ชีวิตครอบครัวพังทลาย ด้วยเทคโนโลยี...เรื่องจริงที่แสนเจ็บปวด


ชีวิตครอบครัวพังทลาย ด้วยเทคโนโลยี
ชีวิตครอบครัวพังทลาย ด้วยเทคโนโลยี

เกริ่นนำโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลจาก คุณ สมาชิกหมายเลข 1950451 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม

            ชีวิตจริงที่น่าเศร้า เมื่อชายหนุ่มผู้ขยันทำงานต้องสูญเสียชีวิตครอบครัวอันอบอุ่นไป จากการใช้เทคโนโลยีที่ทำให้ล่วงรู้ถึงเบื้องหลังบางอย่าง ที่ภรรยาปกปิดอยู่ 

            เทคโนโลยีที่อยู่แค่ปลายนิ้ว ทำให้การใช้ชีวิตของมนุษย์ยุคนี้ดูง่ายไปเสียทุกอย่าง หลายคนจึงนำเทคโนโลยีต่าง ๆ มาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อชีวิตประจำวัน โดยหวังให้เกิดความสะดวกสบายยิ่งขึ้น แต่หลายคนก็ยังชั่งใจอยู่ว่า ถ้าเรามองในแง่ของประโยชน์เพียงอย่างเดียวจะเป็นการมองเพียงแค่ผิวเผินเกินไปหรือไม่ เพราะในอีกมุมหนึ่ง การเข้าถึงเทคโนโลยีมากเกินไป ก็อาจจะนำพาปัญหาบางอย่างให้เกิดขึ้นกับชีวิตได้เช่นกัน

            เรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับ คุณ สมาชิกหมายเลข 1950451 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ซึ่งตั้งกระทู้ไว้ในพันทิปดอทคอม ก็เป็นตัวอย่างหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นว่า การเข้าถึงเทคโนโลยี แม้จะช่วยสร้างประโยชน์ แต่ก็เป็นดาบสองคมที่ทำลายชีวิตครอบครัวได้อย่างไม่มีใครเคยคิด หลังจากเจ้าของกระทู้ ซึ่งเป็นผู้ชายรักครอบครัว ได้ลงแอพฯ Find my iPhone ไว้ในเครื่องภรรยา แต่สุดท้ายกลับมาพบภรรยาตัวเองทำในสิ่งที่ตัวเขาไม่สามารถให้อภัยได้เลย และนั่นคือสาเหตุที่ทำให้ชีวิตครอบครัวที่แสนสุขต้องจบลง ดังที่เจ้าของกระทู้ขอระบายความอัดอั้นตันใจไว้ต่อไปนี้...


            "สวัสดีครับ ก่อนจะเล่าเรื่องราวของครอบครัวผม ก่อนอื่นขอทำความเข้าใจก่อนสักนิดครับ

            ผมเป็นคนที่ใช้ Pantip เป็นประจำ แต่ล็อกอินนี้ผมสมัครใหม่ เพราะไม่อยากให้ใครรู้จักตัวจริงครับ
            เมื่อผมโพสต์แล้ว ล็อกอินนี้ผมจะไม่กลับมาใช้อีก ดังนั้นผมจึงไม่ขอตอบอะไรทั้งสิ้นครับ
            ข้อมูลบางอย่างที่เป็น Fact ผมอาจขอปรับบ้าง เช่นถ้าผมบอกว่าผมสูง 170 ข้อมูลจริงอาจเป็น 185 เพื่อไม่ให้คนที่รู้จักตัวผมมาอ่านแล้วรู้ว่าเป็นผม แต่เรื่องราวทั้งหมด จะยังคงอยู่ตามเดิม
            อ่านให้เป็นนิยายแล้วกันครับ ผมแค่อยากระบายเท่านั้นเอง

