

หลังจากเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2558 ที่ผ่านมา กองทัพภาคที่ 2 และเจ้าหน้าที่กว่า 100 นาย ได้ผนึกกำลังเข้าตรวจสอบ โบนันซ่ารีสอร์ท เขาใหญ่ ในพื้นที่จำนวน 151 ไร่ โดยพบว่าบริเวณสนามแข่งรถและพื้นที่ปลูกบ้านพัก ซึ่งมีจำนวน 151 ไร่ แต่มีเพียง 47 ไร่เท่านั้นที่มีเอกสารสิทธิ์ หนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) ส่วนอีก 104 ไร่เป็นพื้นที่บุกรุก ซึ่งทางด้าน พ.ต.อ. สุทธิโรจน์ นพโพธิ์พงษ์ รองผู้บัญชาการ กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิด เกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ปทส.) ระบุว่า กรณีนี้ต้องดำเนินการคดีตาม พ.ร.บ.ทรัพยากรธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม ต้องมีการตรวจสอบและรวบรวมเอกสารให้ครบถ้วน อีกทั้งบ้านที่ปลูกในพื้นที่บุกรุกนั้นต้องดำเนินการรื้อถอนต่อไป ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น [อ่าน ทหารบุกตรวจโบนันซ่า เขาใหญ่ รุกผืนป่ากว่า 100 ไร่ คลิก]


ล่าสุด วันที่ 1 เมษายน 2558 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ. ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่า พื้นที่ดังกล่าวมีการบุกรุกและขยายเพิ่มเติม จากส่วนที่มีเอกสารสิทธิถูกต้องเพียง 6 แปลง โดยเทียบจากแผนที่ภาพถ่ายดาวเทียมเมื่อปี พ.ศ.2517 ซึ่งเมื่อลงพื้นที่ตรวจสอบแล้ว ทางกรมป่าไมัในฐานะผู้เสียหายจะต้องแจ้งความดำเนินคดีบุกรุกป่าสงวน และทางโบนันซ่าจะต้องรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างทั้งหมด ส่วนการออกเอกสารสิทธิ น.ส.3 ก. ในเขตป่าสงวน ในพื้นที่บางส่วนของป่าไม้ถาวรเมื่อปี 2519 ทางสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) จะดำเนินการกับเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องในการออกเอกสารสิทธิมิชอบและจะเพิกถอนเอกสารสิทธิทั้งหมดด้วย โดยหลังจากแจ้งความไว้เป็นหลักฐานแล้ว จะส่งให้ทางดีเอสไอตรวจสอบว่า มีกลุ่มผู้มีอิทธิพลอยู่เบื้องหลัง จนทำให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องไม่กล้าดำเนินคดีหรือไม่
ด้าน พ.อ. สมหมาย บุษบา คณะทำงานฝ่ายกฎหมายกองทัพภาคที่ 2 กล่าวว่า เมื่อปี 2506 พื้นที่ดังกล่าวเป็นป่าไม้ถาวร ต่อมาได้จำแนกพื้นที่บริเวณป่าเขาเสียดอ้า ป่าเขานกยูง และป่าเขาอ่างหิน เป็นพื้นที่ป่าสงวนเมื่อปี 2509 กระทั่งปี 2519 กรมที่ดินได้ออกหนังสือ น.ส.3 จำนวนกว่า 1 พันไร่ และได้ประกาศเป็นพื้นที่สำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ในปี 2532 และขยายเพิ่มเติมในปี 2536 โดยไม่มีการเปิดให้เอกชนเข้ามาจับจองพื้นที่แต่อย่างใด จนกระทั่งเมื่อปี 2549 ทางโบนันซ่าได้เข้ามาขยายพื้นที่เพิ่มเติม นอกจากนี้ยังพบว่าพื้นที่รอบข้างโบนันซ่ามีกลุ่มนายทุน และนักการเมืองระดับประเทศได้เข้าไปซื้อที่ดินเพื่อรองรับโครงการรถไฟความเร็วสูงตั้งแต่สมัยรัฐบาลที่ผ่านมา

ทางด้าน น.ส.พัทธมน เตชะณรงค์ ผู้เป็นเจ้าของเอกสารสิทธิ์พื้นที่บริเวณโบนันซ่าเขาใหญ่นั้น กล่าวว่า ตนเข้ามาบริหารโบนันซ่าเป็นรุ่นที่ 3 จึงไม่ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับที่ดิน แต่ตนมั่นใจว่าดำเนินการถูกต้องตามกฎหมาย โดยระบุว่า พ่อของตนได้ซื้อที่ดินมาจากชาวบ้าน โดยที่ไม่ทราบว่ามีการบุรุก ซึ่งหากพื้นที่ดังกล่าวมีการบุกรุกจริงก็พร้อมจะคืนให้ อย่างไรก็ตาม ตนอยากให้ทางเจ้าหน้าที่ตรวจสอบเอกสารให้ชัดเจนก่อน

พร้อมกันนั้น น.ส.พัธมน ได้นำเอกสารสิทธิ์มาแสดงให้กับเจ้าหน้าที่ได้แก่ สำเนาเอกสารสิทธิ หนังสือรับรองการทำประโยชน์ ที่ใช้ในการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ในท้องที่ที่มีระวางรูปถ่ายทางอากาศ (น.ส.3 ก.) จำนวน 47 ไร่ และใบชำระภาษีบำรุงท้องที่
รวม ข่าวโบนันซ่า เขาใหญ่ บุกรุกพื้นที่ป่าสงวน ทั้งหมด







