
ทางการไทยร่วมแถลงจับกุมแก๊งค้างาช้างข้ามชาติชาวมาเลเซีย ลักลอบงาช้างแอฟริกาเข้ามาขายในไทย พร้อมยึดของกลางได้กว่า 51 กิ่ง ด้าน สนช. เร่งแก้กฎหมายลงทะเบียนให้กระทรวงทรัพยากรฯ ดูแลช้างบ้านแทนมหาดไทย
เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2558 เวลา 16.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.อ. ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วย พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. และ พล.ต.อ. เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร./ผอ.ศปทส.ตร. ร่วมแถลงข่าวการจับกุม นายบุน ชิง เตา (MR.BOON CHING TEO) สัญชาติมาเลเซีย และนายสิริชัย ศรีดานนท์ ผู้ต้องหาตามหมายจับ ในคดีลักลอบค้างาช้างจากประเทศแอฟริกา โดยมี นายนิพนธ์ โชติบาล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช, พล.ต.ต. ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ รรท.ผบช.ก. และ พล.ต.ต. ประสพโชค พร้อมมูล ผบก.ปทส. ร่วมการแถลงข่าว ณ ห้องศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 ตร.

ทั้งนี้การจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองรายดังกล่าว สืบเนื่องตามนโยบายของ พล.อ. ดาว์พงษ์ ที่ได้ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเร่งรัดปราบปรามจับกุมขบวนการผู้ลักลอบค้างาช้างจากประเทศแอฟริกา โดย พล.ต.อ. สมยศ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสืบสวน กวดขัน จับกุม คดีลักลอบค้างาช้างในพื้นที่รับผิดชอบ ต่อมาเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2557 เจ้าหน้าที่ตำรวจ ภ.จว.สุรินทร์ ได้ร่วมกันทำการจับกุม นายกัมพล น้อยถนอม อายุ 47 ปี พร้อมของกลาง งาช้าง 51 กิ่ง น้ำหนักรวมประมาณ 135 กิโลกรัม มูลค่า 5.8 ล้านบาท เครื่องชั่งน้ำหนัก (TRADE MARK) รถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ สีเทา และ ของกลางอื่นๆ จากการสืบสวนขยายผลทราบว่ามีผู้ร่วมกระทำความผิด จำนวน 3 คน คือ นายบุน ชิง เตา (MR.BOON CHING TEO) อายุ 51 ปี สัญชาติมาเลเชีย, นายดำ (ไม่ทราบชื่อและนามสกุล) และ นายสิริชัย ศรีดานนท์ อายุ 50 ปี ซึ่งต่อมาศาลจังหวัดรัตนบุรีได้อนุมัติหมายจับบุคคลทั้งสาม เมื่อ 17 กุมภาพันธ์ 2558
จากการสืบสวนติดตามอย่างต่อเนื่องเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมสามารถทำการจับกุม นายสิริชัย ศรีดานนท์ ได้ที่บริเวณหน้าบ้านพัก ย่านถนนวัชรพล แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กทม. และทำการสืบสวนขยายผลจากนายสิริชัยฯ จนสามารถจับกุมตัว นายบุน ชิง เตา (MR.BOON CHING TEO) ได้ที่สนามบินดอนเมือง ภายในวันเดียวกัน
ผลการสืบสวนทราบว่า นายบุน ชิง เตา ทำหน้าที่เป็นนายทุน ติดต่อซื้องาช้างมาจากทวีปแอฟริกา และนำงาช้างเข้ามาในประเทศไทยผ่านทางภาคใต้ ซึ่งจะมีนายดำ (ไม่ทราบชื่อและนามสกุล) เป็นคนไปรับงาช้างมาเพื่อดูแลและจัดส่งให้กับลูกค้าตามจังหวัดต่าง ๆ ส่วนนายสิริชัย จะมีหน้าที่ดูแลเรื่องการเงินให้กับนายบุน ชิง เตา โดยหลังจากลูกค้ารับสินค้า (งาช้าง) แล้วจะโอนเงินค่างาช้าง เข้าบัญชีของ นายสิริชัย จากนั้น นายสิริชัย จะโอนเงินเข้าบัญชีของ นายบุน ชิง เตา อีกทอดหนึ่ง ซึ่งขบวนการนี้ จากการตรวจสอบประวัติมีการเดินทางเข้าออกประเทศแถบแอฟริกาหลายครั้ง และมีความเชื่อมโยงกับขบวนการค้างาช้างแอฟริกาข้ามชาติ

พล.ต.อ. สมยศ กล่าวว่า การดำเนินการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการปราบปรามจับกุมผู้กระทำผิดกฎหมาย ซึ่งเป็น 1 ใน 5 ความก้าวหน้าที่สำคัญ เพื่อแก้ไขปัญหาการค้างาช้างผิดกฎหมายในประเทศไทย ตามแผนปฏิบัติการงาช้างแห่งประเทศไทย ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ดำเนินการอยู่ในขณะนี้ เพื่อแสดงให้สำนักเลขาธิการอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ หรือ CITES และประชาคมโลกได้รับรู้ว่า ประเทศไทยไม่ได้นิ่งนอนใจต่อปัญหาการค้างาช้างผิดกฎหมายแต่อย่างใด ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้ พล.ต.อ. เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร./ผอ.ศปทส.ตร. รับผิดชอบ ควบคุม กำกับดูแลเรื่องนี้ โดยเน้นการบูรณการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนอย่างใกล้ชิด

ขณะที่ พล.อ. ดาว์พงษ์ กล่าวย้ำว่า ตามกฎหมายค้างาช้าง ตาม พ.ร.บ.งาช้าง พ.ศ. 2558 ซึ่งกำหนดให้ผู้มีงาช้างบ้านต้องแจ้งการครอบครอง ภายในวันที่ 21 เมษายน 2558 สำหรับผู้ฝ่าฝืนต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 3 ล้านบาท โดยสามารถยื่นแบบและเอกสารหลักฐานการได้มาของงาช้าง สำหรับผู้ที่อยู่ในเขตกรุงเทพฯ แจ้งได้ที่ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ในส่วนต่างจังหวัดติดต่อ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 1-16 หรือช่องทางไปรษณีย์ ตู้ ปณ.555 ปณศ.จตุจักร กรุงเทพฯ 10900 ในส่วนผู้ค้างาช้างบ้าน ต้องแจ้งการครอบครองและขออนุญาตค้างาช้าง ภายในวันที่ 21 เมษายน 2558 เช่นกัน หากฝ่าฝืนไม่ขออนุญาตต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 6 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ในโอกาสนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนหากพบเห็นเบาะแสหรือข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการลักลอบฆ่าช้างป่า รวมถึงสัตว์ป่าสงวน หรือข้อมูลนายพรานในพื้นที่ต่างๆ รวมถึงเบาะแสอื่นใด ที่จะเป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในการดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสัตว์ป่า สามารถแจ้งผ่านทางสายด่วน ปทส. 1136 และสายด่วน 191 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง






