ตำรวจจับกุมตัวแม่ วัย 23 ปี พร้อมกิ๊กหนุ่มขณะกำลังเดินทางหลบหนี หลังชู้รักก่อเหตุล่วงละเมิดทางเพศลูกสาววัย 1 ขวบ 8 เดือน จนติดเชื้อเสียชีวิต
จากกรณีที่ เด็กหญิงเอ วัย 1 ขวบ 8 เดือน เสียชีวิต โดยทีมแพทย์ระบุสาเหตุการเสียชีวิตว่าเกิดจากการติดเชื้อในช่องท้อง ญาติ ๆ จึงเดินทางเข้าร้องเรียนกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เนื่องจากสงสัยสาเหตุการตายของเด็กหญิงเอ โดยคาดว่าเป็นฝีมือเพื่อนชายของแม่เด็ก ที่เพิ่งพ้นโทษคดียาเสพติดมาได้ไม่นานนั้น
ล่าสุด วันที่ 30 กันยายน 2558 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ. อภิศักดิ์ กรองทิพย์ ผกก.สภ.เมืองหนองคาย พร้อมพนักงานสอบสวน ได้มีการรวบรวมข้อมูลพร้อมลงพื้นที่ติดตามตัวผู้ต้องสงสัยแล้ว เนื่องจากเรื่องราวดังกล่าวเป็นที่สนใจและเป็นคดีสะเทือนขวัญ เพราะผู้ถูกกระทำเป็นเด็กหญิงวัยขวบเศษเท่านั้น
จากคำให้การของญาติเด็กหญิง ระบุว่า ก่อนเกิดเหตุในวันที่ 29 กันยายนที่ผ่านมา นางสาวพัชรี ได้พาเด็กหญิงเอ ไปที่รีสอร์ทแห่งหนึ่งในตัวเมืองหนองคาย ซึ่งเป็นสถานที่ที่นางสาวพัชรีมักจะแอบมาพบกับนายนพรัตน์ กิ๊กหนุ่มอยู่บ่อยครั้ง หลังจากที่พ่อของเด็กหญิงถูกเรียกตัวเข้าประจำการเป็นทหารกองเกิน
ขณะที่ พ.ต.ท. ณัฐวุฒิ สีเสมอ พนักงานสอบสวน สภ.หนองคาย เปิดเผยว่า ในขณะนี้ได้มีการจับกุมตัวนางสาวพัชรี อายุ 23 ปี (แม่เด็ก) ได้แล้วที่ศาลาริมทาง ถ.มิตรภาพหนองคายอุดรธานี ในเขต อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี และนายนพรัตน์ อายุ 22 ปี เพื่อนชายของนางสาวพัชรี ได้ที่รีสอร์ทแห่งหนึ่งใน ต.เชียงหวาง อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี และได้ควบคุมตัวทั้ง 2 คน มาทำการสอบสวน และตรวจดีเอ็นเอส่งพิสูจน์หลักฐาน ซึ่งทั้งคู่ยังให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของเด็กหญิงเอ แต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบห้องพักจุดเกิดเหตุที่ทั้งสองคนพาเด็กหญิงเอไปด้วย พบมีรอยเลือดติดอยู่ที่บริเวณที่นอน เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน และในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้มีการแจ้งข้อหานายนพรัตน์ ในข้อหากระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี จนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย พร้อมข้อหาเสพยาเสพติดให้โทษ ประเภทที่ 1 ยาบ้า หลังจากตรวจพบว่าฉี่เป็นสีม่วง ก่อนจะควบคุมตัวไว้สอบสวนดำเนินคดีต่อไป
และในส่วนของนางสาวพัชรี ถูกแจ้งข้อหายาเสพติดด้วยเช่นกัน เนื่องจากฉี่เป็นสีม่วง ส่วนคดีของลูกสาวนั้นทางเจ้าหน้าที่ยังไม่ได้มีการแจ้งข้อหาแต่อย่างใด คงต้องรอผลการสอบสวนเพิ่มเติมก่อน
ภาพจาก ครอบครัวข่าว 3
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
