รวม 7 ผู้นำคลั่งที่สุดในประวัติศาสตร์โลก



รวม 7 ผู้นำคลั่งที่สุดในประวัติศาสตร์โลก

               ไม่มีประเทศใดในโลกนี้ที่ดำเนินไปได้โดยไร้ผู้นำ กลุ่มก้อนผู้คนที่มารวมกันจำย่อมต้องการบุคคลที่จะเป็นผู้ชี้นำแนวทางในการดำเนินการด้านต่าง ๆ เพื่อความก้าวหน้า หรืออย่างน้อยที่สุดก็เพื่อความอยู่รอดของประเทศ แต่ความรับผิดชอบสูงย่อมต้องมาพร้อมอำนาจเพื่อสั่งการผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา ตำแหน่งที่เขาดำรงอยู่สามารถสั่งและบีบผู้คนให้ยอมจำนนทำตามสิ่งที่ต้องการได้ แล้วถ้าบุคคลที่ก้าวขึ้นมาเป็นถึงจุดนั้นหลงระเริงมัวเมาไปกับอำนาจที่ตัวเองมีไรจะเกิดอะไรขึ้น ไปติดตามเรื่องเหล่านั้นได้ใน รวม 7 ผู้นำสุดคลั่งในประวัติศาสตร์โลก ที่กระปุกดอทคอมคัดสรรมาฝากจากเว็บไซต์ all that is interesting  กัน


1. ซาปาร์มูรัต นิยาซอฟ แห่งเติร์กเมนิสถาน สุดยอดผู้นำหลงตัวเอง

รวม 7 ผู้นำคลั่งที่สุดในประวัติศาสตร์โลก

               ซาปาร์มูรัต นิยาซอฟ (Saparmurat Niyazov) ผู้นำที่สุดแสนจะหลงตัวเองแห่งเติร์กเมนิสถาน ผู้ประกาศตนหลังการล่มสลายของสหภาพโซเวียตเมื่อปี 1991 ว่าจะปกครองประเทศนี้ตลอดไป เขาคือผู้เปลี่ยนเติร์กเมนิสถานให้กลายเป็นดินแดนส่วนตัวของตนเอง ด้วยการตั้งชื่อแลนมาร์กสำคัญของประเทศ ถนน หรือแม้แต่สวนสาธารณะ "เติร์กเมนบาชิ" (Turkembashi) เพื่อให้เกียรติสรรเสริญเยินยอตัวเอง อีกทั้งยังเปลี่ยนชื่อเรียกเดือนเมษายนให้เป็น "Gurbansoltan edzhe" ตามชื่อแม่ของเขาด้วย

               นับตั้งแต่ขึ้นปกครองประเทศจนกระทั่งหมดวาระลงเมื่อเขาเสียชีวิต นิยาซอฟได้ตั้งข้อบังคับพิลึก ๆ ขึ้นหลายอย่างเพื่อบังคับใช้กับประชาชนกว่า 5 ล้านคนที่จำต้องอยู่ในกรอบนั้นอย่างไม่มีทางเลือก ไม่ว่าจะเป็นบังคับให้นาฬิกาทุกเรือนต้องมีรูปหน้าของตนปรากฏอยู่บนหน้าปัด ทำวอดก้าแบรนด์ตัวเองที่มีรูปของตนเป็นโลโก้ ให้เด็ก ๆ เคี้ยวกระดูกเพื่อให้ฟันแข็งแรงแทนที่จะสนับสนุนการทันตกรรมที่เหมาะสม สั่งปิดห้องสมุดชุมชนเพื่อขัดขวางการแสวงหาความรู้ของผู้ที่อ่านออกเขียนได้ สั่งห้ามผู้ชายไว้ผมยาวหรือไว้หนวดเครา ห้ามมีวิทยุฟังในรถ ห้ามร้องและบันทึกเพลง ฯลฯ

               และสิ่งที่แสดงออกถึงความหลงตัวเองสุด ๆ ของท่านผู้นำรายนี้ก็คือ การสั่งให้ตั้งชื่ออุกกาบาตขนาด 670 ปอนด์ (ประมาณ 300 กิโลกรัม) ที่พุ่งทะยานตกลงมาในอาณาเขตของเติร์กเมนิสถานเมื่อปี 1998 ว่า Turkmenbashi เพื่อแสดงความมีอำนาจยิ่งใหญ่ของตนอีกด้วย

รวม 7 ผู้นำคลั่งที่สุดในประวัติศาสตร์โลก

รวม 7 ผู้นำคลั่งที่สุดในประวัติศาสตร์โลก


ภาพจาก all-that-is-interesting.com oddee.com  clockwiser.wordpress.com


2. คิมจองอิล แห่งเกาหลีเหนือ จอมเผด็จการที่โลกรู้จักดี

รวม 7 ผู้นำคลั่งที่สุดในประวัติศาสตร์โลก

               หากพูดถึงชื่อของผู้นำเผด็จการในโลกยุคใหม่ รับรองว่าไม่มีใครไม่รู้จักชื่อของ "คิมจองอิล" (Kim Jong Il) อดีตผู้นำสูงสุดแห่งเกาหลีเหนือ ซึ่งได้จากโลกนี้ไปเมื่อปี 2011 ที่ผ่านมา ท่ามกลางบรรยากาศที่ดูเหมือนว่าประชาชนทั่วเกาหลีเหนือตกอยู่ในความเศร้าโศกอาลัยอย่างแสนสาหัส ถึงกับมารวมตัวกันร้องไห้ระงมให้กับท่านผู้นำผู้ล่วงลับ... แต่เขาก็ว่ากันว่านี่เป็นเพียงแค่การแสดงฉากหนึ่งเท่านั้น ประชาชนเกาหลีถูกเกณฑ์ให้มาแสดงอาการคร่ำครวญให้สื่อต่างประเทศได้เห็น หากใครไม่แสดงอาการอาลัยอาวรณ์ให้สมบทบาท ประชาชนผู้นั้นและครอบครัวก็จะถูกลงโทษ

               ตลอดช่วงเวลา 17 ปี ภายใต้การปกครองของคิมจองอิล เขายังคงรักษาระดับความเผด็จการคลั่งอำนาจได้ดีไม่ต่างไปจากคิมอิลซุงผู้เป็นบิดา เกาหลีเหนือกลายเป็นดินแดนที่ไร้ซึ่งเสรีภาพทั้งในด้านสื่อ ศาสนา การศึกษา และแน่นอนที่สุดคือการเมือง ในยุคของคิมจองอิลมีการจับนักโทษการเมืองกว่า 200,000 ราย จับจริงและลงโทษกันอย่างจริงจังจนชาวบ้านต่างหวาดเกรงไม่กล้าแข็งข้อไม่ว่าจะถูกบังคับกดขี่เพียงใดก็ตาม นักจิตวิทยาเคยวิเคราะห์ไว้ว่าพฤติกรรมหลาย ๆ อย่างของคิมจองอิลมีลักษณะร่วมกับเหล่าผู้นำที่โหดเหี้ยมสุดโต่งในอดีต ไม่ว่าจะเป็น ฮิตเลอร์ สตาลิน หรือแม้แต่ซัดดัม ฮุสเซน

               และแม้ว่าความเป็นอยู่ของประชาชนจะอดอยากลำบากเหลือใจ แต่ผู้นำประเทศกับใช้ชีวิตในทางตรงกันข้าม คิมจองอิลมีชีวิตที่กินดีอยู่ดี มีห้องใต้ดินที่เก็บไวน์ชั้นเลิศไว้เป็นพันขวด มีไฟลท์บินตรงจากญี่ปุ่นเพื่อเสิร์ฟซูชิอย่างดีแก่ท่านผู้นำโดยเฉพาะ ใช้เงินกว่า 20 ล้านดอลลาร์หสรัฐ นำเข้าเบนซ์หรูกว่า 20 คัน เพื่อสนองความต้องการตนเอง และสิ่งที่ชวนให้อ้าปากค้างที่สุด คือการสั่งให้บันทึกชีวประวัติของตนเองว่า เป็นบุคคลที่ไม่จำเป็นต้องขับถ่าย ไม่ว่าปัสสาวะหรืออุจจาระ และสามารถกำหนดฝนฟ้าอากาศได้ด้วย !!


