รัฐบาลรับปลดล็อกธงแดง ICAO ไม่ทันปีนี้-4 สายการบิน ส่อไม่ผ่าน



รัฐบาลรับปลดล็อคธงแดง ICAO ไม่ทันปีนี้-4 สายการบิน ส่อไม่ผ่าน

         พล.อ.อ. ประจิน จั่นตอง รับแผนปลดล็อกธงแดง ICAO เสร็จไม่ทันเดือนตุลาคมนี้ คาดอาจลากยาวไปถึงปี 2559 พบ 4 สายการบินเสี่ยงตรวจสอบคุณสมบัติไม่ผ่าน


         เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2558 พล.อ.อ. ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ถึงความคืบหน้ากรณีการแก้ไขปัญหามาตรฐานการบินตามที่องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ระบุให้ตรวจสอบสายการบินระหว่างประเทศ ทั้ง 28 สายการบิน และในประเทศอีก 14 สายการบินของไทย ว่า ตามแผนเดิมที่กำหนดว่าจะเริ่มตรวจสายการบิน ระหว่างวันที่ 11 กรกฎาคม-10 ตุลาคม 2558 คาดว่าจะสามารถเริ่มตรวจสอบได้กลางเดือนสิงหาคมนี้ แล้วเสร็จปี 2559  เนื่องจากยังไม่สามารถหาผู้เชี่ยวชาญที่จะเข้ามาทำหน้าที่ในการฝึกอบรมให้กับเจ้าหน้าที่ที่จะตรวจสอบเพื่อออกใบอนุญาตสายการบินใหม่ทั้งหมด หลังจากที่สิงคโปร์อคาเดมีได้ขอถอนตัวไป และกรมการบินพลเรือน (บพ.) ยังอยู่ระหว่างขอผู้เชี่ยวชาญจากประเทศออสเตรเลีย และ ICAO มาช่วยดำเนินการ อีกทั้งกรมการบินพลเรือนเพิ่งจัดทำคู่มือการตรวจสอบมาตรฐานสายการบิน (AOCR) เสร็จด้วย

         พล.อ.อ. ประจิน กล่าวต่อว่า ถ้าการตรวจสอบมาตรฐานการบินไม่ทัน ในระหว่างนี้จะยังไม่มีผลกระทบ เนื่องจากทุกอย่างยังคงดำเนินการไปในลักษณะที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน คือ สายการบินสามารถให้บริการได้ตามเส้นทางเดิม แต่ไม่สามารถขอเพิ่มเส้นทางใหม่ได้ ส่วนสายการบินใดที่จะหมดอายุช่วงนี้ ก็สามารถขอต่อได้ปกติ ถ้าไม่อยู่ในสภาวะที่ถูกยกเลิก

         ทั้งนี้คาดว่า หลังการตรวจสอบมาตรฐานการบินใหม่ของ 28 สายการบินแล้ว มีความเป็นไปได้ว่า จะมีประมาณ 1-4 สายการบินที่ไม่ผ่านคุณสมบัติ มีทั้งบินระหว่างประเทศและในประเทศ

         สำหรับการตรวจสอบสายการบินจะแบ่งเป็น 6 กลุ่ม ตามจำนวนที่นั่ง คือ

1. แบบ A มี 3 สายการบิน ประกอบด้วย

          การบินไทย
         ไทย แอร์เอเชีย เอ็กซ์
         นกสกู๊ต

2. แบบ B มี 5 สายการบิน ประกอบด้วย

         ไทยสมายล์
         บางกอกแอร์เวย์ส
         ไทย แอร์เอเชีย
         อาร์แอร์ไลน์
         ไทยเวียดเจ็ท

3. แบบ C มี 5 สายการบิน ประกอบด้วย

         นกแอร์
         ไทยไลอ้อนแอร์
         สบายดี แอร์เวย์ส
         สยามแอร์
         ซิตี้แอร์

4. แบบ D มี 5 สายการบิน ประกอบด้วย

         บิสซิเนสแอร์
         โอเรียนท์ไทยแอร์ไลน์
         เจ็ทเอเชียแอร์ไลน์
         เอเชี่ยนแอร์
         เอเชียแอตแลนติกแอร์ไลน์

