แฟ้มภาพ
กลายเป็นประเด็นร้อนสุดช็อกที่ทำให้ผู้คนทั้งประเทศต้องติดตามทันที เมื่อแก๊งวัยรุ่นก่อคดีสุดสะเทือนขวัญ โดยการใช้อาวุธขู่บังคับนำตัวชายหญิงคู่หนึ่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์เข้าไปในป่าสวนยางกลางป่าลึก ก่อนจะร่วมกันข่มขืนเหยื่อสาวที่กำลังท้อง 3 เดือนต่อหน้าแฟนหนุ่ม จากนั้นจึงนำตัวฝ่ายชายมานั่งปากหลุมและใช้ปืนจ่อยิงจนเสียชีวิต และช่วยกันฝัง และนำเหยื่อสาวไปโยนทิ้งลงเหวหวังทำลายหลักฐาน แต่เดชะบุญเจ้าป่าเจ้าเขาคงรับพฤติกรรมของคนเหล่านี้ไม่ได้ เลยยื้อชีวิตเหยื่อสาวรายนี้เอาไว้ เพื่อเอาผิดกลุ่มคนร้าย จนกลายเป็นข่าวครึกโครมอยู่ในขณะนี้
เหตุการณ์ทั้งหมดเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 27 มกราคม 2559 ที่ผ่านมา ได้มี 3 คนร้าย ขี่รถจักรยานยนต์มารับตัวนายภาสกร คงสวัสดิ์ อายุ 18 ปี อยู่บ้านเลขที่ 195 หมู่ที่ 9 ต.บ้านนา อ.ศรีนครินทร์ จ.พัทลุง ออกจากบ้านพักโดยอ้างว่าจะเคลียร์ปัญหาเรื่องส่วนตัว โดย น.ส.เอ (นามสมมติ) แฟนสาวนายภาสกร เห็นท่าไม่ดีจึงติดตามไปด้วย จากนั้นทั้ง 2 คน ก็หายตัวไป ทางครอบครัวได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.ศรีนครินทร์ จ.พัทลุง เมื่อวันที่ 28 ม.ค. ที่ผ่านมา
จากนั้นเมื่อวันที่ 30 ม.ค. 59 ได้มีชาวสวนยางพาราที่เข้าไปกรีดยางบนเทือกเขาบรรทัด พบ น.ส.เอ ถูกแทงด้วยของมีคม และทุบตีด้วยของแข็งเข้าที่บริเวณลำตัว หน้าอก ได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่เหยื่อสาวได้พยุงร่างขึ้นมาได้ ก่อนจะได้รับความช่วยเหลือจากพลเมืองดีนำตัวส่งโรงพยาบาลนาโยง และนำส่งต่อโรงพยาบาลตรัง
โดย น.ส.เอ ได้ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ศรีนครินทร์ ว่า แฟนหนุ่มถูกกลุ่มคนร้ายยิงเสียชีวิต หลังจากถูกกลุ่มคนร้าย 4 คน นำตนและแฟนหนุ่มเข้าไปยังจุดเกิดเหตุกลางป่าลึก จากนั้นกลุ่มคนร้ายที่ตนทราบชื่อเล่นว่า นายคิว, นายเจมส์, นายผา และอีกรายไม่ทราบชื่อ เนื่องจากเป็นกลุ่มวัยรุ่นในหมู่บ้าน ได้ช่วยกันมัดมือเท้าผู้ตาย และช่วยขุดหลุมเตรียมฝังผู้ตาย แต่ผู้ตายได้ขอร้องเพื่อให้มีโอกาสสั่งเสียกับตน คนร้ายจึงจับตนมัด และลงมือข่มขืนตนต่อหน้าผู้ตาย เมื่อเสร็จกิจจึงใช้อาวุธปืนลูกซองจ่อยิง และใช้มีดแทงผู้ตายซ้ำแล้วฝังดินกลบ จากนั้นได้พาตนไปข่มขืนต่อที่สวนยางพาราใกล้ที่เกิดเหตุเป็นเวลากว่า 2 วัน
แฟ้มภาพ
จากนั้น ในช่วงกลางดึกของวันที่ 31 ม.ค. 59 เจ้าหน้าที่ตำรวจก็สามารถติดตามยึดรถกระบะมิตซูบิชิคันที่กลุ่มคนร้ายนำ เหยื่อสาวไปฆ่าทิ้ง ได้ที่บ้านเลขที่ 101/1 ม.12 ต.บ้านนา อ.ศรีนครินทร์
ต่อมา เมื่อวันที่ 1 ก.พ. 59 พ.ต.อ. วิชัย วิชยานฤพล ผกก.สภ.ศรีนครินทร์ ได้ระบุว่า ตำรวจได้ควบคุมตัวผู้ต้อง 2 รายได้แล้ว 2 ราย ได้แก่ นายบี (นามสมมติ) อายุ 19 ปี และนายซี (นามสมมติ) อายุ 17 ปี โดยทั้ง 2 คนได้รับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ตำรวจจึงได้เร่งรวบรวมพยานหลักฐาน ประจักษ์พยาน เพื่อขออนุมัติหมายจับต่อศาลจังหวัดพัทลุง
โดยศาลจังหวัดพัทลุงได้อนุมัติหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 4 คนแล้ว ประกอบด้วย นายบี (นามสมมติ) และนายซี (นามสมมติ) และออกหมายจับผู้ต้องหาอีก 2 คน อยู่ระหว่างการหลบหนี ประกอบด้วย นายนพพร หรือ คิว ทองเอียด อายุ 19 ปี และนายอี (นามสมมติ) อายุ 17 ปี ซึ่งจากข้อมูลที่เจ้าหน้าที่มีทราบว่าผู้ต้องหาได้หนีไปกบดานอยู่ในพื้นที่ จ.ชุมพร พร้อมจัดชุดเร่งล่าตัวโดยทันที
จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 2 รายที่ถูกจับกุมได้นั้นให้การรับสารภาพว่า ผู้ที่ลงมือยิงปืนสังหารเหยื่อคือ นายนพพร อายุ 19 ปี โดยมีนายซี (นามสมมติ) อายุ 17 ปี เป็นผู้ใช้อาวุธมีดแทงซ้ำ ก่อนที่ทั้ง 4 คน จะช่วยกันนำร่างผู้ตายไปฝัง ส่วนคนร้ายที่ใช้อาวุธมีดแทงเหยื่อสาวหลังจากที่ช่วยกันรุมโทรม คือ นายซี (นามสมมติ) อายุ 17 ปี โดยมีนายอี (นามสมมติ) อายุ 17 ปี เป็นผู้ใช้ก้อนหินทุบลำตัว ก่อนช่วยกันนำไปโยนทิ้งในเหว
แฟ้มภาพ
นายนพพร ยอมรับสารภาพว่า ได้ร่วมกันลงมือฆ่า นายภาสกร และข่มขืนแฟนสาวของ นายภาสกรจริง แต่ไม่ได้ข่มขืนต่อหน้า แต่เป็นการกระทำหลังจากที่ก่อเหตุฆ่านายภาสกรแล้ว
ส่วนสาเหตุนั้น กลุ่มผู้ต้องหาอ้างว่า เนื่องจากตนและพวกมีความบาดหมางกับผู้ตาย ที่มักจะชอบพูดจาหยาม และท้าทายตนเอง โดยแต่เดิมทั้งผู้ตาย และพวกของตนเป็นเพื่อนกันกินนอนอยู่ด้วยกัน แต่มาผิดใจกันเรื่องที่ผู้ตายทิ้งญาติผู้น้องตนเองไปคบหากับแฟนใหม่ แถมหญิงคนดังกล่าวก็เคยเป็นแฟนเก่าของนายนพพร
ก่อนก่อเหตุตนเอง และเพื่อน ๆ ได้ดื่มน้ำต้มพืชกระท่อมกันก่อนจะไปชักชวน ผู้ตาย และแฟนสาว ให้ออกมาข้างนอก พร้อมใช้ปืนจี้บังคับทั้งคู่ขึ้นไปที่ขนำในป่าเทือกเขาบรรทัดจุดเกิดเหตุ ก่อนจะลงมือฆ่าผู้ตาย โดยตนเองและนายเจมส์เป็นคนลงมือยิง และใช้มีดแทงซ้ำ ก่อนจะขุดหลุมฝังศพดังกล่าว และปืนที่ใช้ก่อเหตุเป็นของนายเจมส์
ด้าน พ.ต.อ. วิชัย กล่าวว่า คดีดังกล่าวคาดว่าเจ้าหน้าที่จะเรียกสอบสวนผู้ร่วมขบวนการอีก 3 คน คือ นายบอย นายคีม และสาวทอม ชื่อ "กุ้ย" เพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติม หากพบมีส่วนเกี่ยวข้อง หรือขยายผลไปยังบุคคลอื่น และสรุปได้ว่า มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับเหตุดังกล่าว เจ้าหน้าที่ก็จะดำเนินคดีตามกฎหมายทุกคน