            ถ้าเข้าใจตรงกันแล้ว ขอเริ่มเลยก็แล้วกันครับ

            ผมกับแฟน คบกันมาตั้งแต่เรียนปี 2 คบกันมาเรื่อย ๆ จนเรียนจบ ต่างคนต่างทำงานได้สัก 3-4 ปี ก็ตัดสินใจแต่งงานกัน โดยผมเองยอมรับโดยตรงว่า ผมมีความสัมพันธ์แบบลึกซึ้งกับเขาเป็นคนแรก ถึงแม้จะเคยมีแฟนมาก่อนก็ตาม และผมก็มั่นใจว่า ผมก็เป็นคนแรกของแฟนผมเช่นกัน ผมรักเขามากครับ รักจนสามารถยอมได้ทุกอย่าง เพราะเขาเป็นคนดีมากจริง ๆ ช่วงชีวิตตกต่ำของผมจะมีขนาดไหน เขาก็อยู่กับผมตลอด ผมจึงต้องพยายามทำทุกอย่างให้เขามีความสุข ผมแต่งกับเขาได้ประมาณ 2 ปี ก็เริ่มมีลูกคนแรก ชีวิตก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เพราะชีวิต Sex ของเราเริ่มเปลี่ยนไปเล็กน้อย เพราะแฟนผมเขามีความต้องการน้อยลง เวลาผมต้องการเขาจะไม่ยอมตลอด ช่วงนั้นมีประมาณเดือนละครั้งเอง ผมก็ยอมเขา เวลาผมมีอารมณ์ ก็เลือกวิธีการช่วยตัวเอง เพราะคิดว่าเขาคงเหนื่อยกับงานและการเลี้ยงลูก เลยไม่อยากให้เขาหงุดหงิดอีกครับ

            พอลูกเริ่มโตใกล้เข้าโรงเรียน ผมกับเขาก็ซื้อ iPhone 4 กันคนละเครื่อง โดยที่ไม่เคยรู้เลยว่า มันจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ชีวิตครอบครัวผมพังได้ ผมใช้มากันได้สักพัก มันก็มีแอพ Find my iPhone ออกมา ผมก็จัดการลงแอพนี้ไว้ทั้ง 2 เครื่องโดยที่แฟนผมไม่รู้ และที่สำคัญ เขาเป็นคนไม่ค่อยถนัดเรื่องพวกนี้เลย แอคเคาท์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Line หรือ Apple ID ผมจัดการให้หมด ขนาด Password เองเขายังไม่รู้เลยครับ ซึ่งหมายความว่า ถ้าผมอยากรู้เมื่อไรว่าแฟนผมอยู่ที่ไหน ผมก็เปิด Find my iPhone แล้ว Login เครื่องเขา ผมก็รู้ทันทีว่าอยู่ที่ไหนครับ

            อีกไม่กี่ปีต่อมา ผมก็มีลูกกันอีกคน แล้วแฟนผมก็ทำหมันเลย เพราะเราคิดกันว่ามีแค่ 2 คนก็พอแล้วสำหรับรายได้ของเรา 2 คน ชีวิตรักและชีวิตครอบครัวก็ดูจะสมบูรณ์ขึ้น แต่ละวันผมมีความสุขมากครับ เพราะลูกทั้ง 2 คนก็น่ารัก และกับแฟนก็รักกันดีตลอด ถึงแม้จะทะเลาะกันบ้าง แต่ก็ผลัดกันง้อมาเรื่อย จนทำให้ผมคิดว่าในโลกนี้คงไม่มีใครมีความสุขกว่าผมได้อีกแล้วครับ

            แต่กลายเป็นว่า ผมคิดผิดแล้วครับ เริ่มจากหลังคลอด แฟนผมกลับมาเริ่มมีอารมณ์มากขึ้น เราก็มี Sex กันได้บ่อยขึ้น จากก่อนหน้านี้เดือนละครั้ง กลายเป็นสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง และหลาย ๆ ครั้งเขาเป็นคนเริ่มก่อนด้วยครับ ก็ดูมีความสุขดี แต่ช่วงต้นปีนี้ ผมเปลี่ยนงานใหม่เพื่อรับเงินเดือนที่สูงขึ้น เพื่ออยากให้ครอบครัวสบายขึ้น แต่แน่นอนว่าต้องแลกมากับงานที่มากขึ้น กลับบ้านช้ากว่าเดิม บางครั้งถึงบ้านแล้ว พอกล่อมลูกเข้านอนเสร็จ ก็ต้องมานั่งทำงานต่อ เวลาแฟนผมมีอารมณ์ ผมก็มีไม่ได้ เพราะมันเหนื่อยและบางครั้งงานก็ไม่เสร็จ เขาก็หงุดหงิดไปหลายครั้ง แต่ผมก็พยายามปลอบเขาว่า เพื่ออนาคตของลูกที่ดี ก็ต้องยอมแลกบ้างนะ เขาก็โอเคเข้าใจดี

            มาถึงช่วงกลางปีที่ผ่านมา ช่วงประมาณบ่าย ๆ ผมโทรหาเขา จะชวนกินข้าวตอนเย็น เพราะงานน่าจะเสร็จเร็ว แต่เขาไม่รับสาย เลยลอง Login เข้า Find my iPhone เพื่อเช็กว่าเขาอยู่ที่ไหน เพราะเขาทำงานเป็น AE หาลูกค้าบ่อย ๆ ปรากฏว่า ตำแหน่งของแฟนผม มันไปอยู่ในที่ที่ แปลกจากครั้งก่อน ๆ ผมก็ดูตำแหน่งแล้วเอาไปเปรียบกับ Google Maps แล้ว มันบอกว่า เป็นโรงแรมแห่งหนึ่งบนถนนรามคำแหง ผมก็งงว่ามันไปโผล่ตรงนั้นได้ไง คงเป็นเพราะแอพจับตำแหน่งผิดมั้ง สักพักเขาก็โทรกลับมา บอกว่าประชุมกับลูกค้าแถวหน้ารามเพิ่งเสร็จ ผมก็ไม่ได้คิดอะไร ชวนกินข้าวกันตามปกติ แต่ที่แปลกคือ คืนนั้นผมขอเขามี Sex ด้วยแต่ถูกปฏิเสธ เพราะเขาบอกว่าเหนื่อย ผมก็เลยหลับไปแทน

            อีกไม่กี่วัน ผมก็ Login เข้า Find my iPhone เพื่อดูอีก ก็เจอไปขึ้นตำแหน่งเดิมอีก แต่ครั้งนี้แปลกใจมาก เพราะปกติแล้วแฟนผมจะไม่พบลูกค้าเจ้าเดิมเกินอาทิตย์ละ 1 ครั้ง ผมก็เริ่มคิดเตลิด แล้วตัดสินใจขึ้นแท็กซี่ไปที่โรงแรมนั้น จังหวะที่ผมถึงหน้าโรงแรม สิ่งที่ผมเห็นคือ รถของแฟนผมกำลังเลี้ยวออกมาจากโรงแรมนั้น แต่คนขับเป็นผู้ชาย แล้วมีแฟนผมนั่งข้าง ๆ ตอนนั้นบอกตรง ๆ ครับว่าช็อกมาก ทำอะไรไม่ถูก ลงมายืนแล้วหันกลับไปมองด้วยความงง จนคนขับแท็กซี่ต้องทวงค่ารถจากผม ผมใช้เวลายืนตรงนั้นอยู่นานแค่ไหนไม่รู้ พอตั้งสติได้ผมก็ขึ้นแท็กซี่กลับไปเอารถที่ออฟฟิศ แล้วออกจากที่ทำงานไปหา นั่งทำใจเลย รู้ตัวอีกทีก็ค่ำ และเลยเวลาปกติที่เข้าบ้านแล้ว ก็เลยกลับบ้าน เขาถึงบ้านแล้วครับ แวบแรกที่อยากทำตอนนั้นคือ อยากบีบคอเขาให้ตายไปเลย แต่พอเห็นหน้าลูกทั้ง 2 คนแล้วก็ตองยับยั้งใจ แล้วก็ทำตัวปกติต่อไป

            หลังจากวันนั้น ผมก็เช็กเขาทุกวัน แต่ก็ไม่มีอะไรผิดปกติ เพราะส่วนใหญ่จะอยู่ที่ทำงานเขาตลอด จนข้ามมาประมาณ 1 อาทิตย์ ตอนเช้าที่กำลังออกจากบ้าน เขาบอกกับผมว่า วันนี้มีพาลูกค้าไปทานข้าวที่โรงแรมหนึ่งแถวริมแม่น้ำเจ้าพระยา ผมก็บอกว่า โอเค จะได้รีบกลับมาช่วยแม่ดูลูก แต่ในใจคิดว่า จะลองตามดูสักครั้ง กะว่าจะให้คาหนังคาเขาเลย แล้วเรา 2 คนก็ต่างออกไปทำงาน พอตกบ่ายผมก็เริ่มเช็ก Find my iPhone เรื่อย ๆ จนสักประมาณ 5 โมงเย็น ผมก็เห็นเขาเริ่มเดินทางออกจากที่ทำงาน ผมก็ตัดสินใจออกจากที่ทำงานเหมือนกัน โดยวันนั้นผมขอยืมรถของน้องที่ทำงานมาใช้

            ผมขับมาดักเจอเขาได้แถว ๆ ลาดพร้าว แล้วแอบขับตามเรื่อย ๆ จนถึงร้านอาหารหนึ่งบนเส้นรัชดา ผมขับตามไปถึงที่จอดรถ แล้วได้จอดอยู่ห่างเขาไม่ไกลนัก พอเขาจอดรถได้ แป๊บนึง ก็มีผู้ชายคนนึงเดินมาจากไหนไม่รู้ เดินมาหาเขาที่รถ แล้วเดินจับมือกันหายไปในทางเข้าร้านไป ผมจำได้เลยว่าผู้ชายเป็นรุ่นน้องในทีมเดียวกัน ถ้าผมมีปืนตอนนั้น ผมคงต้องยิงมันตายทั้งคู่แน่นอนครับ แต่ผมอดใจไว้ ทำได้แค่เพียงถ่ายรูปไว้ก่อน

            สักชั่วโมงกว่า ๆ เขาก็เดินจูงมือกลับมาที่รถกันครับ แล้วก็ออกรถไป ผมก็ขับตามอีก แล้วถ่ายรูปไว้เป็นระยะ ๆ เขาขับมาไม่ไกลครับ แล้วก็เลี้ยวเข้าม่านรูดแห่งหนึ่งไป ภาพนี้ทำผมน้ำตาไหลเลยครับ ในชีวิตนี้ผมไม่เคยคิดเลยครับว่า ผมต้องมาถูกคนที่ผมรักที่สุดมาหักหลังแบบนี้ ทั้งเจ็บใจ ทั้งเสียใจ อารมณ์ตอนนั้นบอกไม่ถูกจริง ๆ ครับ ผมไม่อยากรอต่อแล้ว ก็เลยเอารถกลับไปเปลี่ยนกับน้องที่บ้านเขา แล้วก็ดิ่งกลับบ้านทันที

            เมื่อถึงบ้านแล้ว ลูกคนเล็กหลับแล้ว แต่คนโตยังไม่หลับ ผมเลยเอาลูกมากล่อมที่ห้องผมเอง (ปกติลูกคนโตจะนอนกับย่า แต่คนเล็กจะนอนกับผมที่ห้อง) พอผมมองหน้าลูกทั้ง 2 คน ผมยิ่งนำตาไหลออกมาอีกครับ ผมสงสารลูก ผมไม่อยากให้ลูกต้องมีครอบครัวที่แตกแยก แต่ผมเองก็คงอยู่กับคนที่ทำกับผมแบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว ตอนนั้นผมสับสนมากเลยครับ ว่าจะทำอย่างไรดี จนลูกถามว่า พ่อร้องไห้ทำไม ผมได้แต่บอกลูกว่าไม่มีอะไร แค่พ่อทำงานเหนื่อยเท่านั้นเอง ผมกล่อมลูกจนหลับแล้วก็นั่งรอเขากลับบ้าน

            พอเขาขึ้นถึงบนห้อง ผมก็บอกเขาว่าขอคุยกันข้างล่างแป๊บสิ เขาก็ตอบแบบอารมณ์เสียว่าไม่ลง จะอาบน้ำนอนแล้ว มีอะไรค่อยคุยพรุ่งนี้ ผมบอกว่าพรุ่งนี้ไม่ได้ ต้องตอนนี้ ไม่อยากให้ลูกรู้ เขาก็ไม่ยอม แล้วคว้าผ้าเช็ดตัวเข้าไปอาบน้ำ ผมจึงหยิบโทรศัพท์ลงไปข้างล่าง แล้วทยอยส่งรูปที่ผมถ่ายได้ ลงใน Line ของเขา แล้วเปิดทีวีรอข้างล่าง หลังจากผมได้ยินเสียงเขาเดินเข้าห้องได้ไม่นาน เขาก็เดินลงมาพร้อมกับน้ำตา มาถึงตัวผมแล้วก็กอด ร้องไห้พร้อมขอโทษไป อารมณ์ผมตอนนั้นบอกตรง ๆ ว่า มันไม่เหลือความสงสารแล้วครับ สิ่งที่เขาทำมันเกินกว่าที่ผมจะทนได้ ผมจึงผลักตัวเขาออกไป แล้วบอกว่าผมอยากรู้เรื่องทั้งหมด

            แฟนผมเขาเริ่มเล่าว่า เรื่องมันเกิดช่วงที่เขาไป Outing กับบริษัท แล้วช่วงปาร์ตี้ก็ดื่มแล้วเมา แล้วก็เผลอไปมีอะไรกับน้องในทีม มันเป็นอารมณ์ชั่ววูบ และใช้คำว่าผมให้เขาได้ไม่พอ เขาเลยต้องมีทางออกแบบนี้ จากนั้นเขาก็ขอโทษแล้วสัญญาว่าจะไม่ทำอีก ผมฟังจบแล้วรู้สึกขยะแขยงมากครับ ผมทำทุกอย่างเพื่อให้ครอบครัวมีความสุข แต่ผลตอบรับกลับมามันช่างไม่สมเหตุผลเลยครับ ผมเลยคุยกับเขาว่า ผมไม่ยกโทษให้ เพราะผมพูดกับเขาบ่อย ๆ ตลอดชีวิตคู่ว่า ผมรับได้ทุกเรื่องยกเว้นเรื่องนี้ แต่เขาก็ยังมาทำอีก ผมยกโทษให้ไม่ได้จริง ๆ

            ผมก็บอกเขาต่อว่า ผมอยากเลิกกับเขา แต่ผมสงสารลูก ผมจึงขอเขาว่า ให้เราแสร้งทำเป็นอยู่ด้วยกันตามปกติได้ไหม เพราะคิดว่าลูกทั้ง 2 ยังเล็กเกินกว่าจะรู้เรื่องแบบนี้ และไม่อยากให้เขาขาดคนใดคนหนึ่งไป โดยผมจะทนทำเป็นปกติกับเขาเมื่ออยู่ต่อหน้าลูก แต่ความจริงแล้วผมจะแยกใช้ชีวิตกับเขา ส่วนบ้านที่ผ่อนอยู่และค่าใช้จ่ายในบ้าน ผมจะจ่ายไปตามปกติ แต่เมื่อผ่อนหมดจะใส่เป็นชื่อลูกทั้ง 2 ทันที ค่าใช้จ่ายลูกก็หารครึ่ง และเมื่อลูกเข้าถึงมัธยม ถึงจะตัดสินใจบอกลูกอีกครั้ง โดยจะบอกทีละคน คนโตก็อีกไม่กี่ปี แต่คนเล็กก็อีกเป็น 10 ปี ซึ่งบอกตรง ๆ ครับว่าผมก็ไม่รู้ว่าจะอดทนได้ถึงวันนั้นหรือเปล่า แต่ผมไม่มีทางกลับไปคืนดีกับเขาแน่นอนครับ เขาฟังเสร็จก็จะไม่ยอม พยายามจะง้อผมให้คืนดีให้ได้ ผมจึงพูดกับเขาว่า ถ้าไม่ตกลง ก็คงต้องพังกันหมดในวันนี้พรุ่งนี้เลย สุดท้ายเขาจึงยอมครับ