5. แบบ E มี 2 สายการบิน ประกอบด้วย

         ไทยเอ็กซ์เพรส
         เคไมล์

6. แบบ F มี 8 สายการบิน โดยเป็นแอร์แท็กซี่ทั้งหมด

         พล.อ.อ. ประจิน ยังกล่าวถึงความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาโครงสร้างอื่น ๆ อาทิ โครงสร้างองค์กรใหม่ของกรมการบินพลเรือน ว่า ยังอยู่ระหว่างขอคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ใช้อำนาจมาตรา 44 ตามรัฐธรรมนูญ เพื่อดำเนินการ คาดว่า จะได้ภายในเดือนกรกฎาคมนี้ จากนั้นก็จะทยอยดำเนินการปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ โดยจะเริ่มต้นจากสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ต่อด้วยกรมท่าอากาศยาน สำนักงานคณะกรรมการสอบสวนอุบัติเหตุและอุบัติการณ์ของเรือและอากาศยานที่ประสบภัย และสำนักงานคณะกรรมการค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัย หรือผู้รอดชีวิต

         ด้านนางปาริชาต คชรัตน์ อธิบดีกรมการบินพลเรือน กล่าวว่า สำนักงานการบินแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (FAA) ได้เดินทางมาตรวจสอบมาตรฐานของกรมการบินพลเรือน เรื่องออกใบอนุญาตผู้ประจำหน้าที่และปฏิบัติการบิน รวมถึงการบินไทย เนื่องจากเป็นสายการบินที่มีเที่ยวบินเข้า-ออกประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 13-17 กรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งผลการตรวจสอบอย่างเป็นทางการจะออกมาอีก 1 เดือนนับจากวันที่ตรวจเสร็จ คือ ประมาณวันที่ 17 สิงหาคม

         แต่อย่างไรก็ดี เบื้องต้นสำนักงานการบินแห่งชาติสหรัฐอเมริกา ได้สรุปผลการตรวจสอบให้ทราบคร่าว ๆ ใน 3 เรื่อง ประกอบด้วย

         1. จำนวนบุคลากรในการตรวจสอบไม่เพียงพอ และคุณสมบัติในการตรวจสอบไม่ครบจำนวนแบบอากาศยานที่ประเทศไทยมีใช้อยู่

         2. แนวทางในการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ (Technical Guidance) ยังขาดรายการปฏิบัติในบางเรื่อง

         3. การตรวจติดตาม (Surveillance) ไม่ครบถ้วน เป็นผลจากบุคลากรไม่เพียงพอ

         ซึ่งจากผลสรุปคร่าว ๆ ก็ยังไม่สามารถระบุได้ว่า จะจัดให้ประเทศไทยอยู่ในประเภทที่ 1 ได้มาตรฐานของ ICAO ในการออกใบอนุญาตและทำการกำกับดูแลสายการบิน หรืออยู่ในประเภทที่ 2 ไม่ได้มาตรฐานของ ICAO ในการออกใบอนุญาตและดูแลสายการบิน

         ขณะที่ ร.อ. มนตรี จำเรียง รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่อาวุโส สายกลยุทธ์องค์กรและพัฒนาอย่างยั่งยืน บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การเลื่อนการตรวจสอบมาตรฐานสายการบิน (Recertification) ดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อแผนธุรกิจของการบินไทยในช่วงครึ่งปีหลัง เพราะการบินไทยยังสามารถใช้ใบรับรอง AOC ที่มีอยู่เดิมทำการบินได้ ส่วนการแก้ไขปัญหาข้อบกพร่องนั้นเป็นกระบวนการที่ต้องทำอย่างรอบคอบ เพื่อให้ถูกต้องตามมาตรฐาน ICAO แม้จะเกิดความล่าช้าไปบ้าง แต่เรื่องของความปลอดภัยจะไปเร่งรัดให้ตรงไทม์ไลน์คงเป็นไปได้ยาก


อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก


เรื่องน่าสนใจอื่นๆ
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
รัฐบาลรับปลดล็อกธงแดง ICAO ไม่ทันปีนี้-4 สายการบิน ส่อไม่ผ่าน อัปเดตล่าสุด 21 กรกฎาคม 2558 เวลา 17:03:38 10,799 อ่าน
TOP
x close