world_id:54ffafb138217ab71f000000


ภาพจาก all-that-is-interesting.com


3. อิดี้ อามิน แห่งอูกันดา ผู้นำคานิบาลกินเนื้อคน

รวม 7 ผู้นำคลั่งที่สุดในประวัติศาสตร์โลก

               อิดี้ อามิน หรือ ดาดา (Idi Amin Dada) ผู้นำแห่งอูกันดารายนี้แม้จะขึ้นปกครองประเทศในชั่วระยะเวลาไม่นานเพียง 8 ปี ระหว่างปี 1971-1979 แต่ก็ได้สร้างความปั่นป่วนและฝากวีรกรรมความคลั่งเอาไว้นับไม่ถ้วน เขาเป็นผู้นำที่ถูกครหาว่ามีจิตไม่ปกติ เอาแน่เอานอนไม่ได้ และถูกกระตุ้นให้เดือดดาลได้อย่างง่ายดาย นับตั้งแต่การขึ้นครองอำนาจด้วยการรัฐประหาร นักการเมือง ผู้นำกองทัพ นักวิชาการ ตลอดจนพลเมืองไม่รู้กี่ชีวิตต่อกี่ชีวิตที่ถูกจับสังหาร ยอดตัวเลขผู้ตายยังคงไม่ได้รับการยืนยันแน่ชัดมาจนกระทั่งบัดนี้ ว่ากันว่าอยู่ระหว่าง 80,000-500,000 คนเลยทีเดียว

               ความเพี้ยนของผู้นำคลั่งรายนี้ยังรวมไปถึงการสั่งห้ามไม่ให้ชาวเอเชียไม่ว่าหน้าไหนย่างกรายเข้าอูกันดาเป็นอันขาด โดยมีกระแสลือกันว่าสาเหตุเป็นเพราะอามินผูกใจเจ็บที่เคยถูกลูกสาวตระกูลดังของเอเชียปฏิเสธรัก นอกจากนี้เขายังเคยส่งจดหมายขอแต่งงานไปถึงราชินีอลิซาเบธ และเรียกตนว่าเป็นราชาแห่งสกอตแลนด์ เป็นผู้ปกครองแห่งสหราชอาณาจักร และว่าจะเป็นประธานาธิบดีไปตลอดชีพ แต่สิ่งเหล่านี้ก็เทียบไม่ได้กับรายงานลับ ๆ ว่า ที่ลือกันหึ่งว่า "อามินเป็นพวกกินเนื้อมนุษย์" โดยกินเนื้อจากศพของเหล่าศัตรูที่ถูกฆ่า และยังมีข่าวลือว่าเขาฆ่าหั่นศพหนึ่งในภรรยาของตัวเองด้วย

               แต่สุดท้ายชีวิตที่คลั่งอำนาจของอามินก็จบลง เขาหนีออกนอกประเทศหลังอำนาจของตนถูกทำรัฐประหาร และเสียชีวิตเมื่อปี 2003 จากอาการไตวายที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในซาอุดีอาระเบีย ศพของเขาไม่ได้ถูกนำกลับประเทศ แต่ฝังไว้ที่สุสานในซาอุดีอาระเบียเยี่ยงประชาชนคนธรรมดา ไม่มีการประดับตกแต่งใด ๆ ที่บ่งบอกว่าครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นผู้นำที่กุมอำนาจสูงสุดมาก่อน


ภาพจาก all-that-is-interesting.com


4. นิโคไล เชาเชสกู แห่งโรมาเนีย ผู้ถูกสังหารสังเวยความคลั่งในวันคริสต์มาส

รวม 7 ผู้นำคลั่งที่สุดในประวัติศาสตร์โลก

               นิโคไล เชาเชสกู (Nicolae Ceausescu) เป็นผู้นำคอมมิวนิสต์คนสุดท้ายของโรมาเนีย เป็นที่เกลียดชังและจดจำของชาวโรมาเนียไปพร้อม ๆ กัน สิ่งที่หลงเหลือให้จำเกี่ยวกับเชาเชสกูนั้น นอกจากความบ้าอำนาจ กดขี่ รีดไถ ในระหว่างที่เขาครองอำนาจสูงสุดของประเทศตั้งแต่ปี 1967-1989 แล้ว ก็คือภาพฉากสุดท้ายของชีวิตที่เชาเชสกูลและเอเลนา ผู้เป็นภริยา ถูกจับประหารชีวิตต่อหน้าสาธารณชนด้วยการจับมัดมือไพล่หลังและรัวกระสุนใส่ จบชีวิตผู้นำคลั่งอำนาจลงอย่างอเนจอนาถในวันที่ 25 ธันวาคม 1989