            เรื่องนี้เกิดมาเกือบครึ่งปีแล้ว ชีวิตที่ผ่านมา คนภายนอกจะเห็นว่าเหมือนเดิมครับ แต่จะมีเพียง 3 คนในโลกนี้ที่รู้คือ ผม เขา และแม่ผมเท่านั้น เพราะผมยังอยู่บ้านเดียวกัน นอนห้องเดียวกัน แต่เขาจะนอนบนเตียงกับลูกคนเล็ก ส่วนผมปูเบาะนอนข้างล่างข้างเตียง (ลูกคนโตเคยถามว่าทำไมพ่อต้องปูเบาะนอนด้วย ผมตอบเขาไปว่า น้องนอนดิ้นถีบพ่อบ่อย พ่อเลยต้องลงมานอนข้างล่าง) พาลูกไปเที่ยวตามปกติ ถ่ายรูปตามที่ลูกสั่ง เพื่อให้ทุกอย่างดูปกติที่สุด วันไหนที่ทนไม่ไหว ก็ไปนั่งคุยกับแม่แล้วร้องไห้ไป ตั้งแต่วันที่เกิดเรื่อง ผมไม่เคยเข้าไปดู Find my iPhone อีกเลยครับ เพราะเขาจะไปไหนก็เป็นเรื่องของเขา เขาก็พยายามมาพูดเรื่อย ๆ ว่าไม่ได้ยุ่งกันแล้วนะ บางวันก็พยายามลงมานอนข้างผม ผมก็ลุกหนีลงมานอนชั้นล่าง แรก ๆ ก็เจ็บปวดครับ แต่ตอนนี้ความเจ็บปวดเริ่มหายไป กลายเป็นความชินชาแล้วล่ะครับ

            ผมก็ถามตัวเองเสมอว่าทำไมเรื่องแบบนี้มันถึงเกิดกับผม เป็นเพราะผมทำงานหนักมากเพื่อแลกกับเงินมากเกินไปหรือเปล่า หรือว่าเทคโนโลยีทำให้ผมต้องเจอกับสิ่งนี้ ถ้าไม่มีมันผมก็คงไม่รู้เรื่องแบบนี้ เขาเบื่อก็เลิกมาอยู่กับผมเองหรือเปล่า แต่ไม่เคยมีคำตอบครับ ตอนนี้คำตอบผมมีอย่างเดียวคือทำอย่างไรก็ได้ให้ลูกทั้งสองของผมมีชีวิตที่สมบูรณ์มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ถึงแม้ว่าผมจะเจ็บปวดมากแค่ไหนก็ตาม

            ขอบคุณมากครับที่รับฟังการระบายของผม ผมไม่สามารถให้คนรู้จักรู้เรื่องนี้ได้จริ งๆ แต่พอเก็บไว้มันก็อึดอัด การได้พิมพ์ออกมาเป็นตัวหนังสือ ก็ช่วยได้หน่อยนึง ส่วนทุกความเห็นผมขอขอบคุณล่วงหน้าครับ ผมคงได้แต่อ่าน แต่คงไม่ขอตอบอะไรทั้งสิ้นจากที่ได้แจ้งไปข้างต้นครับ

            ขอบคุณครับ"

            ทั้งนี้ ชาวเน็ตหลายคนก็ได้เข้ามาให้กำลังใจเจ้าของกระทู้ โดยส่วนใหญ่ขอให้อดทนเพื่อลูก แม้จะเจ็บปวดเพียงใดก็ตาม พร้อมอวยพรให้ผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปให้ได้




เรื่องน่าสนใจอื่นๆ
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ชีวิตครอบครัวพังทลาย ด้วยเทคโนโลยี...เรื่องจริงที่แสนเจ็บปวด อัปเดตล่าสุด 25 ธันวาคม 2557 เวลา 15:47:32 106,103 อ่าน
TOP
x close