ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
ศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน ขอจัดหนักพวกเมาแล้วขับ ชี้กลุ่มนี้ดื้อด้าน แนะควรออกกฎหมายจริงจัง จัดการพวกเมาแล้วขับ จับได้กักขังทันที ส่วนกรณีเมาแล้วขับชนคนตาย มีโทษติดคุก 10 ปี
เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2558 ศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.) มูลนิธินโยบายปลอดภัยทางถนนมูลนิธิเมาไม่ขับ ได้จัดเสวนาในหัวข้อ เมา+ขับ=ฆาตกร : บทเรียนกรณี เมาแล้วขับ ชนจักรยานสามศพ โดยนายแพทย์ธนะพงศ์ จินวงษ์ ผู้จัดการศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน เปิดเผยว่า จากสถิติข้อมูลในมรณบัตรบันทึกชัดเจนว่าปัจจุบันมีผู้เสียชีวิตในกรณีเมาแล้วขับตกวันละ 8 คน ไม่รวมเหยื่อที่ถูกคนเมาแล้วขับชนเสียชีวิต อย่างช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา สาเหตุหลักของการเกิดอุบัติเหตุรุนแรง ร้อยละ 39.31 คือเมาแล้วขับ ทำให้ตายถึงร้อยละ 24% ซึ่งปัญหาเหล่านี้เป็นเพราะสังคมไทยเป็นสังคมดื้อยา คนเมาดื้อด้านเมาแล้วยังขับ ผลลัพธ์จึงกลายเป็นความสูญเสีย หากยังไม่มีการจัดการที่แท้จริงจังก็จะกลายเป็นปัญหาสะสมต่อไปเรื่อย ๆ
ทั้งนี้ นายแพทย์ธนะพงศ์ เสนอแนะว่า ควรตั้งด่านตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์หลังสถานบันเทิงปิด และควรออกกฎหมายบังคับใช้จริงจัง พิจารณาลงโทษให้หนัก เช่น
กรณีเมาแล้วขับ ชนคนตาย มีโทษสูงสุดคือจำคุก 10 ปี
กรณีเมาแล้วขับ แต่ไม่เกิดอุบัติเหตุ พิจารณาให้เป็นกักขังรอลงอาญาแทน และหากตรวจสอบประวัติแล้วพบความผิดซ้ำให้เพิ่มโทษ
กรณีตรวจพบแอลกอฮอล์ 100% ควรมีบทลงโทษดังนี้
1. เพิ่มโทษปรับมากขึ้น
2. ส่งคุมความประพฤติทุกราย
3. ขอให้มีการเผยแพร่คำพิพากษาคดีเมาแล้วขับชนคนตาย เพื่อให้จำเลยและสังคมตระหนักว่า เมาแล้วขับเป็นพฤติกรรมที่อันตราย ส่งผลให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และไม่ใช่แค่เรื่องความประมาท
ผู้จัดการศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน กล่าวอีกว่า รัฐบาลเองก็ต้องสนับสนุนเครื่องตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์และค่าใช้จ่ายในการสอบเทียบเครื่องให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อย่างน้อย 2 เครื่องต่อสถานีตำรวจภูธร ไม่ใช่เพียง 1 เครื่องต่อสถานีตำรวจภูธรเหมือนทุกวันนี้
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก