
ภาพจาก dealtrackersf.com
นับตั้งแต่ปีที่ผ่านมา ข่าวอุบัติเหตุทางการบินมีให้ได้ยินอยู่บ่อย ๆ ทำเอาคนที่ต้องเดินทางด้วยพาหนะติดปีกเป็นอันผวาไปตาม ๆ กัน เพราะเมื่อเกิดอุบัติเหตุประเภทนี้ทีไร ความเสียหายที่ตามมานับเป็นมูลค่ามหาศาลเสมอ ทั้งในแง่ของทรัพย์สินที่เสียหาย และโดยเฉพาะในแง่ของชีวิตที่ต้องสูญไป อันนับเป็นความสูญเสียที่ประเมินมูลค่าไม่ได้
เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ความสูญเสียประเภทหลังนี้เกิดขึ้น เราจึงนำวิธีปฏิบัติคนเพื่อเอาตัวรอดจากภัยเครื่องบินตก จากเว็บไซต์เดลี่เมล มาฝากกัน
เดลี่เมลระบุว่า ตามข้อมูลจาก planecrashinfo เผยว่าโอกาสที่เราจะตายเพราะเครื่องบินตกนั้นมีเพียง 1 ใน 4.7 ล้าน ส่วนทางคณะกรรมการความปลอดภัยการขนส่งแห่งชาติสหรัฐฯ บอกว่า ประชากรร้อยละ 95.7 รอดภัยจากเครื่องบินตก และถึงแม้จะเป็นเหตุการณ์เครื่องบินตกที่รุนแรง เฉลี่ยแล้วก็จะมีผู้โดยสารร้อยละ 76 ที่ไม่ได้รับอันตรายถึงชีวิต
แล้วเราจะเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่รอดชีวิตจากเหตุการณ์เครื่องบินตกได้อย่างไร ขอแนะนำให้คุณ "ต้องอ่าน" ข้อปฏิบัติต่อไปนี้ และ "ต้องนำไปใช้" เพราะมันจะเป็นจุดเปลี่ยนระหว่างความเป็นความตายในสถานการณ์คับขันให้คุณได้จริง ๆ
1. ใส่ใจตำแหน่งที่เก็บอุปกรณ์ช่วยชีวิต
อย่าเมินเฉยต่อคำแนะนำด้านความปลอดภัยที่พนักงานทั้งคอยสาธิตให้ดู ตลอดจนแผ่นข้อมูลเสียบหน้าเบาะ ที่ระบุว่าเครื่องมือช่วยชีวิตอย่างหน้ากากออกซิเจนและเสื้อชูชีพ อยู่ตรงไหนและมีวิธีใช้อย่างไร ประตูทางออกฉุกเฉินอยู่ตรงไหน เปิดอย่างไร ฯลฯ การรับรู้และเข้าใจข้อมูลส่วนนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนระหว่างความเป็นความตายให้แก่คุณและคนในครอบครัวที่เดินทางไปด้วยกันได้เป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตามการยังรอดจากการตกกระแทกของเครื่องบินได้ยังไม่ถือว่าคุณปลอดภัยแล้ว การรีบออกจากตัวเครื่องให้ได้ต่างหากที่จะรักษาชีวิตคุณไว้ เพราะหลังจากนั้นคุณอาจต้องเผชิญกับกลุ่มควันหนาทึบหรือน้ำทะลักเต็มตัวเครื่อง ในกรณีแลนดิ้งลงในน้ำ

ภาพจาก dealtrackersf.com
2. หุ่นดีมีสิทธิ์รอดมากกว่า
ผู้ที่มีรูปร่างสมส่วน กระฉับกระเฉง มีสิทธิ์รอดจากเหตุเครื่องบินตกมากกว่า จากความคล่องตัวในการเคลื่อนไหวช่วยเหลือตัวเอง ตลอดจนรูปร่างที่เล็กกว่าก็จะช่วยให้คุณแทรกตัวออกไปตามช่องแคบ ๆ ได้ดีกว่า
