
NILUFER DEMIR / AFP
จากภาพร่างไร้ลมหายของเด็กชายผู้อพยพชาวซีเรียวัย 3 ขวบ ถูกพัดเกยหาดในตุรกี จุดประเด็นวิกฤตผู้ลี้ภัยในยุโรป ล่าสุด สตีฟ จ็อบส์ ถูกโยงเอี่ยวด้วย ระบุเป็นลูกผู้อพยพซีเรียเหมือนกัน แต่ชะตากรรมต่างกันราวฟ้ากับเหวขณะที่ข่าววิกฤตผู้อพยพซึ่งพยายามเข้าประเทศแถบยุโรปกำลังเป็นประเด็นร้อนในต่างประเทศ มีการถกเถียงกันถึงความเหมาะสมในการรับดูแลคนกลุ่มนี้ ซึ่งเสียงแตกออกเป็น 2 ฝ่าย ทั้งที่เป็นว่าควรให้ความช่วยเหลือและฝ่ายที่ชี้ว่าการรับไว้ดูแลอาจก่อให้เกิดปัญหาตามมาในอนาคต กระทั่งเกิดภาพที่สะเทือนใจคนทั่วโลก เป็นภาพศพของ เด็กชายซีเรียวัยเพียง 3 ขวบ ไอลัน เคอร์ดี ลอยมาติดชายหาดในตุรกี หลังจากเรืออพยพที่นั่งมาล่มระหว่างเดินทางจากตุรกีไปยังกรีซ ยิ่งขับเน้นวิกฤตการณ์ผู้อพยพในยุโรปให้เดือดมากยิ่งขึ้น โดยหลายฝ่ายชี้ว่า หากเพียงครอบครัวของเขาสามารถเดินทางไปยังประเทศเป้าหมายได้อย่างถูกต้องหรือมีประเทศที่อ้าแขนรับดูแลคนกลุ่มนี้ เด็กชายคนดังกล่าวคงไม่ต้องจบชีวิตด้วยสภาพน่าสลดในวัยที่เร็วเกินควร
นายอับดุล ฟัตตะห์ จันดาลี เป็นชาวซีเรีย เกิดที่เมืองฮอมส์ ซึ่งปัจจุบันกำลังเผชิญภาวะสงครามกลางเมือง ต่อมาได้ย้ายมาศึกษาและตั้งถิ่นฐานที่สหรัฐอเมริกา และพบรักกับนางโจแอนน์ แคโรล ชีเบิล หญิงชาวเยอรมัน ทั้งคู่มีจ็อบส์โดยที่ยังไม่ได้แต่งงานกัน และด้วยความไม่พร้อมบางประการจึงจำต้องให้ลูกชายเข้าสู่ระบบอุปการะ และในที่สุดครอบครัวชาวอเมริกันเชื้อสายอาร์เมเนีย พอลและคาร่า ก็รับจ็อบส์เป็นบุตรบุญธรรม และเป็นครอบครัวที่เลี้ยงดูจ็อบส์นับแต่นั้นเป็นต้นมา
กัลเบรธให้สัมภาษณ์เรื่องนี้กับหนังสือพิมพ์ชิคาโกทริบูน ว่า "ร่างเด็กน้อยคนหนึ่งถูกซัดเกยหาดราวกับเป็นขยะที่ไร้มูลค่า ขณะที่เด็กอีกคนที่มีพ่อเชื้อชาติเดียวกัน ได้รับโอกาสจนสามารถสร้างบริษัทที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกนี้ได้ และตอนนี้เรากำลังมองดูการโต้เถียงดุเด็ดเผ็ดร้อน ว่าจะหยุดเหล่าผู้อพยพนี้ยังไงดี"
"ทุกรายละเอียดของเรื่องนี้ช่างแตกต่างสิ้นดีกับของไอลัน มันทำให้ผมอดสงสัยไม่ได้จริง ๆ ว่า ถ้าเพียงแต่เด็กชายคนนี้ได้รับโอกาสบ้าง เขาจะเติบโตไปแล้วประสบความสำเร็จได้มากน้อยแค่ไหน" กัลเบรธ กล่าว และความเห็นนี้ของกัลเบรธก็โดนใจหลาย ๆ คนที่มีความเห็นว่าควรหยิบยื่นความช่วยเหลือแก่กลุ่มผู้อพยพ
อย่างไรก็ตาม นอกจากการถกเถียงในเรื่องการให้ความช่วยเหลือผู้อพยพในประเทศแถบยุโรปแล้ว ยังเกิดการถกเถียงในการให้คำกำจัดความคนกลุ่มนี้ ว่าเป็นควรจะเป็น "ผู้อพยพ" (migrant) หรือ "ผู้ลี้ภัย" (refugee) กันแน่ หลายคนเห็นว่าคนกลุ่มนี้เป็นผู้ลี้ภัย สมควรได้รับความช่วยเหลือ ขณะที่อีกฝ่ายแสดงความคิดเห็นว่า บางคนก็เพียงออกจากประเทศตัวเองมา เลือกอพยพมายังประเทศในยุโรปที่ให้สวัสดิการดี ๆ ในการดูแลผู้ลี้ภัยเท่านั้น ไม่ใช่ผู้ที่ลี้ภัยหนีสงครามหรือความยากลำบากมาอย่างแท้จริง






