สจล. ชี้ธนาคารไทยพาณิชย์ ต้นเหตุทำคดีล่าช้า


สจล. ชี้ธนาคารไทยพาณิชย์ ต้นเหตุทำคดีล่าช้า

สจล. ชี้ธนาคารไทยพาณิชย์ ต้นเหตุทำคดีล่าช้า


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก  สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง

           สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ร่อนหนังสือแจง ธนาคารไทยพาณิชย์ ต้นเหตุทำคดีล่าช้า ระบุต้องเปิดเผยเอกสารสำคัญเพื่อให้คดีคืบหน้า

           หลังเป็นคดียืดเยื้อกันมานานสำหรับกรณีคดียักยอกเงินสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ที่มีผู้ต้องหายังให้การปฏิเสธข้อกล่าวหาและมีผู้ถูกโยงใยมาเกี่ยวข้องมากมายไม่เว้นแม้แต่ดาราชื่อดังอย่าง บอย ปกรณ์ กับคดีการซื้อรถหรูซึ่งอาจเข้าข่ายการฟองเงินจนต้องออกมาชี้แจงถึงความบริสุทธิ์ของตัวเองไปเมื่อไม่นานนี้

           ล่าสุด (22 มกราคม 2558) ทาง สจล. ได้ส่งถ้อยแถลงชี้แจงถึงความล่าช้าในการสอบสวนคดีนั้นมาจากการที่ธนาคารไทยพาณิชย์ ส่งเอกสารหลักฐานการเบิกจ่ายเงินและเอกสารที่เกี่ยวข้องกับคดีทั้งหมดแก่พนักงานสอบสวนที่ทาง สจล. ไปล่าช้า พร้อมชี้ข้อสังเกตถึงความผิดปกติต่าง ๆ ในการทุจริตครั้งนี้ด้วยว่า ทำไมทางธนาคารไม่ตรวจสอบหรือแจ้งให้ ปปง.  ทราบเกี่ยวกับการถอนเงินในกรณีที่ผิดปกติเช่นนี้ กลับปกปิดไว้ จนสถาบันเป็นฝ่ายตรวจพบเอง

           โดยทางสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ได้ส่งถ้อยแถลงความว่า...

           ถ้อยแถลง สจล. ชี้ธนาคารไทยพาณิชย์ ต้นเหตุทำคดีล่าช้า ระบุต้องเปิดเผยเอกสารสำคัญเพื่อให้คดีคืบหน้า

           จากกรณีคดียักยอกเงินสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ขณะนี้พนักงานสอบสวนได้ทำการสืบสวน รูปคดีจากหลักฐานต่างๆ ส่งผลให้คดีมีความคืบหน้าไปมาก แต่ยังขาดเอกสารสำคัญคือ สลิปถอนเงิน สำเนาการสอบสวนนายทรงกลด ศรีประสงค์ ขณะที่เป็นผู้จัดการธนาคารไทยพาณิชย์ โดยขณะนี้สถาบันเห็นว่าธนาคารไทยพาณิชย์ออกมาให้ข่าวในทำนองว่าธนาคารไม่ต้องรับผิดชอบต่อการถอนเงินของสถาบันโดยทุจริตสถาบันจึงตั้งข้อสังเกต ตลอดจนเรียกร้องขอความร่วมมือ ดังนี้

           1. สถาบันขอให้ธนาคารมอบเอกสารหลักฐานการเบิกจ่ายเงินและเอกสารที่เกี่ยวข้องกับคดีทั้งหมดแก่พนักงานสอบสวน  ทั้งนี้เอกสารดังกล่าวจะเป็นหลักฐานสำคัญในการยืนยันการกระทำความผิดของนายทรงกลด ศรีประสงค์ และหาบุคคล กลุ่มบุคคลผู้ร่วมกระทำผิดหรือแม้แต่จะพิสูจน์ได้ว่าเป็นความผิดของทางธนาคารด้วยหรือไม่  ซึ่งที่ผ่านมาไม่ได้รับความร่วมมือ