3. คิดถึงตัวเองไว้ก่อน
ในเวลาคับขันเช่นนั้น ขอให้ละความมีน้ำใจเอื้อเฟื้อลงก่อนสักนิด แล้วคิดถึงการเอาชีวิตตัวเองให้รอดมาก่อนเป็นอันดับหนึ่ง จงหยิบหน้ากากออกซิเจนมาสวมให้ตัวเองก่อนเป็นคนแรก ก่อนจะหยิบแจกจ่ายให้ใคร ๆ ไม่ว่าจะลูก พ่อแม่ หรือคนที่คุณรักที่สุดก็ตาม เพราะเมื่อถึงจุดที่เครื่องไม่สามารถรักษาความดันภายในไว้ได้ ออกซิเจนภายในเครื่องจะลดลงต่ำจนถึงขั้นที่ทำให้คนหมดสติได้ภายใน 20 วินาที หากคุณต้องการช่วยชีวิตคนอื่น ๆ ให้รอด คุณเองก็ต้องรีบหาอากาศหายใจให้ตัวเองก่อน
4. เลือกใส่ผ้าฝ้ายและบ๊ายบายส้นสูง
ในวันเดินทางให้เลือกสวมใส่เสื้อผ้าที่ทำจากผ้าฝ้ายหรือผ้าขนสัตว์ ซึ่งลุกติดไฟยากกว่าผ้าใยสังเคราะห์ เช่น ไนลอน โพลีเอสเตอร์ ฯลฯ เพราะสิ่งที่ตามมานอกจากแรงกระแทกจากเครื่องบินตกแล้ว ก็คือการลุกไหม้ที่จะเกิดขึ้น เสื้อผ้าที่ติดไฟยากกว่าจะช่วยให้คุณมีโอกาสรอดชีวิตมากกว่า
นอกจากนี้ขอให้ใส่รองเท้าที่คล่องตัว สาว ๆ จงโบกมือบ๊ายบายส้นสูง เพราะส้นของมันอาจไปแทงใส่สไลด์ยางฉุกเฉินให้รั่วได้ หรืออย่างน้อยก็ทำให้คุณเสียเวลาสลัดรองเท้าทิ้งก่อนสไลด์ตัวลงจากเครื่อง ซึ่งเวลาเพียงไม่กี่วินาทีตรงนี้ก็วัดเป็นวัดตายได้เลยทีเดียว แต่อย่างไรก็ตามไม่แนะนำให้ถอดรองเท้าออก เพราะการเดินเท้าเปล่าทำให้คุณต้องเหยียบย่ำสิ่งกีดขวางที่กระจัดกระจาย บางอย่างอาจทำอันตรายกับคุณได้ จึงยิ่งชะลอให้คุณไปถึงทางออกฉุกเฉินได้ช้าลง
ภาพจาก air21.se
5. ตื่นตัวเป็นพิเศษระหว่างช่วงเวลาอันตราย 3 นาทีหลังเครื่องขึ้น / 8 นาทีก่อนเครื่องลง
มีผลการวิจัยสรุปออกมาว่าช่วงเวลาที่เสี่ยงเกิดเครื่องบินตกมากที่สุด คือ หลังจากเครื่องบินขึ้นไปแล้ว 3 นาที และก่อนที่เครื่องจะลงจอด 8 นาที เพราะฉะนั้นระหว่างช่วงเวลานี้ขอให้คุณตื่นตัวเป็นพิเศษ อย่าเพิ่งเอนหลังนอน อย่าใส่ผ้าปิดตา อย่าเอาแต่เสียบหูฟัง ฯลฯ เหตุการณ์ไม่คาดฝันอาจเกิดขึ้นได้
6. ไม่ต้องเสียดายสัมภาระ
จากการสำรวจของคณะกรรมการความปลอดภัยการขนส่งแห่งชาติสหรัฐฯ เผยว่า ร้อยละ 68 ของผู้โดยสารที่เสียชีวิตจากเครื่องบินตกนั้นไม่ได้เสียชีวิตจากแรงกระแทก แต่เสียชีวิตจากการถูกไฟคลอกต่างหาก ซึ่งคุณมีช่วงเวลาสั้น ๆ ราว 90 วินาที ที่จะพาตัวเองออกจากเครื่องบินก่อนที่ไฟจะลุกท่วมไปทั่ว การมัวแต่ห่วงหยิบข้าวของส่วนตัวไปด้วยอาจเท่ากับคุณกำลังปิดประตูทางรอดของตัวเองก็ได้