รวม 7 ผู้นำคลั่งที่สุดในประวัติศาสตร์โลก

               ในช่วงที่เรืองอำนาจ เชาเชสกูชื่นชอบให้คนเรียกตนเองว่าท่านผู้นำ มีการสั่งให้ทำคฑาพิเศษเพื่อเสริมบารมีตนเองให้เป็นเหมือนอย่างราชา เขาคลั่งไคล้การอำนาจในมือที่สามารถบงการทุกอย่างได้ หนึ่งในวีรกรรมฟุ้งเฟ้อและคลั่งอำนาจของเชาเชสกู คือการสั่งรื้อถอนโบสถ์ 19 แห่ง มัสยิด 6 แห่ง และบ้านเรือนประชาชนอีกกว่า 30,000 หลังคาเรือน เพื่อที่จะสร้างคฤหาสถ์ของตนเอง อันอาศัยแรงงานถึง 700 คน และเม็ดเงินอีกกว่าหมื่นล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ดีหลังจากโรมาเนียเด็ดผู้นำรายนี้ลงจากตำแหน่งและจัดการปลิดชีพแล้ว คฤหาสถ์ของเชาเชสกูก็ได้กลายเป็นรัฐสภาของโรมาเนียแทน แต่ด้วยความใหญ่โตฟุ้งเฟ้อที่เชาเชสกูสร้างไว้ อาคารถูกใช้งานเป็นรัฐสภาจริง ๆ ยังกินพื้นที่ไม่ถึงครึ่งหนึ่งของสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดเลยด้วยซ้ำ


world_id:54ffb2de38217aeb2b000000


ภาพจาก all-that-is-interesting.com


5. มูอัมมาร์ กัดดาฟี แห่งลิเบีย ผู้นำคลั่งแห่งตะวันออกกลาง


รวม 7 ผู้นำคลั่งที่สุดในประวัติศาสตร์โลก

               วีรกรรมโหดร้ายที่ลิเบียและโลกต้องจดจำไว้ของ มูอัมมาร์ กัดดาฟี (Muammar Qaddafi) มีนับไม่ถ้วน ตลอดระยะเวลา 40 ปี ที่ขึ้นเป็นผู้นำของลิเบีย กัดดาฟีถูกขนานนามว่าเป็นผู้นำที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนของประชาชนในประเทศอย่างเลวทราม ประชาชนอยู่อย่างหวาดกลัว ในขณะที่เหล่าชาวเบอเบอร์ อิตาเลียน ยิว และแรงงานต่างชาติ ถูกกดขี่อย่างหนัก โดนจับไปเป็นนักโทษ จนถึงขั้นจับมาสังหารหมู่นักโทษ 1,270 ราย ในปี 1996

               อีกหนึ่งสิ่งเกี่ยวกับกัดดาฟีที่โลกจารึกไว้อย่างไม่มีวันลืม คือการที่ผู้นำรายนี้หนุนหลังกลุ่มก่อการร้ายที่ก่อเหตุวางระเบิดเครื่องบินโบอิ้งของการบิน Pam Am เที่ยวบิน 103 หรือที่รู้จักกันในชื่อล็อกเคอร์บี้ บอมบิ้ง (Lockerbie Bombing) เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 1988 แรงระเบิดไม่เพียงแต่ทำให้เครื่องบินแยกออกเป็นสองส่วนกลางอากาศเท่านั้น แต่ซากของมันยังตกลงบนพื้นชุมชนของหมู่บ้านล็อกเคอร์บี้ของสกอตแลนด์ มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 270 ราย นอกจากผู้โดยสารที่ตายยกลำแล้วยังมีชาวบ้านที่ถูกซากเครื่องบินร่วงใส่เสียชีวิตไปด้วย 11 คน นับเป็นอุบัติเหตุทางการบินที่เลวร้ายและเสียหายมากที่สุดครั้งหนึ่งของโลก

รวม 7 ผู้นำคลั่งที่สุดในประวัติศาสตร์โลก

               วาระสุดท้ายของกัดดาฟีหนีไม่พ้นวิบากกรรมที่ตนเองก่อ เกิดสงครามกลางเมืองต่อต้านอำนาจของกัดดาฟีเมื่อปี 2011 เขาถูกจับและสังหารระหว่างพยายามหลบหนีออกนอกเมืองซีระเตะห์

ภาพจาก all-that-is-interesting.com

6. เหมาเจ๋อตุง แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ผู้นำทัพแดงผู้ยิ่งใหญ่


รวม 7 ผู้นำคลั่งที่สุดในประวัติศาสตร์โลก

               "เหมาเจ๋อตุง" (Mao Zedong) เป็นอีกชื่อหนึ่งที่คนนึกถึงเมื่อได้ยินคำว่า ผู้นำคลั่งอำนาจ ความคลั่งอำนาจของเหมาไม่ได้แสดงออกมารูปแบบที่โหดร้ายทารุณกับประชาชนโดยเจตนา แต่มาจากการลองทดลองระบบการปกครองที่เรียกได้ว่าผิดพลาดและล้มลุกคลุกคลาน เหมาเจ๋อตุงยึดอำนาจจากเจียงไคเช็กและประกาศสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีนขึ้นในปี 1949  โดยตนเองเป็นผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์จีนและเป็นผู้นำประเทศ

               แม้จะได้รับการสนับสนุนจากประชาชนจำนวนมาก แต่นโยบายการบริหารประเทศที่คาดว่าจะนำความเจริญมาสู่จีนนั้นกลับเหลวไม่เป็นท่า หนึ่งในนั้นคือ "นโยบายก้าวกระโดด" ที่เหมาต้องการเปลี่ยนวิธีการขับเคลื่อนประเทศจากวิถีเกษตรกรรมเป็นอุตสาหกรรม มีการสั่งให้ชาวไร่ชาวนานำจอบ พลั่ว คราด เคียว ของตนไปหลอมถลุงเป็นเหล็กเพื่อใช้ในการอุตสาหกรรม แต่สุดท้ายก็ไม่ประสบผล ชาวบ้านตั้งหน้าตั้งตาถลุงเหล็กตามคำสั่งรัฐบาล จนละทิ้งเรือกสวนไร่นาของตนไป สุดท้ายผลผลิตก็ไม่ดี ส่งผลให้เกิดความอดอยากยากแค้นไปทั่ว แล้วเหล็กที่นำไปถลุงก็กลายเป็นเพียงเศษเหล็กที่ใช้งานไม่ได้

รวม 7 ผู้นำคลั่งที่สุดในประวัติศาสตร์โลก

               เหมาเจ๋อตุงยังพยายามปฏิวัติวัฒนธรรม กำจัดคนขั้วตรงข้าม ไล่ล้างเหล่าปัญญาชนและนักการเมืองที่เป็นปฏิปักษ์ สั่งปิดมหาวิทยาลัย ให้ครูและนักศึกษากลับบ้านนอกไปทำไร่ทำนาใช้แรงงาน นอกจากนี้ยังมีการจัดตั้งกลุ่มยุวชนแดง (Red Guard) ขึ้น อันได้ชื่อในเวลาต่อมาว่าเป็นกลุ่มคนที่ถูกล้างสมองด้วยแนวคิดซ้ายจัด กลุ่มเรดการ์ดทำหน้าที่เป็นหูเป็นตาให้รัฐบาลเหมาเจ๋อตุง ใครไม่เคารพผู้นำก็จะถูกประจานและประหาร ทั้งยังบุกทำลายข้าวของบ้านเรือนประชาชนหากว่าเห็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงความนิยมตะวันตกปรากฏออกมา

