
ประเทศไทยมีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยมีรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ มานานถึง 75 ปีแล้ว พร้อม ๆ กับการถือกำเนิดของรัฐสภาไทย
นับตั้งแต่วันที่ 27 มิถุนายน 2475 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงลงพระปรมาภิไธยในพระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยามชั่วคราว พ.ศ.2475 คณะราษฎรได้แต่งตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรชุดแรก จำนวน 70 คน และได้มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรขึ้นเป็นครั้งแรก ในวันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ.2475 โดยใช้ห้องโถงชั้นบนของพระที่นั่งอนันตสมาคมเป็นที่ประชุม และจากนั้นก็ได้ใช้เป็นที่ประชุมเรื่อยมา
ต่อมาจำนวนสมาชิกรัฐสภาเพิ่มมากขึ้นตามอัตราส่วนของจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้น บริเวณสถานที่ของพระที่นั่งอนันตสมาคมเริ่มคับแคบ ไม่เพียงพอต่อการประชุมสภาและการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ จึงมีการวางแผนการจัดสร้างอาคารรัฐสภาขึ้นใหม่ถึง 4 ครั้งด้วยกัน แต่ต้องระงับไปถึง 3 ครั้ง เพราะคณะรัฐมนตรีผู้ดำริต้องพ้นจากตำแหน่งไปเสียก่อน
แผนการจัดสร้างรัฐสภาใหม่ในครั้งที่ 4 ประสบผลสำเร็จ ด้วยพระมหากรุณาธิคุณของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงยืนยันพระราชประสงค์เดิมที่จะให้ใช้พระที่นั่งอนันตสมาคมและบริเวณ เป็นที่ทำการของรัฐสภาต่อไป และทรงพระราชทานที่ดินบริเวณทิศเหนือของพระที่นั่งอนันตสมาคม ให้เป็นที่จัดสร้างสำนักงานเลขาธิการรัฐสภาขึ้นใหม่
สถานที่ทำการใหม่ของรัฐสภา จึงเริ่มก่อสร้างเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2513 โดยมีกำหนดสร้างเสร็จภายใน 850 วันใช้งบประมาณทั้งสิ้น 51,027,360 บาท ซึ่งประกอบด้วยอาคารหลัก 3 หลัง คือ หลังที่ 1 เป็นตึก 3 ชั้น ใช้เป็นที่ประชุมวุฒิสภา สภาผู้แทนราษฎร และการประชุมร่วมกันของสภาทั้งสอง ส่วนอื่น ๆ เป็นที่ทำการของสำนักงานเลขาธิการรัฐสภา ประธาน และรองประธานของสภาทั้งสอง สำหรับหลังที่ 2 เป็นตึก 7 ชั้น ใช้เป็นสำนักงานเลขาธิ การรัฐสภาและโรงพิมพ์รัฐสภา สุดท้าย หลังที่ 3 เป็นตึก 2 ชั้น ใช้เป็นสโมสรรัฐสภา ใช้ในการประชุมรัฐสภาเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2517 และใช้มาจนถึงทุกวันนี้
ด้วยเหตุผลหลายประการทำให้รัฐสภาแห่งนี้ ถูกจัดหาสถานที่ก่อสร้างอาคารแห่งใหม่มาหลายครั้งหลายคราว เมื่อครั้งอดีตรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้ออกมาจุดพลุจะสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ ไล่กันตั้งแต่เขตชั้นในกรุงเทพฯ เกียกกาย คลองเตย สวนสัตว์ดุสิต และยังมีพื้นที่ใน จ.นครนายก ที่มีการหยิบยกขึ้นมาหารือกัน หรือแม้กระทั่งการบริจาคที่ดิน 700 ไร่ ย่านบางนาของยักษ์ใหญ่วงการ อสังหาริมทรัพย์ อย่าง กฤษดา มหานคร จำกัด (มหาชน) KMC ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวติดจำนองธนาคารกรุงไทยมูลค่า 1,440 ล้านบาท แต่ทว่า KMC ยอมควักกระเป๋าจ่ายหวังว่ารัฐสภาแห่งใหม่จะผุดขึ้น
กระแสข่าวการก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่กลับมาฮือฮา อีกครั้งในยุครัฐบาลขิงแก่ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เมื่อการประชุมของคณะกรรมการจัดหาสถานที่ก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ครั้งที่ 6/2550 เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2550 มีมติให้ใช้ที่ดินสนามกอล์ฟกรมชลประทาน อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี จำนวน 210 ไร่ และโรงเรียน ชลประทานสงเคราะห์ จำนวน 37 ไร่ เป็นสถานที่ก่อสร้าง
บริเวณภายในสนามกอล์ฟกรมชลประทาน บรรดาแคดดี้และพนักงานทั้งหลายต่างรวมตัวกันแสดงความไม่พอใจกับมติที่ออกมา
โดย วินัย สุภาพ แคดดี้วัย 40 ปี กล่าวถึงผลกระทบหากมีการก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่บนพื้นที่สนามกอล์ฟกรมชลประทาน ซึ่งเป็นอู่ข้าวอู่น้ำของเขาให้ฟังว่า ผมอยู่ที่นี่มานาน 15 ปีแล้ว ลูกเมียก็อยู่ที่นี่ เรียนที่นี่จะไปหาอาชีพใหม่ก็คงไม่ไหวอายุมากแล้ว ถ้าเขามาเอาจริง ๆ ผมและเมียไม่มีงานทำก็เดือดร้อนกันทั้งบ้านเพราะเมียก็ทำงานที่นี่เหมือนกัน ก็ต้องสู้กันในทางที่ถูกต้อง อยากให้ดูถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นด้วย