7. เลือกที่นั่งใกล้ทางออก
ขอให้เลือกที่นั่งใกล้ทางออกที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ หรือถ้าอยู่ห่างออกไปก็ขอให้จำให้ได้ว่าประตูทางออกอยู่ทางซ้ายหรือขวาและห่างออกไปกี่แถว การไปถึงทางออกได้เร็ว ก็เท่ากับว่าคุณมีโอกาสรอดชีวิตมากขึ้น

ภาพจาก earthlingsoft.net
8. บินชั้นประหยัด
มีกลุ่มนักวิจัยได้ทำการทดลองหาความเป็นไปได้ในการรอดชีวิตเมื่อเกิดเหตุเครื่องบินตก โดยได้ทำการทดสอบกับเครื่องบินรุ่นโบอิ้ง 727 พร้อมติดตั้งหุ่นผู้โดยสารไว้ที่ที่นั่ง ก่อนทำการทดสอบให้เครื่องบินโหม่งโลกที่ทะเลสาบโซนารัน ในเม็กซิโก
ผลการทดลองปรากฎว่า ร้อยละ 78 ของผู้โดยสารที่นั่งชั้นประหยัดรอดชีวิต ส่วนกลุ่มที่นั่งอยุ่ 11 แถวแรกของห้องโดยสาร ซึ่งนับเป็นที่นั่งชั้นเฟิร์สคลาสตายเรียบทุกราย โดยกระเด็นออกจากตัวเครื่องในระหว่างที่ส่วนหัวของเครื่องบินกระแทกและหักออก ซึ่งบริเวณนี้ของเครื่องบินมักรับแรงกดจากการกระแทกมากกว่าส่วนอื่น ๆ
แม้ว่าเครื่องบินโดยสารในปัจจุบันจะได้ใช้เครื่องรุ่นที่ทันสมัยกว่านี้แล้ว แต่การทดลองนี้ก็ถือว่าเตือนใจได้ดีจริง ๆ ฉะนั้นการเลือกตำแหน่งที่ไม่ต้องหรูหราแต่นั่งสบาย และอยู่ห่างจากประตูทางออกไม่มากนัก น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
9. เมื่อรู้ว่ามีภัยให้ตั้งรับในท่าก้มตัวกอดเข่า
จากการทดลองเดียวกัน ผู้ทดลองได้จัดท่าให้หุ่นจำลองผู้โดยสาร นั่งอยู่ในท่าทางต่าง ๆ กัน 3 แบบ คือ นั่งก้มตัวกอดเข่าและคาดเข็มขัด, นั่งก้มตัวกอดเข่าแต่ไม่คาดเข็มขัด และ ไม่ก้มตัวกอดเข่าและไม่คาดเข็มขัด
ผลปรากฏว่า กลุ่มหุ่นจำลองที่ไม่อยู่ในท่าก้มตัวกอดเข่าได้รับความเสียหายที่ศีรษะอย่างรุนแรง ในขณะที่หุ่นในท่าก้มตัวกอดเข่าได้รับความเสียหายน้อยกว่า ฉะนั้นเมื่อรู้ว่าสถานะการณ์ฉุกเฉินกำลังจะเกิด ให้นั่งเก็บคองอเข่าในท่านี้ไว้ ก็จะช่วยเพิ่มโอกาสรอดชีวิตให้คุณได้
ภาพจาก survival-expert.com
ได้ทราบเช่นนี้แล้วผู้ที่ต้องเดินทางด้วยเครื่องบินก็ต้องจำไปใช้และเอาไปปฏิบัติให้ถูก ไม่มีใครอยากให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นกับตัวเองแน่ แต่อุบัติเหตุก็เป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมาย หากยามคับขันเช่นนั้นเกิดขึ้นจริง ๆ ขอให้มีสติ แล้วทำตามข้อข้อปฏิบัติเหล่านี้ ก็จะช่วยเพิ่มโอกาสให้คุณเอาตัวรอดได้แน่นอน






