
ต้นหอมน้ำ หรือ พลับพลึงธาร
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก rdi.ku.ac.th, fieldtrip.ipst.ac.th, andamanfriend.org
ต้นหอมน้ำ มีชื่อเรียกสวย ๆ ว่า พลับพลึงธาร เป็นพืชน้ำหายาก ที่มีอยู่ในไทยที่เดียวในโลก ส่วนจะอยู่ที่ไหน และมีที่มาที่ไปอย่างไร เราจะพาไปทำความรู้จักกันจ้า
ในบรรดาต้นไม้มากมายหลายชนิด เราอาจจะไม่ค่อยคุ้นกับชื่อ "หอมน้ำ" กันมากนัก แต่หากบอกว่าเป็น พืชน้ำหายาก ที่มีชื่อทางการว่า "พลับพลึงธาร" ซึ่งกำลังใกล้จะสูญพันธุ์เต็มที หลายคนอาจเริ่มคุ้นหูขึ้นมานิด ๆ ส่วนคนที่หลงใหลการท่องเที่ยวอิงธรรมชาติ ก็อาจจะเก็บไว้เป็นลิสต์ในดวงใจที่ต้องรีบไปให้ได้ เพราะเหลือให้ชมกันน้อยลงทุกทีแล้ว วันนี้กระปุกดอทคอมจึงมีข้อมูลน่ารู้เกี่ยวกับประวัติของต้นหอมน้ำ หรือพลับพลึงธาร มาฝากกันค่ะ
พลับพลึงธาร หรือเรียกกันว่า หอมน้ำ มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Crinum Thaianum และมีชื่อเรียกแบบท้องถิ่นว่า "หัวหญ้าช้อง" เป็นพืชน้ำในวงศ์พลับพลึง จะเรียกว่าเป็น พืชอวบน้ำ ก็ไม่ผิดนัก โดยเป็นพืชน้ำที่จัดว่าสวยงามและหายากชนิดหนึ่ง ที่มีเหลืออยู่เพียง 1% พบเห็นได้ที่ตอนล่างของ จ.ระนอง และตอนบนของ จ.พังงา ประเทศไทยเรานี่เอง และก็เป็นเพียงแห่งเดียวในโลกเท่านั้นด้วย !
ต้นหอมน้ำ หรือ พลับพลึงธาร ผสมเกสรจากแกนกลางของดอก แล้วเจริญเติบโตที่โคนก้านดอกเป็นกะเปาะเมล็ด เมื่อเมล็ดแก่ตรงปลายสายรกจะเกิดเป็นต้นใหม่และมีรากยึดติดกับพื้นคลอง หัวมีลักษณะคล้ายหัวหอม โผล่ขึ้นเหนือผิวดินประมาณ 1 ใน 3 ทำให้ถูกเรียกว่า "หอมน้ำ" นั่นเอง
โดยมีใบเป็นสีเขียวเรียวยาวลักษณะเหมือนริบบิ้น ออกดอกเป็นสีขาว 6 กลีบ และมีหลายก้านดอกที่ทยอยบานต่อเนื่องกันไป ปลายก้านเกสรจะเป็นสีเหลือง และมีเกสรตัวเมียโผล่มาจากแกนกลาง เรียกว่าโดยรวมจัดเป็นดอกไม้ในน้ำที่ดูสวยงาม และโรแมนติกมากชนิดหนึ่งเลย

ดอกพลับพลึงธาร ได้รับฉายาว่าเป็น "ราชินีแห่งสายน้ำ" เนื่องจากเป็นเหมือนพืชที่ชี้วัดได้ว่าแหล่งน้ำนั้นมีความอุดมสมบูรณ์มากพอ เพราะพลับพลึงธารจะขึ้นได้ดีในอุณหภูมิประมาณ 18-28 องศาเซลเซียส และน้ำมีค่าความเป็นกรดเป็นด่างที่ 5.5-9 อีกทั้งต้องเป็นลำคลองใสสะอาด กระแสน้ำไม่แรงเกินไปแต่ยังมีการหมุนเวียนของน้ำด้วย
พลับพลึงธาร มีช่วงเวลาออกดอกบานสะพรั่ง ในช่วงหน้าแล้งของแถบอันดามันตอนบน หรือประมาณเดือนตุลาคม-ธันวาคม ของทุกปี แต่หากเป็นในคลองเล็ก ๆ อาจจะเริ่มต้นบานตั้งแต่เดือนกันยายน ยกเว้นหากมีฝนตกหนักอาจจะหาชมดอกพลับพลึงธารไม่ได้ เนื่องจากจะชะลอการออกดอกไปเองจนกว่าจะถึงช่วงหน้าแล้งอย่างแท้จริง

หากใครสนใจอยากชมความสวยงามสะพรั่งของดอกพลับพลึงธารด้วยตาตัว เอง จะต้องแวะเวียนไปเที่ยวที่ คลองนาคา ตำบลนาคา, อำเภอสุขสำราญ และที่คลองบางปรุ ตำบลกะเปอร์ อำเภอกะเปอร์ จังหวัดระนอง หรือคลองตาผุด บ้านห้วยทรัพย์, คลองสวนลุงเลื่อน ตำบลคุระ อำเภอคุระบุรี, คลองนายทุย, คลองบ้านทับช้าง, คลองบ้านโชคอำนวย ตำบลแม่นางขาว อำเภอคุระบุรี และตามคลองย่อยต่าง ๆ ในเขตรอยต่ออำเภอคุระบุรี และอำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา
เพราะเป็นราชินีแห่งสายน้ำ ที่หาพบได้เพียงที่เดียวในโลก จึงทำให้ พลับพลึงธาร เข้าสู่โหมะวิกฤตใกล้จะสูญพันธุ์เต็มที จนต้องขึ้นบัญชีเป็นพืชใกล้สูญพันธุ์ของโลก (IUCN Redlist) เมื่อปี 2554 เนื่องจากเป็นพืชท้องถิ่นที่เหลืออยู่เพียงแค่ 1% เท่านั้น ทั้งยังขึ้นอยู่อย่างกระจัดกระจาย และโดนเก็บหัวไปขายเป็นไม้ประดับ รวมถึงการขุดลอกคูคลองเพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมด้วย ทำเอาต้องมีกลุ่มอนุรักษ์ออกมาเรียกร้องและวอนให้ช่วยกันรักษาราชินีหนึ่งเดียวของสายน้ำเอาไว้ ไม่ให้ต้องสูญพันธุ์ไปอย่างน่าเสียดาย
และนี่คือประวัติของพืชน้ำหายากอย่าง พลับพลึงธาร ราชินีแห่งสายน้ำที่กำลังจะสูญพันธุ์ หากได้รู้จักที่มาที่ไป และความสวยงามอันน่าหลงใหลของพืชน้ำชนิดนี้แล้ว อย่าลืมช่วยกันอนุรักษ์เอาไว้เพื่อให้รุ่นลูก รุ่นหลาน ได้มีโอกาสสัมผัสความงามเหล่านี้กันด้วยนะคะ





ขอขอบคุณข้อมูลจาก
c2phuket.com, seub.or.th, rimnam.com, เฟซบุ๊ก พลับพลึงธาร Crinum Thaianum