               เหมาเจ๋อตุงดำรงตำแหน่งประธานสาธารณรัฐประชาชนจีนอยู่คนถึงปี 1969 และถึงแก่อสัญกรรมด้วยอาการหัวใจวายเมื่อปี 1976 แม้การดำเนินนโยบายหลาย ๆ ด้านของเหมาจะผิดพลาดและส่งผลให้ประชาชนอดอยากล้มตายไปไม่น้อย แต่เมื่อเทียบกับผลงานดี ๆ ที่เกิดขึ้น ชาวจีนก็ยังคงยกย่องเชิดชูผู้นำรายนี้เสมอมา

ภาพจาก all-that-is-interesting.com


7. ซัดดัม ฮุสเซน แห่งอิรัก ผู้นำคลั่งอำนาจที่โลกไม่ลืม

รวม 7 ผู้นำคลั่งที่สุดในประวัติศาสตร์โลก

               คำถามที่ว่า "ซัดดัม ฮุสเซส" (Saddam Hussein) อดีตผู้นำแห่งอิรักมีความสมบูรณ์ทางจิตใจดีหรือไม่ยังคงเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ในหมู่นักประวัติศาสตร์ ทาริค อาซิส อดีตรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศสมัยซัดดัมเรืองอำนาจ เผยว่าประธานาธิบดีซัดดัมเริ่มมีอาการจิตใจไม่มั่นคงเมื่อครั้งสั่งทำสงครามรุกรานคูเวตเมื่อปี 1990 ในขณะคนที่เคยทำงานใกล้ชิดอีกหลายรายเผยว่าเขามีลักษณะของคนป่วยหลงตัวเองอย่างร้ายแรง ซึ่งเป็นอาการผิดปกติด้านพฤติกรรม ยึดตนเองเป็นศูนย์กลาง ขี้หงุดหงิด ถูกกระตุ้นได้ง่ายจากคำวิจารณ์ และไม่มีหัวจิตหัวใจเห็นใจผู้อื่น เขาเดินหน้าพัฒนาลัทธิคลั่งไคล้ตัวผู้นำ จัดการเก็บทุกกลุ่มที่มีแนวโน้มเคลื่อนไหวต่อต้าน โดยเฉพาะจากชนกลุ่มน้อย และกลุ่มทางศาสนาที่พยายามเรียกร้องสิทธิในการปกครองตนเอง

รวม 7 ผู้นำคลั่งที่สุดในประวัติศาสตร์โลก

               นอกจากคลั่งอำนาจแล้วซัดดัมยังมีรสนิยมหลงไหลความฟุ้งเฟ้อในอาวุธสงคราม อดีตประธานาธิบดีอิรักมีคอลเลคชั่นอาวุธสงครามทองคำ มีทั้งปืนพก ปืนกล และปืนไรเฟิล ที่ทำจากทองคำเหลืองอร่ามหลายกระบอก ส่วนเรื่องคลั่ง ๆ ในรูปแบบที่แปลกประหลาดไปกว่านั้น คือการที่เขาได้สั่งให้ถ่ายเลือดตนเองไปเพื่อใช้เลือดนั้นเขียนคัมภีร์อัลกุรอาน คนใกล้ชิดที่มีส่วนรู้เห็นกับเรื่่องนี้เผยในภายหลังว่า ซัดดัมใช้เวลาตลอด 2 ปี ถ่ายเลือดตัวเองเพื่อนำไปเขียนคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเบ็ดเสร็จแล้วสามารถเขียนได้ทั้งหมด 605 หน้า ด้วยเลือดทั้งหมดราว 27 ลิตร

               ซัดดัม ฮุสเซน ถอนจากอำนาจในที่สุดหลังปฏิบัติการจัดการอิรักโดยกองกำลังพันธมิตรนำโดยสหรัฐอเมริกาในปี 2003 เขาถูกตัดสินประหารชีวิตด้วยการแขวนคอ ภาพการประหารชีวิตของเขาได้รับการออกอากาศ แต่อย่างไรก็ตามภาพศพของอดีตผู้นำรายนี้ไม่ได้รับการเปิดเผยต่อสาธารณชน


ภาพจาก all-that-is-interesting.com













เรื่องน่าสนใจอื่นๆ
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
รวม 7 ผู้นำคลั่งที่สุดในประวัติศาสตร์โลก อัปเดตล่าสุด 11 มีนาคม 2558 เวลา 14:17:02 101,075 อ่าน
TOP
x close