
นักวิทยาศาสตร์จาก NOAA เตือน เอลนีโญปีนี้อาจรุนแรงที่สุดเท่าที่เคยมีมา หลังตรวจพบอุณหภูมิผิวน้ำทะเลในมหาสมุทรแฟซิฟิกตะวันออกสูงขึ้นผิดปกติ ส่งผลสภาวะอากาศโลกแปรปรวน อุณหภูมิโลกสูงขึ้น คาดอิทธิพลลากยาวถึงปี 2559
เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2558 มีรายงานจากเว็บไซต์ไทม์ ระบุว่า นักวิทยาศาสตร์ประจำ NOAA องค์กรเจ้าของดาวเทียมสำรวจอุตุนิยมวิทยาของสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์วิเคราะห์พยากรณ์สภาวะอากาศโลก โดยระบุว่า อิทธิพลของปรากฏการณ์เอลนีโญ (El Niño) ในปีนี้ อาจมีความรุนแรงที่สุดเท่าที่เคยมี ส่งผลต่อสภาวะอากาศทั่วโลกแปรปรวนและทำให้อุณหภูมิโลกสูงขึ้น
ไมค์ ฮาลเพิร์ท ผู้ช่วยผู้จัดการศูนย์พยากรณ์สภาพอากาศของ NOAA ระบุว่า อุณหภูมิผิวน้ำทะเลมหาสมุทรแปซิฟิกบริเวณเส้นศูนย์สูตร เพิ่มขึ้นสูงกว่าระดับปกติมาเรื่อย ๆ นับตั้งแต่เดือนมีนาคม ทำให้คาดการณ์ว่า อิทธิพลของปรากฏการณ์เอลนีโญในปีนี้ จะรุนแรงยิ่งกว่าครั้งไหน ๆ เท่าที่เคยบันทึกเอาไว้ โดยในปีนี้อุณหภูมิที่วัดได้สูงว่าปกติ 2 องศาเซลเซียส ซึ่งในรอบ 65 ปีที่ผ่านมา อุณหภูมิผิวน้ำเคยพุ่งสูงถึงระดับนี้มาแล้ว 3 ครั้ง และแต่ละครั้งก็นำมาซึ่งปรากฏการณ์เอลนีโญที่รุนแรงทั้งสิ้น และคาดว่าอิทธิพลของปรากฏการณ์เอลนีโญในปีนี้จะลากยาวไปจนถึงปี 2016
สำหรับ เอลนีโญ เป็นปรากฏการณ์ที่ผิวน้ำทะเลที่อุ่นบริเวณเส้นศูนย์สูตรทางมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันออก ไหลไปแทนที่กระแสน้ำเย็นที่ไหลอยู่เดิมบริเวณเส้นศูนย์สูตรทางมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตกและบริเวณชายฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของทวีปอเมริกาใต้ แต่เมื่ออุณหภูมิผิวน้ำที่อุ่นมากผิดปกติ ส่งผลให้สภาวะอากาศหลายภูมิภาคของโลกแปรปรวน และทำให้อุณหภูมิโลกสูงขึ้นด้วย โดยอิทธิพลเอลนินโญร้ายแรงครั้งล่าสุด ทำให้ปี 2541 เป็นปีที่โลกร้อนที่สุดด้วย
ด้านผลจากอิทธิพลของปรากฏการณ์เอลนีโญที่ไทยเรา รวมทั้งประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกต้องเผชิญ มาในรูปแบบของภาวะฝนทิ้งช่วง และความแห้งแล้งผิดปกตินั่นเอง
ภาพจาก elnino.noaa.gov
**หมายเหตุ แก้ไขข้อมูลล่าสุด วันที่ 14 สิงหาคม 2558 เวลา 18.06 น.






