
อุดมเดช สีตบุตร มึนข่าว มีชื่อเป็น นายกฯ คนกลาง ยันไม่เคยคิดนั่งเก้าอี้ผู้นำ สงสัยทำไมตกเป็นเป้า ชี้พร้อมช่วยงาน ประยุทธ์ จันทร์โอชา เต็มที่ ขู่นักศึกษาต้านรัฐบาลออกมาป่วนอีก ศาลอาจไม่เมตตาซ้ำ
เมื่อวานนี้ (12 กรกฎาคม 2558) พล.อ. อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวถูกเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนกลางของรัฐบาลแห่งชาติ ในช่วงการเปลี่ยนอำนาจระหว่างรัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กับรัฐบาลใหม่ที่จะเกิดขึ้นว่า ตนไม่ทราบว่าข่าวนี้ออกมาได้อย่างไร แต่ก็แปลกใจว่าทำไมต้องมาเกี่ยวกับตนด้วย เพราะไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ส่วนตัวเห็นว่ารัฐบาลปัจจุบันได้ดำเนินงานมาบนความตั้งใจที่แน่วแน่ว่าจะช่วยเหลือชาติอย่างที่เห็นกันอยู่
นอกจากนี้ตนไม่คิดที่จะเป็นอะไรตามที่กระแสข่าวออกมา และไม่เคยเข้าไปแสดงความคิดเห็นอะไรกับพวกเขาเลย ไม่รู้ว่าเขาเห็นเราเป็นเป้าหมายอะไร ตนสงสัยว่าทำไมถึงต้องเป็นตน ขณะนี้ยืนยันว่า จะร่วมมือแก้ปัญหากับนายกรัฐมนตรีเต็มที่ และพร้อมปฏิบัติงานภายใต้การกำกับดูแลของ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.
อย่างไรก็ตามตนไม่รู้ว่าทำไมเข้าไปเกี่ยวกับเรื่องนี้ ส่วนตัวไม่เคยคิดที่จะเป็นนายกฯ คนกลางอะไรอย่างที่เป็นข่าว ทุกวันนี้ตั้งใจทำงานเต็มที่ ไม่เคยคิดที่จะไปเป็นอะไรตามที่เขาว่ากัน เพราะสิ่งเหล่านี้ต้องมีความเหมาะสมจริง ๆ และท่านนายกรัฐมนตรี มีความเหมาะสม มีความรู้ความสามารถจริง ๆ เป็นคนที่มีบารมีเพียบพร้อม สามารถดูแลสถานการณ์อยู่ได้ ส่วนตนเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่เข้ามาช่วยนายกรัฐมนตรีเท่านั้นเอง
สำหรับสถานการณ์ของบ้านเมืองในขณะนี้รัฐบาลยังสามารถดูแลได้เป็นอย่างดี แต่ก็ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย อะไรที่จะทำให้เกิดปัญหาก็อย่าไปสนับสนุน เช่น กรณีของนักศึกษาซึ่งตนไม่อยากพูดถึงอีกแล้ว เมื่อนักศึกษาออกมาจากการควบคุมและมีจุดยืนที่จะสู้ต่อไป สิ่งเหล่านี้ทำให้ทางหน่วยงานความมั่นคงต้องทำความเข้าใจให้มากขึ้น เขาอาจจะไม่ฟังเราถึงอย่างนั้นก็ยังคงเป็นหน้าที่ของรัฐบาล และ คสช. ที่ต้องพยายามประคับประคองทำความเข้าใจเพื่อให้สามารถเดินหน้าต่อไปได้
ทั้งนี้เราจะไม่ยอมให้ประเทศเกิดความไม่สงบอีก เพราะทุกอย่างในประเทศจะหยุดชะงัก เราต้องคุมสถานการณ์ไว้ตามความเป็นจริง ถ้ายังทำความผิดอีกก็ต้องอยู่ในส่วนของการดำเนินคดีต่อไป เมื่อทำผิดก็ต้องรับโทษเพราะที่ผ่านมาถือว่าศาลได้เมตตาแล้ว ตนไม่อยากให้เกิดขึ้นอีกหรือถ้ามีก็ถือว่าเป็นความผิดซ้ำสองเพราะถือว่าเจตนา ต่อไปศาลอาจจะไม่เมตตา อย่างไรก็ดีเราจะดูแลกลุ่มนักศึกษาที่เป็นเยาวชนเป็นพิเศษ แต่ต้องไม่ออกมาทำให้ประเทศเดินหน้าต่อไปไม่ได้
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก







