
ครูแจงปมดราม่า เด็ก ป.5 ฟ้องโดนใส่ร้ายเผาโรงเรียน จนถูกไล่ออกอย่างไม่เป็นธรรม ยันมีหลักฐาน เด็กผิดจริง เผยเคยช่วยทำเรื่องย้ายโรงเรียนให้ แต่พอถึงเวลากลับหายเงียบ
จากกรณีที่โลกโซเชียลเน็ตเวิร์ก ได้มีการแชร์รูปของ ด.ช.ตั้ม กำลังถือป้ายด้วยสีหน้าเศร้า โดยป้ายดังกล่าวระบุว่า ตนเองโดนไล่ออกจากโรงเรียนอย่างไม่เป็นธรรม แถมยังถูกกล่าวหาว่าเผาโรงเรียนของตัวเอง ว่อนโลกออนไลน์อยู่ในขณะนี้ ล่าสุด (7 เมษายน 2558) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่โรงเรียนดังกล่าวเพื่อพบกับรอง ผอ. และคณะครู โดยครูผู้สอน ด.ช.ตั้ม เปิดเผยว่า เรื่องการเผาโรงเรียนนั้น ด.ช.ตั้ม เป็นผู้ก่อเหตุจริง โดย ด.ช.ตั้ม ได้นำเอาแอลกอฮอล์มาเทแล้วจุดไฟเผา ซึ่งตอนเกิดเหตุก็ไม่มีใครทราบว่าเป็นฝีมือของ ด.ช.ตั้ม จนเพื่อน ๆ ในกลุ่มมาสารภาพ พร้อมนำหลักฐานคือ แอลกอฮอล์และไฟแช็กมามอบให้ นอกจากนี้ยังทราบอีกว่า ด.ช.ตั้ม ได้บอกเพื่อน ๆ ว่า เตรียมมีดมา เพื่อจะใช้แทง ผอ. เนื่องจากไม่พอใจที่ถูกลงโทษเรื่องสูบบุหรี่
ส่วนเรื่องที่ ด.ช.ตั้ม ระบุว่า ผอ. นำเอาคลิปของตนเองมาประจานต่อหน้าผู้คนจำนวนมากนั้น รอง ผอ. ระบุว่า วันที่มีการนำคลิปมาเปิดเผยนั้นเป็นวันประชุมผู้ปกครอง ซึ่งทาง ผอ. ได้นำเรื่องราวดังกล่าวมาเล่าให้ผู้ปกครองฟัง เพราะหวังให้ผู้ปกครองช่วยกันดูแลบุตรหลานเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก
และก่อนที่ ด.ช.ตั้ม จะก่อเหตุเผาโรงเรียนนั้น ก็เคยแอบสูบบุหรี่ เมื่อทางโรงเรียนทราบเรื่องก็ได้เรียกผู้ปกครองมาเตือนถึง 2 ครั้ง รวมถึงมีการบันทึกพฤติกรรมนักเรียนเอาไว้ถึง 8 เหตุการณ์ ส่วนเรื่องที่ ด.ช.ตั้ม บอกว่า ถูกไล่ออกนั้น ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด เพราะทางโรงเรียนได้เคยหารือกับผู้ปกครองของ ด.ช.ตั้ม เพื่อหาทางแก้ปัญหาทั้งการแนะนำเรื่องย้ายโรงเรียน หรือการให้ ด.ช.ตั้ม ไปบวชสามเณรภาคฤดูร้อน เพื่อปรับเนื้อปรับตัวเสียใหม่ โดยหลังการพูดคุยก็ได้มีการทำคำร้องขอย้ายโรงเรียนในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แต่ปรากฏว่า ผู้ปกครองไม่ได้มารับเอกสารที่ทางโรงเรียนเตรียมไว้ให้ อีกทั้งช่วงสอบปลายภาคการศึกษา คือ ระหว่างวันที่ 9-11 มีนาคมนั้น ทางโรงเรียนก็ได้พยายามตามตัว ด.ช.ตั้ม เพื่อให้มาสอบ แต่ ด.ช.ตั้ม ก็ไม่ได้เดินทางมาสอบ
ทั้งนี้ ในเวลาต่อมา ผอ.โรงเรียนดังกล่าว ได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊ก ระบุว่า ในฐานะที่ตนเองทำงานด้านการศึกษามา 31 ปี รู้วิธีการดูแลเด็กเป็นอย่างดี ที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีปัญหาในเรื่องการให้การศึกษาเด็กแต่อย่างใด แต่ในยุคปัจจุบันต้องยอมรับว่า ครอบครัวไทยสมัยใหม่ไม่ค่อยมีเวลาให้การดูแลเอาใจใส่เด็กเหมือนในอดีต จึงทำให้เยาวชนไทยมีปัญหามากขึ้น จึงอยากฝากให้ผู้ปกครองดูแลเอาใจใส่บุตรหลานให้มากขึ้น เพราะจะหวังเพียงฝากให้ครูดูแลเพียงอย่างเดียวนั้น คงไม่เพียงพอแล้ว
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Drama-addict
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก






