาธิการไซเตส เข้าพบ พลตำรวจเอก เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร/ผอ.ศปทส.ตร. เพื่อติดตามแผนการปราบปรามการลักลอบค้างาช้างผิดกฎหมายของ สตช.
 
          วันนี้ (4 ธันวาคม 2557) เวลา 10.00 น. พลตำรวจเอก เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ/ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วยผู้แทนจากหน่วยงานที่บังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันให้การต้อนรับ MR. John E. Scanlon เลขาธิการไซเตส และ Lisa Farrowey : Support Officer, ICCWC ที่ได้เดินทางมายังประเทศไทย เพื่อมาพบกับหน่วยงานที่บังคับใช้กฎหมายเพื่อรับฟังข้อมูล ผลการดำเนินการในการป้องกันและปราบปราม การลักลอบค้างาช้างผิดกฎหมายของประเทศไทย ตามที่ประเทศไทยได้เคยเสนอแผนแก้ไขปัญหาตามมติของคณะกรรมการบริหารอนุสัญญา CITES ครั้งที่ 64 ไปเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2556 ให้ดำเนินการ โดยมีกำหนดประเมินประเทศไทย ในเดือนมีนาคม 2558 ว่าได้มีการดำเนินการให้บรรลุตามแผนหรือไม่ เพื่อให้เป็นข้อมูลประกอบในการกำหนดมาตรการ กีดกันทางการค้า ของประเทศในภาคีสมาชิกกว่า 108 ประเทศต่อไป

เลขาธิการไซเตส ติดตามแผนปราบปรามค้างาช้างในไทย

          พลตำรวจเอก เฉลิมเกียรติ เปิดเผยว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ผ่านมาได้มีแผนปฏิบัติการเฉพาะกิจในการปราบปรามงาช้าง รองรับแผนปฏิบัติการงาช้างแห่งประเทศไทยตามแผนดังกล่าวอยู่แล้ว เช่น การให้ตำรวจนครบาล ภูธร 1-9 ศูนย์ปฏิบัติการสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ จัดทำฐานข้อมูลท้องถิ่น ทั้งผู้ผลิต และผู้จำหน่ายงาช้างและผลิตภัณฑ์ที่ทำจากงาช้าง เพื่อทำเป็นประวัติไว้ เพื่อเป็นการควบคุมมิให้มีการลักลอบจำหน่ายงาช้าง พร้อมทั้งมีการจัดชุดปฏิบัติการงาช้า (Tesk Force) ทั้งในส่วนกลางและพื้นที่ โดยเฉพาะในพื้นที่วิกฤต เพื่อสืบสวนและจับกุม และขยายผลขบวนการเครือข่ายต่อไป นอกจากนี้ยังได้ให้กองการต่างประเทศ ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ดำเนินการขึ้นบัญชีบุคคลที่มีหมายจับ  หรือมีประวัติการค้าสัตว์ป่า ห้ามเข้าประเทศ ซึ่งในปัจจุบันมีกว่า 139 ราย จาก 36 ประเทศ อีกทั้งยังได้กำหนดพื้นที่วิกฤตที่เป็นแหล่งผลิตแหล่งการค้าเอาไว้ 12 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ อยุธยา อุทัยธานี นครสวรรค์ เชียงใหม่ สุรินทร์ บุรีรัมย์ กาญจนบุรี และภูเก็ต ส่วนพื้นที่อื่น ๆ นั้นกำหนดให้เป็นพื้นที่เฝ้าระวัง

          อย่างไรก็ตาม การดำเนินการดังกล่าวเป็นการทำงานแบบบูรณาการกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยให้ตรวจคนเข้าเมืองและตำรวจท่องเที่ยว ช่วยแจกแผ่นพับ ใบปลิว เพื่อช่วยประชาสัมพันธ์กับนักท่องเที่ยว หรือผู้เดินทางเข้าประเทศ เพื่อไม่ได้สนับสนุนผู้ค้าผลิตภัณฑ์จากงาช้างที่ผิดกฎหมาย นอกจากนี้ยังมีการจัดประชุมผู้ประกอบการที่มีผลกระทบ ให้มาช่วยกันแจ้งเบาะแส หรือร่วมกิจกรรมต่อต้านการค้างาช้างในประเทศไทย







เรื่องน่าสนใจอื่นๆ
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เลขาธิการไซเตส ติดตามแผนปราบปรามค้างาช้างในไทย อัปเดตล่าสุด 4 ธันวาคม 2557 เวลา 14:52:15 2,237 อ่าน
TOP
x close