           2. จากการที่ผู้บริหารของสถาบันเข้าพบผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโสของธนาคารไทยพาณิชย์ทราบว่ากรณีการลาออกจากการเป็นพนักงานของธนาคารไทยพาณิชย์ของนายทรงกลด ศรีประสงค์ ผู้ต้องหาคนสำคัญของคดี  สืบเนื่องจากธนาคารได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบและผลการตรวจพบว่าบุคคลดังกล่าวได้ดำเนินการผิดขั้นตอนของการเบิกถอนเงินของสถาบันโดยมิได้มีลายมือชื่อของผู้บริหารสถาบันกำกับหรืออาจไม่มีใบถอนเงิน ซึ่งเป็นการทำผิดวินัยร้ายแรงด้านการเงินซึ่งเป็นความเสี่ยงที่ส่อไปในทางทุจริตของลูกจ้างธนาคารแต่ธนาคารกลับมิได้แจ้งความผิดปกติดังกล่าวให้สถาบันทราบ ซึ่งธนาคารควรจะต้องไล่นายทรงกลด ศรีประสงค์ ออกหรือดำเนินคดีกับนายทรงกลด ศรีประสงค์ธนาคารก็กลับใช้วิธีให้นายทรงกลด นำเอกสารการทำธุรกรรมมาให้ผู้บริหารลงนามให้ครบและให้ยื่นใบลาออกไป  การแก้ปัญหาเช่นนี้ทำให้สถาบันขาดความน่าเชื่อถือต่อธนาคารอย่างยิ่งซึ่งสถาบันต้องการทราบว่าผู้มีอำนาจลงนามเบิกจ่ายของสถาบัน ได้ลงนามย้อนหลังไปให้ธนาคารหรือไม่  เพราะปกติจะไม่สามารถทำได้ เนื่องจากมีการถอนเงินโดยไม่ชอบไปแล้ว และในการปฏิบัติของสถาบันจะต้องแนบใบถอนมาพร้อมกับหนังสือขอคำสั่งอนุมัติ  ซึ่งเอกสารหลักฐานทั้งหมดอยู่ที่ธนาคารต้องเอาออกมาแสดง

           3. การที่ธนาคารปฏิบัติเช่นนี้จึงนำมาซึ่งความเสียหายเป็นจำนวนเงินมหาศาลในเวลาต่อมานั้น  หากธนาคารมีระบบและการปฏิบัติงานของบุคคลที่เกี่ยวข้องได้มาตรฐานจริง ธนาคารน่าจะทราบสัญญาณความผิดปกติดังกล่าวในบัญชีของสถาบันซึ่งเป็นลูกค้าของธนาคาร และทำการตรวจสอบหรือแจ้งเตือนมายังสถาบัน หรือแจ้งรายงานไปยังธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งที่ผ่านมาธนาคารมิได้ดำเนินการใดใด จนสถาบันเป็นฝ่ายตรวจพบ

           4. ข้อน่าสังเกตอีกประการหนึ่งคือ เงินฝากของสถาบันที่ถูกทำการทุจริตไปครั้งนี้เป็นเงินฝากประจำ แต่มีการถอนไปก่อนกำหนดทั้งสิ้น และการเบิกถอนในแต่ละครั้งเป็นเงินจำนวนมาก เมื่อธนาคารตรวจสอบพบการปฏิบัติงานที่ผิดปกติของนายทรงกลดศรีประสงค์แล้ว ไม่แจ้งธุรกรรมที่น่าสงสัยนี้แก่ ปปง. ทราบ กลับปกปิดโดยให้นายทรงกลด ศรีประสงค์ลาออกไป ซึ่งเป็นสาเหตุโดยตรงที่ทำให้นายทรงกลด ศรีประสงค์ มีโอกาสไปเป็นผู้จัดการที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยาและทุจริตเงินของสถาบันได้อีก

           5. สถาบันในฐานะที่เป็นผู้เสียหายโดยตรงจึงขาดความเชื่อมั่นในมาตรฐานการบริหารจัดการเงินฝาก และหลักธรรมาภิบาลของธนาคารไทยพาณิชย์ สถาบันจึงทบทวนการทำธุรกรรมทางการเงินทุกประเภทกับธนาคารไทยพาณิชย์ เพื่อการรักษาผลประโยชน์ของสถาบัน ตลอดจนเพื่อความปลอดภัยทางการเงินของบุคลากรและนักศึกษาของสถาบัน

           อย่างไรก็ตาม สถาบันหวังเป็นอย่างยิ่งว่า คดีดังกล่าวจะสามารถหาผู้กระทำความผิดทั้งหมดมารับโทษตามกฎหมาย โดยหลักฐานจากธนาคารจะเป็นตัวแปรสำคัญในการทำให้คดีนี้คลี่คลาย ทั้งนี้สถาบัน มุ่งหวังให้กรณีดังกล่าวจะเป็นกรณีศึกษาให้กับประชาชน หน่วยงาน องค์กร ฯลฯ ให้มีความระมัดระวังในการทำธุรกรรมทางการเงินกับธนาคารหรือหน่วยงานทางการเงินที่ได้มาตรฐานอย่างแท้จริง เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายเช่นเดียวกับสถาบันที่ผ่านมา



เรื่องที่คุณอาจสนใจ
สจล. ชี้ธนาคารไทยพาณิชย์ ต้นเหตุทำคดีล่าช้า โพสต์เมื่อ 22 มกราคม 2558 เวลา 20:27:19 11,380 อ่าน
TOP
x close